หน้า:ประชุมพงศาวดาร (ภาค ๕) - ๒๔๖๐ reorganised.pdf/251

หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๒๓๘

ศักราช ๘๕๓ ปีกุน ตรีศก ท้าวชมภู บุตรพระยาล่าน้ำ ได้เปนเจ้าเมือง ๕ ปี ไม่มีบุตร อายุได้ ๑๕ ปี ถึงแก่กรรม

ศักราช ๘๕๘ ปีมโรง อัฐศก ท้าวพระยาพร้อมกันยกท้าวภูเพ บุตรพระไชยจักรพรรดิแผ่นแผ้วที่ ๒ เปนเจ้าเมืองศรีสัตนาคนหุตล้านช้างร่มขาว เรียกว่า พระยาวิชุลราชธิบดี ๆ สร้างพระอุโบสถหลังหนึ่ง เชิญพระบางประดิษฐานไว้ในพระอุโบสถวัดวิชุลราช พระยาวิชุลราชมีบุตรชายคนหนึ่งชื่อ ท้าวโพธิสาระ พระยาวิชุลราชครองเมืองได้ ๒๐ ปี รวมอายุ ๕๓ ปี ถึงแก่กรรม

ศักราช ๘๗๘ ปีชวด อัฐศก ท้าวโพธิสาระ บุตรพระยาวิชุลราช ได้เปนเจ้าเมือง เรียกว่า พระยาโพธิสาระล้านช้างร่มขาว อยู่มา พระแซกคำ เดิมอยู่ในพระวิหารวัดเมืองเชียงใหม่ เสด็จมาประดิษฐานอยู่ร่วมแท่นใหญ่กับพระบางที่วัดวิชุลราชธาราม เมืองศรีสัตนาคนหุตล้านช้างร่มขาว พระยาพรหมราช เจ้าเมืองเชียงใหม่ รู้ว่า พระแซกคำหายไป จึงแต่งให้แสนท้าวคุมไพร่ ๒๐ คนไปเที่ยวหาตามหัวเมืองนานาประเทศ มาพบพระแซกคำอยู่ในพระอุโบสถวัดวิชุลราชธาราม ครั้นดึกประมาณ ๒ ยามเสศ คนเมืองเชียงใหม่พากันตัดน่าต่างเข้าไปยกเอาพระแซกคำ พวกซึ่งรักษาอุโบสถตื่นขึ้น จับพวกเมืองเชียงใหม่ได้ทั้ง ๒๐ คน พระยาโพธิสาระให้ยกโทษเสีย ปล่อยตัวกลับไปเมืองเชียงใหม่ พระยาพรหมราช เจ้าเชียงใหม่ ทราบว่า เจ้าเมืองหลวงพระบางตั้งอยู่ในยุติธรรม เห็นแก่พระยาพรหมราช จึงปล่อยตัว