หน้า:วรรณกรรมต่างเรื่อง - ๒๕๐๕.pdf/22

หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๑๓
ไหนไหนชาวเมืองก็เลื่องฦๅ อึงอื้ออับอายขายพักตรา
คว้าถุงเบี้ยได้ใส่กระจาด ฉวยผ้าแพรขาดขึ้นพาดบ่า
ลงจากบันไดไคลคลา น้ำตาคลอคลอจรลี
ฯ ๘ คำ ฯ ทยอย
 โอ้ร่าย
  ครั้นมาพ้นคอกวัวรั้วตราง เหลียวหลังดูปรางค์ปราสาทศรี
เคยได้ค้างกายมาหลายปี ครั้งนี้ตกยากจะจากไป
หยุดยืนสะอื้นอยู่อืดอืด เดือนก็มืดเต็มทีไม่มีไต้
ฝนตกพรำพรำทำอย่างไร ก็หยุดยืนร้องไห้อยู่ที่ร้าน
ฯ ๔ คำ ฯ โอด
 ช้า
  เมื่อนั้น โฉมระเด่นลันไดใจหาญ
ครั้นพลบค่ำเข็นบันไดไว้นอกชาน ยกเชิงกรานสุมไฟใส่ฟืนตอง
แล้วเอนองค์ลงเหนือเสื่อกระจูด นอนนิ่งกลิ้งทูดอยู่ในห้อง
เสนาะเสียงสำเนียงพิราบร้อง ครางกระหึมครึ้มก้องบนกบทู
แว่วแว่วเค้าแมวในกลีบเมฆ ดูวิเวกลงหลังคาเที่ยวหาหนู
พระเผยบัญชรแลชะแง้ดู ดาวเดือนรุบรู่ไม่เห็นตัว
พระพายชายพัดอุตพิด พระทรงฤทธิ์เต็มกลั้นจนสั่นหัว
หอมชื่นดอกอัญชันที่คันรั้ว ฟุ้งตระหลบอบทั่วทั้งวังใน
ฯ ๘ คำ ฯ
 ร่าย
  หวนรำลึกนึกถึงนางประแดะ ที่นัดแนะแต่เย็นเป็นไฉน
ดึกแล้วแก้วตาเห็นช้าไป จะร้องไห้รำพึงถึงพี่ชาย
จำจะไปให้ทันดังสัญญา ได้ย่องเบาเข้าหานางโฉมฉาย
จึงอาบน้ำทาแป้งแต่งกาย สวมประคำดีควายสำหรับตัว
แหงนดูฤกษ์บนฝนพยับ เดือนดับลับเมฆขมุกขมัว