หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๕๖

พระสงฆ์สี่รูปออกไปฟังการ พระสงฆ์ออกไป สมเด็จพระเจ้าหงษาวดีให้นำพระสงฆ์ไปดูมูลดินแลบันไดหกบันไดพาด แล้วให้เอาข่าวไปแจ้งแก่น้องเรา ถ้าน้องเรามิออกมา จะให้ทหารถือมูลดินแต่คนละก้อนถมเมืองเสียให้เต็มแต่ในนาฬิกาเดียว พระสงฆ์ไปดูแล้วกลับเข้ามาแจ้งแก่พระมหาธรรมราชาเจ้าโดยได้เห็นแลพระเจ้าหงษาวดีสั่งมาทุกประการ สมเด็จพระมหาธรรมราชาเจ้าจึงปฤกษามุขมนตรีว่า เราคอยทัพกรุงเทพมหานครช้าพ้นกำหนดอยู่แล้วก็ไม่ยกขึ้นมา อันศึกพระเจ้าหงษาวดียกมาครั้งนี้เปนอันมาก เสียงพลเสียงช้างเสียงม้าดังเกิดลมพยุใหญ่ เห็นเหลือกำลังเรานัก ถ้าเรามิออกไป พระเจ้าหงษาวดีก็จะให้ทหารเข้าหักเหยียบเอาเมือง สมณชีพราหมณ์อาณาประชาราษฎรจะมาถึงแก่พินาศฉิบหายสิ้น ทั้งพระพุทธสาสนาก็จะเศร้าหมอง ดูมิควรเลย จำเราจะออกไป ถึงสมเด็จพระมหาจักรพรรดิราชาธิราชพระเจ้าช้างเผือกจะทรงพระพิโรธประการใดก็ดี ก็จะตายแต่ตัว จะแลกเอาชีวิตรสัตวให้รอดไว้.

 ครั้นรุ่งขึ้นณวัน ค่ำ สมเด็จพระมหาธรรมราชาเจ้าก็เสด็จออกไปเฝ้า สมเด็จพระเจ้าหงษาวดีตรัศว่า น้องเราไปด้วยเรา ให้เร่งเตรียมพลให้พร้อมในเจ็ดวัน สมเด็จพระมหาธรรมราชาเจ้าก็จัดพลสามหมื่นมาโดยเสด็จในกองทัพหลวง สมเด็จพระเจ้าหงษาวดีก็เสด็จยกพลลงมาประชุมทัพณเมืองนครสวรรค์.

 ขณะเมื่อพระมหาธรรมราชาเจ้าบอกข้อราชการลงไปถึงกรุงเทพมหานครครั้งนั้น สมเด็จพระมหาจักรพรรดิราชาธิราชพระเจ้าช้างเผือกตรัศให้พระยาพิไชยรณฤทธิ์ พระยาวิชิตณรงค์ ถือพลหมื่นหนึ่ง