หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๑๖

ลงตะแลงแกงไหม้ลามลงไปป่าตองโรงครามฉะไกรสามวันจึงดับ มีบาญชีเรือนศาลากุฎีพระวิหารไหม้แสนห้าสิบหลัง.

 ศักราช ๘๘๘ ปีจอ อัฐศก ณวัน ๑๑ ฯ  ค่ำ สมเด็จพระไชยราชาธิราชเจ้าเสด็จยกพยุหบาตราทัพไปเมืองเชียงใหม่ ดำรัศให้พระยาพิศณุโลกถือพล ๒ หมื่นเปนกองน่า เสด็จยกพยุหแสนยากรร้อนแรมไปโดยระยะทาง ๑๒ เวนถึงเมืองกำแพงเพ็ชร เสด็จประทับแรมอยู่ ๑๕ เวน ครั้นณวัน ค่ำ เสด็จตั้งทัพไชย ถึงณวัน ค่ำ จึงยกทัพหลวงจากที่นั้น ครั้นณวัน ค่ำ ตีได้เมืองลำพูนไชย ถึงณวัน ค่ำ ตีได้เมืองเชียงใหม่ ณวัน ๑๓ ฯ  ค่ำ บังเกิดอุบาทว์นิมิตร เห็นโลหิตตกอยู่ณประตูบ้านแลเรือนชนทั้งปวงในเมืองนอกเมืองทุกตำบล ครั้นณวัน ๑๔ ค่ำ เสด็จยกพยุหบาตราทัพหลวงจากเมืองเชียงใหม่จะมายังพระนครศรีอยุทธยา.

 ศักราช ๘๘๙ ปีกุญ นพศก ทรงพระประชวรปัจจุบัน เสด็จสวรรคตณมัชฌิมวิถีประเทศ มุขมนตรีเชิญพระบรมศพเข้าพระนครศรีอยุทธยา สมเด็จพระไชยราชาธิราชเจ้าเสด็จอยู่ในศิริราชมไหสวรรย์ ๑๕ พระพรรษา มีพระราชโอรสสองพระองค์ พระราชโอรสผู้พี่ทรงพระนาม พระแก้วฟ้า พระชนม์ได้ ๑๑ พระพรรษา พระราชโอรสผู้น้องทรงพระนาม พระศรีศิลป์ พระชนม์ได้ ๕ พระพรรษา ครั้นถวายพระเพลิงพระไชยราชาเสร็จแล้ว ฝ่ายพระเทียรราชาซึ่งเปนเชื้อพระวงษ์สมเด็จพระไชยราชานั้นจึงดำริห์ว่า จะอยู่ในฆราวาศ บัดนี้ เห็นไภยจะบังเกิดมีเปนมั่นคง ไม่เห็นสิ่งใดที่จะเปนที่พึ่งได้ เห็นแต่พระพุทธสาสนาแลผ้ากาสาวพัตรอันเปนธงไชยแห่งพระอรหัตจะเปนที่พำนัก