หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๖๐

แผ่ผูกราชสัมพันธมิตรไมตรีร่วมสามัคคีรศธรรมเปนสุวรรณปัถพีเดียวกันอันสนิทมิได้ร้าวฉาน จนพระเชษฐาธิราชให้มีลักษณราชสาสนขึ้นมาขอ ฝ่ายน้องท่านก็ส่งราชบุตรทั้งสองมายังพระบรมเชษฐา แล้วยกกลับขึ้นไปพระนครหงษาวดี รู้กฤติศัพท์ไปว่า พระเชษฐาธิราชมีกฤษฎาภินิหารมาก กอประด้วยเสวตรกุญชรชาติศุภลักษณตระกูลพลายพังถึง ๗ ช้าง จึงให้ทูตานุทูตจำทูลลักษณราชสาสนสุนทรสวัสดิ์มาขอเสวตรกุญชรสองช้างไปไว้เปนศรีพระนครหงษาวดี พระเชษฐาเรามิได้มีอาไลยในราชสัมพันธมิตรไมตรี กลับกล่าวกระทบท้าวทำเนียบมาว่า พระนครใดมีนางรูปงามแลช้างเผือกช้างเนียม เปนที่จะเกิดราชศัตรู น้องท่านได้แจ้ง จำเปนจึงต้องยกพยุหโยธาหาญมาตามลักษณพระราชสาสน บัดนี้ ก็มาเหยียบชานพระนครถึงเจ็ดวันแล้ว ไฉนจึงมิได้ออกมารณรงค์โดยขัติยาภิรมยสำเริงราชหฤไทยบ้างเลย ให้เร่งยกพยุหโยธาออกมาสงครามกันดูเล่นเปนขวัญตา ฤๅไม่รณรงค์แล้วก็เชิญเสด็จออกมาสนทนากัน ถ้ามิออกมา ก็อย่าให้พระเชษฐาเราน้อยพระไทยเลย น้องท่านจะชิงเอาเสวตรฉัตรให้จงได้ ครั้นแต่งเสร็จแล้วให้ทูตถือเข้าไป สมเด็จพระมหาจักรพรรดิราชาธิราชเจ้า ครั้นได้แจ้งในลักษณพระราชสาสน จึงทรงพระราชดำริห์ว่า ศึกครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก เห็นเหลือมือเหลือกำลังทหารจะกู้พระนครไว้ได้ ถ้าเราจะมิออกไป สมณชีพราหมณ์อาณาประชาราษฎรไพร่ฟ้าข้าขอบขัณฑเสมาจะถึงแก่พินาศฉิบหายสิ้น ทั้งพระสาสนาก็จะเศร้าหมอง จำเราจะออกไป มาทว่าสมเด็จพระเจ้าหงษาวดีมิคงอยู่ในสัตยานุสัตย์ดังพระราชสาสนเข้ามานั้นก็ตามเถิด แต่เราจะรักษาสัตยานุสัตย์ให้มั่น