หน้า:ประชุมพงศาวดาร (ภาค ๖) - ๒๔๖๐.pdf/13

หน้านี้ได้ตรวจสอบแล้ว

ตีประเทศยะไข่แลเมืองเชียงใหม่ ได้อาณาเขตรขยายยิ่งออกไป จึงคิดจะมาตีกรุงศรีอยุทธยาอิก ด้วยพระเจ้าหงษาวดีบุเรงนองเคยเปนแม่ทัพคน ๑ เข้ามารบเมืองไทยครั้งพระเจ้าตะเบงชเวตี้ รู้ภูมิ์ฐานแลกำลังทั้งวิธีรบของไทยอยู่แล้ว เวลานั้นไม่มีสาเหตุอะไรกับเมืองไทย ความปรากฎว่า สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์มีบุญญาภินิหารได้ช้างเผือกถึง ๗ ช้าง ข้างพระเจ้าหงษาวดีไม่มีช้างเผือก จึงแกล้งมีพระราชสาสนเข้ามาขอช้างเผือก ๒ ช้างเพื่อจะให้เปนเหตุ เพราะช้างเผือกเปนของคู่พระบารมีของพระราชาธิบดี ถ้ายอมถวายแก่พระราชประเทศอื่น ก็เหมือนหนึ่งว่ายอมอยู่ในอำนาจของพระราชาประเทศนั้น ถ้าหากว่าไม่ยอมถวาย ก็จะถือว่าที่ขัดขืนนั้นเปนการหมิ่นประมาท พอเปนเหตุที่จะยกกองทัพเข้ามารบพุ่งปราบปราม ฝ่ายข้างกรุงศรีอยุทธยา เมื่อได้รับพระราชสาสนของพระเจ้าหงษาวดี ก็รู้เท่าถึงการตลอด สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์จึงประชุมข้าราชการปฤกษา ความเห็นข้าราชการแตกเปน ๒ ฝ่าย ฝ่าย ๑ เห็นว่า พระเจ้าหงษาวดีบุเรงนองมีกำลังมากยิ่งกว่าพระเจ้าตะเบงชเวตี้ กำลังไทยในเวลานั้นเห็นจะสู้ไม่ไหว พวกนี้เห็นว่า ยอมให้ช้างเผือกเสีย ๒ ช้าง อย่าให้มีเหตุวิวาทบาดหมางกับพระเจ้าหงษาวดีดีกว่า แต่อิกฝ่าย ๑ มีพระราเมศวรราชโอรสองค์ใหญ่ของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์ พระยาจักรี แลพระสุนทรสงครามผู้ว่าราชการเมืองสุพรรณ ทั้ง ๓ นี้เปนต้น ว่า การที่พระเจ้าหงษาวดี