กองว่า ทัพเราล่ามาถึงสองวันสามวัน ซึ่งทัพพระนครศรีอยุทธยามิได้ตามตีนั้น ชรอยจะคิดเกรงว่า เราแต่งทัพป้องกันระวังอยู่มิได้ประมาท จะค่อยสะกดตามมาสองวันสามวันให้เราประมาทก่อน ประการหนึ่ง จะให้ปะทะทัพฝ่ายเหนือซึ่งตั้งอยู่ณเมืองไชยนาท เมืองอินท์ จึงจะโจมตีให้เราพะว้าพะวัง เห็นจะคิดดังนี้มั่นคง จำจะซ้อนความคิดชาวพระนครศรีอยุทธยาจับเอานายทัพแลไพร่ไปถวายสมเด็จพระบิดาให้เปนบำเหน็จมือจงได้ ตรัศมิทันขาดคำ เห็นม้าเร็วขึ้นมาสิบม้า พระมหาอุปราชาก็แจ้งว่า มีทัพมาประมาณหมื่นหนึ่ง จึงให้สมิงพัตเบิด สมิงพัตบะ คุมทัพห้าพัน ม้าสองร้อย ยกไปตั้งซุ่มอยู่ตามทิวไม้ชายทุ่ง กำหนดว่า ถ้าเห็นทัพตามมา อย่าเพ่อให้ตีก่อน ให้ล่วงถลำขึ้นมา ต่อได้ยินเสียงปืนรบ จึงให้โจมตีต้อนท้ายจับเอาตัวนายทัพนายกองให้จงได้ สมิงพัตเบิด สมิงพัตบะ ก็ยกไปซุ่มอยู่ตามกำหนดรับสั่ง แล้วก็เดินทัพขึ้นไปตั้งอยู่ทางประมาณสองร้อยเส้น
๏ ฝ่ายพระราเมศวร พระมหินทราธิราช ดำริห์ว่า วันนี้ เห็นทัพหงษาวดีจะถึงเมืองอินทบุรี จะได้รบพุ่งติดพันกับทัพฝ่ายเหนืออยู่แล้ว ก็รีบเร่งเดินทัพหวังจะโจมตี ขณะนั้น สมิงพัตเบิด สมิงพัตบะ เห็นทัพยกมาก็สงบ สังเกตดูเห็นช้างที่นั่งหลังคาทองสองช้าง ก็แจ้งว่า เปนนายพล พอได้ยินเสียงปืนทัพพระมหาอุปราชา ก็ยกออกโจมตีตัดเอาตรงช้างที่นั่ง ทัพชาวพระนครไม่ทันรู้ตัวก็แตกฉาน เหล่ารามัญก็ล้อมจับเอาตัวพระราเมศวร พระมหินทราธิราช กับมหาดเล็กท้ายช้างสองคน ไปถวายพระมหาอุปราชา ๆ ก็พาไปถวายสมเด็จพระราชบิดา พร้อมกันกับคนพระเจ้าแปรซึ่งให้ลงมาทูลว่า ค่ายเมืองไชยนาทบุรี