หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๑๔๗

 ฝ่ายสมเด็จพระเจ้าหงษาวดีแจ้งข่าวไปว่า สมเด็จพระมหาธรรมราชาดับสูญทิวงคตแล้ว ตรัศแก่พระมหาอุปราชาว่า เจ้ากับมหาราชเจ้าพระนครเชียงใหม่จงยกทัพลงไปฟังอึงกิตาการดู พระนครศรีอยุทธยาผลัดแผ่นดินใหม่ เสนาพฤฒามาตย์ราษฎรทั้งปวงจะเปนจลาจลประการใดบ้าง ถ้าพอจะทำได้ ให้ทำ อย่าให้เสียที พระมหาอุปราชากราบทูลพระราชบิดาว่า โหรทายว่า ชัณษาข้าพระพุทธเจ้าร้ายนัก สมเด็จพระเจ้าหงษาวดีตรัศว่า พระมหาธรรมราชาไม่เสียแรงมีบุตร การสงครามไม่พักให้พระบิดาใช้เลย ต้องห้ามเสียอิก แลซึ่งเจ้าว่า เคราะห์ร้ายอยู่แล้ว ก็อย่าไปเลย เอาผ้าสัตรีนุ่งเสียเถิด จะได้สิ้นเคราะห์ พระมหาอุปราชาได้ฟังรับสั่งดังนั้น กลัวพระราชอาชญาพระราชบิดา ก็มาตรวจเตรียมรี้พลแลมีพระราชกำหนดไปถึงพระเจ้าเชียงใหม่ให้ยกมา พระเจ้าเชียงใหม่แจ้งพระราชกำหนดแล้ว ก็ยกทัพมากรุงหงษาวดี.

 ลุศักราช ๙๔๑ ปีเถาะ เอกศก พระมหาอุปราชา พระเจ้าเชียงใหม่ ยกพลห้าสิบหมื่น ช้างเครื่องเจ็ดร้อย ม้าสามพัน มาข้ามเมืองเมาะตะมะมาโดยทางแม่กระษัตรเข้าทางพระเจดีย์สามองค์.

 ฝ่ายสมเด็จพระนเรศวรเปนเจ้า ครั้นถึงณวัน ค่ำ มีพระราชดำรัศให้เกณฑ์หัวเมืองปักษ์ใต้ทัพหนึ่งเสร็จแล้ว กำหนดพระฤกษ์จะยกไปเอาเมืองแลวก ครั้นณวัน ๑๒ ฯ  ค่ำ จึงมีพระราชโองการสั่งมุขมนตรีผู้ใหญ่ให้รักษาพระนครว่า ทัพพระเจ้าหงษาวดีแตกไปครั้งนี้เปนทัพซึ่งจะบำรุงช้างม้ารี้พลแลจะกลับในน้ำลงปีนี้เห็นจะไม่ทัน แต่ทว่า จะไว้ใจมิได้ เกลือกจะคลั่งสงครามยกมา ถ้ายกมา ก็ให้รักษาเมืองไว้ท่าเราเดือนหนึ่งให้ได้ สั่งแล้วพอเวลาเย็น มีหนังสือเมืองกาญจนบุรี