หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๖๗

พระเจ้าช้างเผือกเสด็จออกไปอยู่ณพระราชวังหลัง ขณะนั้น พระชนม์ได้ ๕๙ พระพรรษา.

 ส่วนสมเด็จพระมหินทราธิราชเจ้าแผ่นดิน เมื่อเสด็จขึ้นเสวยราชสมบัติ พระชนม์ได้ ๒๕ พระพรรษา สมเด็จพระมหาจักรพรรดิพระเจ้าช้างเผือกเวนราชสมบัติแล้ว ถึงเดือน ๓ ก็เสด็จขึ้นไปเมืองลพบุรี ตรัศให้บุรณะพระอารามพระศรีรัตนมหาธาตุให้บริบูรณ์ แลแต่งผขาวนางชีสองร้อยกับข้าพระให้อยู่รักษาพระมหาธาตุ แล้วก็เสด็จลงมายังกรุงพระมหานครศรีอยุทธยา.

 ครั้งนั้น เมืองเหนือทั้งปวงเปนสิทธิ์แก่พระมหาธรรมราชาเจ้า อนึ่ง การแผ่นดินในกรุงพระมหานครศรีอยุทธยา พระมหาธรรมราชาบังคับบัญชาลงมาประการใด สมเด็จพระมหินทราธิราชเจ้าแผ่นดินต้องกระทำตามทุกประการ ก็ขุ่นเคืองพระราชหฤไทย จึงเอาความนั้นไปกราบทูลสมเด็จพระราชบิดา สมเด็จพระมหาจักรพรรดิพระเจ้าช้างเผือกก็น้อยพระไทย.

 ขณะนั้น พระยารามออกจากที่กำแพงเพ็ชร เอามาเปนพระยาจันทบูร สมเด็จพระมหินทราธิราชก็ตรัศกิจการทั้งปวงด้วยพระยารามเปนความลับ แล้วก็ส่งข่าวไปแก่พระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุตให้ยกมาเอาเมืองพระพิศณุโลก จึงพระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุตก็บำรุงช้างม้ารี้พลสรรพจะยกมาเอาเมืองพระพิศณุโลก พระมหาธรรมราชาตรัศรู้ว่า พระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหตุจะยกทัพมา มิได้แจ้งในกล ก็ส่งข่าวมาทูลแก่สมเด็จพระมหินทราธิราชเจ้าแผ่นดิน ๆ ก็ให้พระยาสีหราชเดโชแลพระท้ายน้ำขึ้นไปช่วย แต่สั่งเปนความลับไปว่า ถ้าทัพกรุงศรีสัตนา