หน้า:ประชุมพงศาวดาร (ภาค ๖) - ๒๔๖๐.pdf/40

หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๓๓

ที่อาจหาญการสงครามหลาย ๆ องค์ด้วยกันคุมพลไปช่วยกันทำศึกกับสมเด็จพระนเรศวร จึงจะเอาไชยชนะได้ พระเจ้าหงษาวดีเห็นชอบด้วย จึงให้พระมหาอุปราชา องค์ ๑ ลูกเธอที่เปนพระเจ้าแปร องค์ ๑ นัตจินหน่อง ราชภาคิไนย ซึ่งเปนโอรสของพระเจ้าตองอู องค์ ๑ ยกกองทัพใหญ่รวมจำนวนพล ๒๔๐,๐๐๐ เข้ามาตีกรุงศรีอยุทธยา และสั่งให้พระเจ้าเชียงใหม่ยกกองทัพเมืองเชียงใหม่ลงมาสมทบด้วยอิกทาง ๑ กองทัพยกจากเมืองหงษาวดีเมื่อณวัน ค่ำ ปีมะโรง จุลศักราช ๙๕๔ พ,ศ, ๒๑๓๕ เดินทัพเข้ามาทางด่านพระเจดีย์สามองค์ มาตั้งประชุมพลที่บ้านกะพังกรุ แขวงเมืองสุพรรณบุรี (เดี๋ยวนี้อยู่ในแขวงกาญจนบุรี)

ฝ่ายข้างกรุงศรีอยุทธยา เมื่อสมเด็จพระนเรศวรทรงทราบว่า พระมหาอุปราชายกกองทัพพม่าเข้ามาอิกเปนกองทัพใหญ่มีกำลังมากกว่าคราวก่อน จึงโปรดให้ประชุมปฤกษาการศึก ปฤกษาเห็นพร้อมกันว่า วิธีต่อสู้ที่พระนครปล่อยให้ข้าศึกเข้ามาถึงชานเมืองเปนการลำบากเดือดร้อนแก่ราษฎรนัก ถึงจะรบพุ่งมีไชยชนะ บ้านเมืองที่ข้าศึกเข้ามาเหยียบย่ำแล้วก็ต้องยับเยิน เห็นว่า ฝ่ายไทยได้เคยรบพุ่งมีไชยชนะหลายคราว ชำนาญการศึกแลรู้ความสามารถของพวกหงษาวดีอยู่แล้ว เห็นพอจะต่อสู้เอาไชยชนะในหัวเมืองได้ สมเด็จพระนเรศวรจึงดำรัสสั่งให้เตรียมกองทัพหลวงจะเสด็จออกไปต่อสู้ข้าศึกที่เมืองสุพรรณบุรี เสด็จยกกองทัพหลวง