หน้า:ประวัติฯ ศรีสุริยวงศฯ - ดำรง - ๒๔๗๒.pdf/37

หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๓๐

อย่างนั้นจริง ก็เห็นจะไม่กล้ากราบบังคมทูลฯ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเช่นนั้น จึงน่าสันนิษฐานว่า สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศจะได้ยกเหตุอันใดขึ้นกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวให้ทรงเห็นความจำเป็นในการที่จะต้องยกกรมหมื่นบวรวิชัยชาญขึ้นเป็นพระมหาอุปราช ข้อนี้ ไม่เคยได้ยินท่านผู้ใดกล่าว ได้แต่ลองคิดเดาดูโดยอาศัยความจริงมีอยู่ ๒ ข้อ ข้อ ๑ คือ ประเพณีที่มีผู้อื่นสำเร็จราชการบ้านเมืองแทนพระเจ้าแผ่นดินเมื่อยังทรงพระเยาว์มิได้เคยมีเยี่ยงอย่างในกรุงรัตนโกสินทรนี้ แม้เคยมีในสมัยกรุงศรีอยุธยาหลายครั้ง ก็มักเป็นภัยอันตรายแก่พระเจ้าแผ่นดินซึ่งยังทรงพระเยาว์นั้น มีตัวอย่างครั้งหลังที่สุด คือ เมื่อสมเด็จพระเชษฐาธิราช ราชโอรสพระเจ้าทรงธรรม ได้รับรัชชทายาท พระชันษาได้ ๑๕ ปี พระเจ้าปราสาททอง เมื่อยังเป็นเจ้าพระยากลาโหม (อย่างเดียวกับสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศเป็นอยู่เมื่อในรัชชกาลที่ ๔ และมีราชทินนามว่า "สุริยวงศ" คล้ายกันด้วย) ได้เป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน จะคัดความที่กล่าวในหนังสือพระราชพงศาวดารตรงนั้นมาลงไว้พอให้เห็น[1]

"อยู่มาเดือนเศษ มารดาเจ้าพระยากลาโหมถึงชีพิตักษัย แต่งการศพเสร็จแล้ว เจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศออกไปตั้งการปลงศพณวัดกุฎ ข้าราชการฝ่ายทหารพลเรือนผู้ใหญ่ผู้น้อยออกไปช่วย (ถึง) นอน


  1. ต้องคัดมายาวสักหน่อย เพราะความตรงนี้สำคัญแก่เรื่องที่วินิจฉัย