หน้า:ประชุมพงศาวดาร (ภาค ๑๔) - ๒๔๗๒ a.pdf/21

หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๑๒

ไว้คุ้งเท่าบัดนี้ ถึงณเดือนเจ็ด แรมห้าค่ำ ในวันเดียวนั้น บังเกิดเป็นพายุใหญ่ฝนตกฟ้าผ่าลงที่หอกลองที ๑ ผ่าลงที่ยอดปราสาทเป็นไฟติดขึ้นเท่าวงกระด้ง ยอดปราสาทหักสบั้นลงมา ดับไฟได้ พายุและฝนก็บรรดาลหาย มองระจึงถามโหราพฤฒาจารย์พราหมณปโรหิตและพระราชาคณะนักปราชญ์ราชบัณฑิตผู้มีปัญญา จึ่งทำนายว่า พระราชวงศาและอาณาประชาราษฎรในขอบขัณฑเสมาจะอยู่เย็นเป็นสุข ดับยุคดับเข็ญและศัตรูทั้งปวง ให้ชำระสะเกศ ให้ปล่อยนักโทษและสรรพสัตว์ทั้งปวงซึ่งต้องทุกขเวทนาขังไว้นั้น ๚

เมื่อครั้งศักราช ๑๑๒๗ ปี เดือน ๑๒ มองระจึ่งสั่งให้ฉับพะกงโบยานกวนจอโบคุมไพร่ห้าพันยกเป็นทัพหน้า ทัพหนุนนั้นให้เมียนหวุ่นเนเมียวมหาเสนาบดีคุมไพร่ห้าพันยกมาทางเหนือ ค้างเทศกาลฝนอยู่ณเมืองนครเชียงใหม่ ทางทวายนั้นให้เมคราโบคุมไพร่ห้าพันเป็นกองหน้า ทัพหนุนนั้นให้มหานะระทาคุมไพร่หมื่นหนึ่งยกมายังกรุงศรีอยุธยา ค้างเทศกาลฝนอยู่ณเมืองทะวาย ออกพระวัสสาแล้วยกทั้งทางเหนือทางใต้เข้าไปตี ได้กรุงศรีอยุธยาแล้วกลับทัพไปเมืองรัตนบุรอังวะ ๚

เมื่อศักราชได้ ๑๑๒๙ ปี ในศักราชได้ ๑๑๒๘ ปีนั้น ฮ่อยกเข้ามาถึงเมืองแซงหวี ไกลกันกับเมืองอังวะทางสิบห้าวัน มองระจึงสั่งให้ติงจาโบกับไพร่ห้าพันเป็นกองหน้า อะแซหวุ่นกี้กับไพร่หมื่นหนึ่งเป็นทัพหนุน ยกไปตีฮ่อแตกไป ๚