หน้า:พรบ จัดการ ศย ๑๑๑.pdf/3

หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๓๓
เล่ม ๑๐
ราชกิจจานุเบกษา

ตั้งแต่วันที่ ๑ เดือนเมษายน รัตนโกสินทร์ ๑๑๒ เปนต้นไปนั้น ความเดิมจะเปนคดีหลวงก็ดี คดีราษฎร์ก็ดี ก็ให้ฟ้องแลประทับไปยังศาลอุทธรณ์คดีราษฎร์ทั้งสิ้น ถ้าราษฎรผู้มีอรรถคดีจะฟ้องอุทธรณ์กล่าวโทษคำพิพากษาตัดสินของศาลอุทธรณ์คดีราษฎร์แล้ว ก็ให้ทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาทีเดียวตามความในข้อ ๖ แห่งประกาศตั้งกระทรวงยุติธรรม รัตนโกสินทร์ศก ๑๑๐ นั้น

ข้อ  ศาลพระราชอาญามีอยู่ศาลเดียว ยังไม่พอแก่การพิจารณาความอาญาที่ยังคงค้างอยู่แลที่จะเกิดขึ้นใหม่อีกต่อไป จึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งศาลเพิ่มขึ้นอีกศาลหนึ่ง ให้เรียกนามว่า ศาลราชทัณฑ์พิเฉท แลให้ศาลพระราชอาญาแลศาลราชทัณฑ์พิเฉททั้งสองนี้เปนกระทรวงพิจารณาพิพากษาตัดสินความอาญาทั้งปวง แลความอาญาที่คงค้างอยู่ในศาลพระราชอาญานั้นก็ให้แบ่งแยกมาพิจารณาในศาลราชทัณฑ์พิเฉทด้วยตามสมควร บรรดาความอาญาซึ่งจะร้องฟ้องกันขึ้นใหม่ตั้งแต่วันที่ ๑ เดือนเมษายน รัตนโกสินทร์ ๑๑๒ เปนต้นไปนั้น ให้แบ่งประทับไปยังศาลพระราชอาญาแลศาลราชทัณฑ์พิเฉททั้งสองนี้ตามพระธรรมนูญ

ข้อ  ค่าธรรมเนียมค่าเชิงประกัน ๒ บาทซึ่งเรียกแต่ราษฎรผู้ต้องคดีในศาลหัวเมืองทั้งปวง ศาลกองตระเวน ศาลในสนามสถิตย์

ยุตธรรม แลศาลข้าหลวง ศาลอุทธรณ์ แลศาลฎีกา ดังที่กำหนดไว้ในพิกัดค่าธรรมเนียมศาลในข้อ ๗ แห่งประกาศตั้งกระทรวงยุติธรรม รัตนโกสินทร์ ๑๑๐ นั้น ให้ยกเลิกเสีย ถ้าแลศาลจะบังคับให้ผู้ต้องคดีหาประกันแลรับเรือนตามกฎหมายแล้ว ก็ให้ผู้ต้องคดีฤๅผู้ประกับผู้รับเรือนทำหนังสือประกันหนังสือรับเรือนให้ไว้แก่ตุลาการณศาลนั้นตามเดิม แต่ห้ามมิให้ศาลทั้งปวงซึ่งกล่าวชื่อมาแล้วนี้เรียกเงินค่าเชิงประกันแก่ผู้ต้องคดีเปนอันขาด

ข้อ  ถ้าศาลในหัวเมืองทั้งปวง ศาลกองตระเวน ศาลในสนามสถิตย์ยุติธรรม แลศาลข้าหลวง ศาลอุทธรณ์ แลศาลฎีกา ฤๅศาลใดศาลหนึ่งซึ่งจะได้ตั้งขึ้นอีกต่อไปภายน่า จะออกหมายเรียก หมายเกาะ ฤๅหมายจับจำเลยฤๅคนใดคนหนึ่งซึ่งเกี่ยวข้องต้องคดีอยู่ในศาลนั้น ก็ให้ศาลเรียกค่าธรรมเนียมออกหมายแต่โจทย์ผู้ซึ่งกล่าวหาคดีแลเปนผู้มาขอให้ศาลออกหมายนั้น ฉบับละ ๑ บาท

ข้อ  กรมรับฟ้องสนามสถิตย์ยุติธรรมซึ่งได้ตั้งขึ้นไว้ตามความในข้อ ๕ แห่งประกาศตั้งกระทรวงยุติธรรม รัตนโกสินทร์ ๑๑๐ นั้น ให้ยกเลิกเสียตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน รัตนโกสินทร์ ๑๑๒ เปนต้นไป