หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๒๗

เข้าไปตั้งค่ายหลวงตำบลลุมพลี ณวัน ค่ำ ศักราช ๘๙๒ ปีขาล โทศก ขณะนั้น มีหนังสือเมืองสุพรรณบุรีบอกราชการไปถึงกรุง พอทัพพระเจ้าหงษาวดีก็ถึงทุ่งลุมพลีพร้อมกัน สมเด็จพระมหาจักรพรรดิราชาธิราชเจ้าตกพระไทย ตรัศให้เร่งพลให้เมืองนอกเมืองขึ้นรักษาน่าที่เปนกุลาหล สมเด็จพระเจ้าหงษาวดีตั้งอยู่ ๓ วัน พอทอดพระเนตรแลดูกำแพงพระนครศรีอยุทธยาแลปราสาทราชมณเฑียรแล้ว ก็เลิกทัพกลับไปกรุงหงษาวดีโดยทางมา.

 ขณะเมื่อพระเจ้าหงษาวดียกทัพมานั้น ฝ่ายว่าพระยาแลวกรู้ว่า พระนครศรีอยุทธยาผลัดแผ่นดินใหม่ ก็ยกทัพรุดมาถึงเมืองปราจิณบุรี ตีจับได้คนถามให้การว่า พระเทียรราชาครองราชสมบัติ เสนาบดีพร้อมมูลอยู่แล้ว พระยาแลวกก็มิอาจยกเข้ามา กวาดแต่ครัวอพยพชาวปราจิณบุรีแล้วกลับไปเมืองแลวก ครั้นพระเจ้าหงษาวดียกกลับไปแล้ว สมเด็จพระมหาจักรพรรดิราชาธิราชเจ้าคิดแค้นแก่พระยาแลวกว่า กรุงหงษาวดีดูหมิ่นแล้ว เมืองเขมรก็มาดูหมิ่นด้วยเล่า ถ้าราชการฝ่ายหงษาสงบลงเมื่อใด เราจะแก้แค้นให้จงได้ แล้วสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้ซ่อมแซมกำแพงพระนครซึ่งชำรุดปรักหักพังให้มั่นคงโดยรอบ แล้วให้สถาปนาที่พระตำหนักวังเดิมเปนพระอุโบสถ แลสร้างพระวิหารอาราม ให้นามชื่อ วัดวังไชย อธิการให้ชื่อ พระนิกรม แล้วตรัศว่า เมื่อเราอุปสมบทนั้น บิณฑบาตขึ้นไปถึงป่าถ่านจนถึงป่าชมภู่ อากรซึ่งขึ้นสรรพากรเปนหลวงนั้น ให้เถรเณรไปขอเอาเปนกับปิยจันหันเถิด.

 ลุศักราช ๘๙๓ ปีเถาะ ตรีนิศก เดือน ๘ ขึ้นสองค่ำ ทำการพระราชพิธีปฐมกรรมสมเด็จพระมหาจักรพรรดิราชาธิราชเจ้าตำบลท่าแดง