หน้า:ประชุมพงศาวดาร (ภาค ๑) - ๒๔๕๗.pdf/90

หน้านี้ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร
๖๙
เรื่องพระเจ้าอู่ทอง

เปนเมืองแห่งพระญาติ แลพระยาญาติห้ามมิฟัง จึงออกไปกับพระยาทั้งหลายแห่ห้อมล้อมไปยังท้ายเมือง ตัดพระเกษาโกนเกล้าจึงพระยาญาติทั้งหลายก็เอาพระเกษาใส่ผอบทองบรรจุไว้ แลพระองค์เจ้าก็อุปสมบทพระอุบาฬีเถรเปนพระอุปัชฌาย์ พระคิริมานนท์เปนกรรมวาจา พระสุเมธังกรเปนอนุสาวนะ ชุมนุมพระสงฆ์ ๒๐๐ องค์ ผนวช ณวันพฤหัศบดีเดือนหกขึ้นค่ำหนึ่ง เพลาเช้า ก็งามนักหนา ประดุจดังภิกษุอันได้ ๖๐ พรรษา สมเด็จพระเจ้าโกรพราช ยังอำมาตย์เสนาชวนกันสร้างอารามถวายแก่พระองค์ตามบทคาถาทั้งแปดบทดังนี้

ปฐมํ โพธิปัล์ลังกํ ทุติยํ อนิมิส์สกํ,
ตติยํ จังกมํ เสฏ์ฐํ จตุต์ถํ รตนาฆรํ.
ปัญ์จมํ อชปาลัญ์จ มุจ์จลิน์เทน ฉัฏ์ฐมํ,
สัต์ตมํ สิริเทวานํ อัฏ์ฐมํ ปรินิพ์พุตํ.

ครั้นพระเจ้าโกรพราชสร้างอารามถวายแล้ว พระองค์เจ้าตั้งเมตตาปฏิบัติกรรมฐาน แลพระสงฆ์ทั้งหลายให้ชื่ออริยสงฆ์แต่นั้นมา แลพระเจ้าโกรพราชจึงให้สร้างพระเจดีย์บรรจุพระเกษไว้ จึงให้ชื่อว่าวัดจุฬามณีแต่นั้นมาถึงบัดนี้แล

 สมเด็จพระยาสุคนธคีรีเจ้าเมืองพิไชยเชียงใหม่ มีพระราชบุตรสองพระองค์ ๆ หนึ่งชื่อเจ้าไชยทัตกุมาร องค์หนึ่งชื่อเจ้าไชยเสนกุมารสองพระองค์เปนพระภิกษุขึ้นไปเรียนพระไตรปิฎก ถึงเมืองภุกามได้สามพรรษาก็จบพระธรรมแล้ว เจ้าจึงไปเรียนไตรเพทข้างไสยสาตรได้จบบริบูรณ์ก็กลับมาเมืองวิเท่ห์ รื้อมาเมืองหงษา แลมาอาไศรยอยู่อาราม