หน้า:ประชุมพงศาวดาร (ภาค ๑๔) - ๒๔๗๒ a.pdf/27

หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๑๗

 ครั้นศักราชได้ ๑๑๓๘ ปี จิงกูจาผู้เป็นบุตรมองระขึ้นเสวยราชสมบัติ ชะแลงจาผู้น้องจิงกูจา เมื่อมองระบิดายังอยู่นั้น ตั้งให้ชะแลงจาเป็นเจ้าเมืองชะแลง ในปีนั้นชะแลงจากับอะตวนหวุ่นอำมาตย์คิดการกบฏต่อจิงกูจาผู้พี่ซึ่งได้ราชสมบัติ จิงกูจาจึงให้เอาชะแลงจากับอะตวนหวุ่นอำมาตย์ฆ่าเสีย แล้วจิงกูจาทำนุบำรุงพระพุทธรูป พระสถูป พระเจดีย์ วัดวาอาราม อันชำรุดทรุดพังนั้น ให้ลงรักปิดทอง ๚

 ครั้นศักราชได้ ๑๑๔๒ ปี จิงกูจาเจ้าอังวะสั่งให้ถอดอะแซหวุ่นกี้ออกจากราชการ แล้วจิงกูจาสั่งให้เอาอะเมียงสะแข่งผู้เป็นลูกมังลอง เป็นน้องมองระ เป็นอาว์จิงกูจา สั่งให้ไปฆ่าเสีย แต่ปะดุงแยกไปไว้ฟากจักเกิง ปะคานสะแข่งแยกไปไว้เมืองแปงยะ แปงตะแลแยกไปไว้ณบ้านชิกกี สามคนนี้เป็นลูกมังลอง เป็นน้องมองระ ๚

 ครั้นศักราชได้ ๑๑๔๓ ปี พระเจดีย์ณเมืองแปงยะ ใกล้กันกับเมืองอังวะทางสามร้อย มีนามชื่อว่า ซุยชีกุง พังลงทีหนึ่ง อนึ่ง พระพุทธรูปซึ่งอยู่ณเมืองจะเกิ้ง คนละฟากน้ำเมืองอังวะ ให้เป็นน้ำพระเนตรไหลออกมาครั้งหนึ่ง จิงกูจาให้แต่งเครื่องนมัสการไปนมัสการพระตำบลชื่อ สีหะ ต่อกับเมืองอังวะไกลกันทางห้าคืน จิงกูจายกไปทางเรือได้สามคืน มองหม่องเป็นบุตรมองลอก กับพวกเพื่อนเป็นอันมาก เข้าปล้นชิงเอาสมบัติขึ้นเป็นเจ้า มองหม่องจึงให้หาปะดุงสะแข่ง ปะคานสะแข่ง แปงตะแลสะแข่ง ผู้อาว์สามคน มาพร้อมกันณเมือง