หน้า:ประชุมพงศาวดาร (ภาค ๑๔) - ๒๔๗๒ a.pdf/46

หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๓๖

 ถึงณศักราช ๑๑๗๑ ปีมะเส็งนักษัตร เอกศก ให้พิจารณาลูกชายหญิงอันอยู่ในเรือนบิดามารดาแต่อายุ ๑๕ ปีขึ้นไปว่า ควรมีเย่าเรือนได้ ให้เรียกเอาเงินทั้งครัวเดิมและลูกขึ้นเสมอครัวละ ๓๓ บาท ๓ สลึง ๓ เฟื้อง ๓ ไพ ๓ กล่ำ ๓ กล่อม เจ้าอังวะสั่งให้เรียกเอาเงินแก่ราษฎรอย่างนี้ มีรับสั่งให้เรียกครั้งใด เจ้าเมืองกรมการให้เรียกเอาแก่แขวงนายบ้านนายอำเภอทุกครัวเรือน ราษฎรเสียเงินให้ไปไม่เว้นเรือน ส่วนกรมการและสัสดีเคยบังบัญชีคนไว้ ส่งจำนวนเงินไปแต่บัญชียื่นทะเบียนไว้ ครั้นส่งเงินเข้าไป เจ้าอังวะเข้าใจว่า เจ้าเมืองกรมการและสัสดียังบังบัญชีคนไว้ หาได้เงินไปเข้าคลังสิ้นเชิงไม่ สั่งออกมาว่า ให้เรียกส่งจงสิ้นเชิง เจ้าเมืองกรมการเรียกเอาเงินแก่ราษฎรทั่วทั้งสิ้นอีกเล่า เอาส่งไปเข้าคลังบ้าง แบ่งกันกินเสียบ้าง ข้างเจ้าอังวะก็เห็นว่า ได้เงินยังหาครบจำนวนคนไม่ มีรับสั่งลงมาว่า หาสิ้นเชิงไม่ ให้เรียกเอาเงินส่งเข้าไปให้ครบครัวเรือนจงทุกตำบล เจ้าเมืองกรมการสัสดีเรียกเอาเงินแก่ราษฎรตามบัญชีจำนวนคนทุกครัวเรือนอีกเล่า การทั้งนี้ก็เป็นเรียกเอาเงินเสมอปีละ ๓๓ บาท ๓ สลึง ๓ เฟื้อง ๓ ไพ ๓ กล่ำ ๓ กล่อมอยู่ทุกปี ราษฎรได้ความเดือดร้อน ยกอพยพหนีทิ้งที่เย่าเรือนเสียเป็นอันมาก ๚

 ณศักราช ๑๑๗๒ ปีมะเมียนักษัตร โทศก เจ้าเมืองมัตมะบอกหนังสือกล่าวโทษอะเติงหวุ่นขึ้นไปว่า อะเติงหวุ่นยกทัพลงมาเกณฑ์เอาคนเมืองมัตมะไปสิ้นเชิง แล้วยกมาตั้งอยู่ณตำบลยองยัน ตั้งรั้วระเนียดค่ายไม้จริง ปลูกเรือนถึง ๑๐ หลัง ทั้งรีและขวางหลังละ ๙ ห้อง