หน้า:ประชุมพงศาวดาร (ภาค ๑๐) - ๒๔๖๑.pdf/45

หน้านี้ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร
๑๐

ลานนาไทยด้วยแด่ ในเมืองลานนาไทยนั้นเปนที่ตั้งสาสนา หาเจ้ากระษัตริย์ไม่ได้ ว่าฉันนั้น เมื่อนั้นอินทาธิราชเจ้า ก็ รับเอาปฏิญาณแห่งอนุรุทธธรรมิกราชแล้ว เมื่อนั้นอินทาธิราชเจ้า ก็พิจารณาดูก็เห็นเทวบุตรตนหนึ่งอันมีบุญสมภารหากได้ สร้างมา ได้เสวยสมบัติในชั้นฟ้าดาวดึงษ์ มีอายุจักใกล้สิ้นแล้ว พระยาอินทร์ก็เข้าไปสู่สำนักเทวบุตรเจ้าตนนั้นแล้ว กล่าวว่า มาริส ดูกรเจ้าตนมีบุญ หาทุกข์ไม่ได้ ท่านจงลงไปเกิดในมนุษโลกเมืองคน ในที่เมืองเชียงลาวที่นั้นเทอญ แล้วกระทำราชภา วอันเปนท้าวพระยามหากระษัตริย์เปนใหญ่แก่ท้าวพระยาทั้งหลายในเมืองลานนาไทยแล้ว รักษายังวรพุทธสาสนาให้รุ่งเรือง เถิดว่าดังนั้นแล้ว เมื่อนั้นจังกรเทวบุตรก็รับเอาคำพระอินทร์เจ้าว่า สาธุ สาธุ ดี ดี แล ว่าฉันนั้นแล้ว เมื่อนั้นจังกรเทวบุตรก็ เรียกหามายังเทวบุตรทั้งหลายอันเปนบริวารแห่งตน มีอายุใกล้สิ้นนั้น มีประมาณพันหนึ่ง ก็จุติจากชั้นฟ้าดาวดึงษ์สวรรค์ เทวโลกลงมาสู่มนุษโลกแล้ว ก็พาดพะโองเงินทิพแต่ชั้นฟ้าลงมา นัยหนึ่งพาดแต่ปลายภูเขาทุง ลงมาปฏิสนธิอุปปาติกก็มีแล

 โสฬสวัส์สุเทสิโก ราชกุมาโรวิย เกิดมาเปนปุริสภาวเปนดังราชกุมารได้สิบหกขวบเข้า ทรงวัตถาภรณ์เครื่อง อลังการนั่งเหนืออาศนะใต้ร่มไม้พุดทราควรสนุกใจ มีที่ใกล้ริมน้ำแม่สายในเมืองชยะลวะนคร คือเมืองเชียงลาว ส่วนบริวารพันนั้น เปนผู้หญิงผู้ชาย ก็ลงมาเอาอุปปาติกะในร่มไม้พุดทราต้นนั้น พร้อมกับด้วยจังกรกุมารเจ้าตนนั้น ด้วยนิยม ครั้นเกิดมาเปนดังกุมารกุมารี