หน้า:ลัทธิฯ (๑๓) - ๒๔๖๔.pdf/19

หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๑๖

พระสงฆ์ก็ถามปัญหาตามข้อกำหนดในบัพพชาขันธ์ ถ้าผู้ที่จะบวชนั้นพ้นจากอันตรายิกธรรมที่กำหนดไว้ไนบัพพชาขันธ์แล้ว ก็จัดว่า เปนผู้สมควรที่จะอุปสมบทได้ โดยสวดกรรมวาจาด้วยพระภิกษรูปหนึ่งฤๅมากกว่า แลวิธีบวชตามที่อธิบายก็คล้ายอย่างมหานิกายบวชนั้นเอง ไม่จำต้องกล่าวให้พิศดาร แต่ผู้อุปสมบทเปนภิกษุมีน้อย เพราะประเพณีพม่า บวชแล้วไม่ใคร่จะสึก ถ้าสึก มักถูกติเตียน ชาวบ้านไม่นับถือ จึงบวชเปนแต่สามเณรโดยมาก แต่เดี๋ยวนี้ แม้ที่บวชเปนสามเณรก็น้อยลง ไม่มากเหมือนแต่ก่อน เพราะเด็กหันเข้าโรงเรียน ๆ ภาษาอังกฤษโดยมาก ด้วยเห็นว่า เรียนภาษาบาฬีไม่ได้ผลประโยชน์เหมือนแต่ก่อน คนที่เล่าเรียนภาษาบาฬีอยู่เดี๋ยวนี้ก็เปนที่รักพระสาสนาเท่านั้น ถึงดังนั้น ชาวพม่าก็ยังมั่นอยู่ในพระพุทธสาสนา ที่จะเข้ารีดสาสนาอื่นนั้นไม่ใคร่มี มีแต่พวกเงี้่ยวพวกกะเหรี่ยงที่ไม่ใคร่จะรู้คำสอนในพระพุทธสาสนา การสังฆกรรมผูกพัทธเสมาอุโบสถกรรมเปนต้นก็ละม้ายคล้ายกันกับแบบคณะมหานิกายที่กระทำอยู่ทุกวันนี้ แต่ในเรื่องสังฆกรรมดูชำนาญมากกว่าสิ่งอื่น บรรดาพระที่เข้ามาคราวนี้ สอบถามวิธี อธิบายได้ทุกรูป แต่การปฏิบัติเปนปานกลาง ไม่สู้จะเคร่งนัก

ได้ถามว่า พระสงฆ์ในเมืองพม่าเปนผู้รู้ธรรมวินัยตลอดทั่วไปฤๅเปนแต่บางหมู่บางพวก สมณะทูตอธิบายว่า ถ้าพระสงฆ์อยู่ภายในเมืองฤๅที่ใกล้เคียงเมือง ก็เปนผู้ศึกษาพระธรรมวินัยมาก ถ้าเปนพระอยู่ในประเทศบ้านนอกแล้ว จะหาผู้ที่รู้ธรรมวินัยไม่ใคร่จะมี