หน้า:ประชุมพงศาวดาร (ภาค ๕) - ๒๔๖๐ reorganised.pdf/23

หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๑๐

ชาวชนต้องอยู่เรือนหอสูง (เรือนโบราณที่มีชั้นบนชั้นล่าง ชั้นบนเรียกว่า หอ) หลังคามุงด้วยไม้หมากเอาหวายผูก ที่มุงด้วยกระเบื้องก็มี เครื่องใช้ไม่มีโต๊ะ, เก้าอี้ แลม้านั่ง ใช้แต่พรมกับเสื่อหวายปูพื้น ประชาชนนับถือเซกเก่า (พุทธสาสนา) ผู้ชายบวชเปนเจง (พระภิกษุ) ผู้หญิงบวชเปนหนี (นางชี) ไปอยู่ตามวัด ผู้ที่มียศศักดิ์แลมั่งมีนั้นเคารพหุด (นับถือพระภิกษุที่สำเร็จ) มีเงินทองถึงร้อยก็ทำทานกึ่งหนึ่งด้วยไม่มีความเสียดาย

แม้ชาวชนถึงแก่ความตาย ก็เอาน้ำปรอทกรอกปาก แล้วจึงเอาไปฝัง ศพคนจนเอาไปทิ้งไว้ที่ฝั่งทเล ในทันใดก็มีกาหมู่หนึ่งมาจิกกิน บัดเดี๋ยวหนึ่งก็สูญสิ้น ญาติพี่น้องของผู้ตายร้องไห้ เอากระดูกทิ้งลงในทเล เรียกว่า เนี้ยวจึ่ง (ฝังศพกับนก) การซื้อขายใช้เบี้ยแทนตั้งจี๋ (กะแปะทองเหลือง) ปีใดไม่ใช่เบี้ยแล้ว ความไข้ก็เกิดชุกชุม

ขุนนางแลราษฎรที่มีเงินจะใช้จ่ายแต่ลำพังนั้นไม่ได้ ต้องเอาเงินส่งไปเมืองหลวงให้เจ้าพนักงานหลอมหล่อเปนเมล็ดเอาตราเหล็กตีมีอักษรอยู่ข้างบนแล้ว จึงใช้จ่ายได้ เงินร้อยตำลึงต้องเสียค่าภาษีให้หลวงหกสลึง ถ้าเงินที่ใช้จ่ายไม่มีอักษรตรา ก็จับผู้เจ้าของเงินลงโทษว่า ทำเงินปลอม จับได้ครั้งแรก ตัดนิ้วมือขวา ครั้งสอง ตัดนิ้วมือซ้าย ครั้งสาม โทษถึงตาย การใช้จ่ายเงินทองสุดแล้วแต่ผู้หญิง ด้วยผู้หญิงมีสติปัญญา ผู้ชายที่เปนสามีก็ต้องเชื่อฟัง

ชาวชนเสี้ยมหลอก๊กมีชื่อ ไม่มีแซ่ ถ้าเปนขุนนาง เรียกว่า อกม้ง (ม้ง แปลว่า นั้น หมายความว่า ออกนั้น) ผู้ที่มั่งมี เรียกว่า นายม้ง ยากจน เรียกว่า อ้ายม้ง ขนบธรรมเนียมของชาวชนนั้นแขงกระด้าง