หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๓๕

ช้างท้าวพระยารามัญคับคั่งทั้งกระบวนกรรกงเปนขนัด เหล่าพยุหโยธาหาญเดินเท้าถือสรรพสาตราดาดาษโดยกระบวน สมเด็จพระเจ้าหงษาวดีก็ยกพยุหโยธาทวยหาญออกตั้งยังท้องทุ่งตรงน่าทัพสมเด็จพระมหาจักรพรรดิห่างกันประมาณร้อยเส้น เสด็จยืนพระคชาธารคอยฤกษ์ จึงตรัศให้พลม้ารำทวนชักชิงคลองกันไปให้พลเริงน่าทัพ ฝ่ายพลเครื่องเล่นเต้นรำร้องเฮฮาเปนกุลาหล ฝ่ายพลดาบดั้งดาบสองมือก็รำฬ่อเลี้ยวกันไปมา ขณะนั้น สมเด็จพระเจ้าหงษาวดีทอดพระเนตรดูบนอากาศ เห็นพระอาทิตย์แจ่มดวงหมดเมฆหมอก แล้วคิชฌราชบินนำน่าทัพ ครั้นเห็นศุภนิมิตรราชฤกษ์ดังนั้น ก็ให้ลั่นฆ้องไชยอุโฆษแตรสังข์อึงอินทเภรีขึ้นพร้อมกัน ก็ตรัศให้ขับพลเข้าโจมทัพสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ ฝ่ายสมเด็จพระมหาจักรพรรดิดำรัศให้แยกพลเปนปีกกา พลโยธาหาญทั้งสองฝ่ายบ้างเห่โห่เปนโกลาหลเข้าปะทะประจันตีฟันแทงแย้งยุทธยิงปืนระดมสาตราธุมาการตระหลบไปทั้งอากาศ พลทั้งสองฝ่ายบ้างตายบ้างลำบากกลิ้งกลาดเกลื่อนท้องทุ่งเปนอันมาก สมเด็จพระมหาจักรพรรดิราชาธิราชเจ้าก็ขับพระคชาธารเข้าชนช้างกองน่าพระเจ้าหงษาวดี พระคชาธารเสียทีให้หลังข้าศึกเอาไว้ไม่อยู่ พระเจ้าแปรได้ท้ายข้าศึกดังนั้นขับพระคชาธารตามไล่ช้างพระมหาจักรพรรดิ พระสุริโยไทยเห็นพระราชสามีเสียทีไม่พ้นมือข้าศึก ทรงพระกตัญญูภาพ ก็ขับพระคชาธารพลายทรงสุริยกระษัตริย์สอึกออกรับ พระคชาธารพระเจ้าแปรได้ล่างแบกถนัด พระคชาธารพระสุริโยไทยแหงนหงายเสียที พระเจ้าแปรจ้วงฟันด้วยพระแสงของ้าวต้องพระอังสาพระสุริโยไทยขาดกระทั่งถึงราวพระถันประเทศ พระราเมศวรกับพระมหินทราธิราชก็ขับ