หน้า:ประชุมพงศาวดาร (ภาค ๑๗) - ๒๔๖๓.pdf/17

หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๑๑

ในรัชกาลที่ ๔ เงินอากรบ่อนเบี้ยปี ๑ ได้ราว ๕๐๐,๐๐๐ บาท[1] ลักษณอากรบ่อนเบี้ยที่แก้ไขขยายการโดยลำดับแต่ก่อนมา สอบสวนทราบได้แต่เปนเค้าความดังแสดงมา ทราบไม่ได้ชัดว่า การอย่างไหนเกิดขึ้นครั้งใดเพียงใด ได้แต่ยุติว่า การอากรบ่อนเบี้ยในเมืองไทยเจริญ แพร่หลายโดยลำดับมาจนถึงรัชกาลที่ ๕ จึงได้โปรดให้จัดการลดบ่อนเบี้ยให้น้อยลงตั้งแต่ปีชวด พ.ศ. ๒๔๓๑ เปนต้นมา

การเล่นถั่วโปในเมืองไทยนับว่า เจริญแพร่เหลายถึงที่สุดเมื่อปีกุญ พ.ศ. ๒๔๓๐ มีจำนวนบ่อนเบี้ยในกรุงเทพฯ รวมกับแขวงเมืองนนทบุรีเบ็ดเสร็จ ๔๐๓ ตำบล บ่อนเบี้ยมีตามหัวเมืองทุกมณฑลรวมกันอิกประมาณ ๒๑๐ ตำบล ลักษณการอากรบ่อนเบี้ยในเวลานั้นเปนอย่างไรจะอธิบายในตอนต่อไปนี้

 ที่เรียกว่าเล่นเบี้ยนั้น เฉภาะการเล่น ๓ อย่าง คือ ถั่วอย่าง ๑ โปอย่าง ๑ กำตัดอย่าง ๑ กำตัดเล่นเหมือนกับถั่ว ผิดกันแต่วิธีแทง แทงกำตัดก็ไม่สนุกเหมือนกับถั่ว เพราะฉนั้น ไม่ใคร่จะได้ เหมือนเปนแต่เอาชื่อเข้าอากรไว้โดยประสงค์จะห้ามมิให้ผู้อื่นเอาถั่วไปปลอมเล่นเปนกำตัดเท่านั้น อากรบ่อนเบี้ย คือ ห้ามมิให้ผู้ใดเล่นเบี้ยโดยนายอากรมิได้อนุญาต ฤๅถ้าจะว่าอิกอย่าง ๑ ว่า ห้ามมิให้ผู้อื่นเปนเจ้ามือเล่นเบี้ยนอกจากนายอากร ว่าเช่นนี้ก็ได้เหมือนกัน เพราะการ


  1. ตามบาญชีของสังฆราชปัลคัว มีในหนังสือเซอยอนเบาริง