หน้า:วรรณกรรมต่างเรื่อง - ๒๕๐๕.pdf/67

หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๖๕
จะประโลมโฉมเฉลิมเป็นเจิมจอม ให้เพริศพร้อมพริ้งพรายสบายบาน
จะตั้งตึกปึกแผ่นให้แน่นหนา มีเงินตรากินกรุ่มเป็นภูมิฐาน
ช่วยข้าคนบ่าวไพร่ไว้ใช้การ ให้เยาวมาลย์ชื่นชมภิรมย์ใจ
พี่นอนตรึกนึกนิยมสมบัติบ้า ก็เพราะว่าความรักมักหลงใหล
สิ้นเดือนสิบลิบลับนับแต่ไกล ยังไม่ได้กัลยาน้ำตาริน
 เดือนสิบเอ็ดเสร็จธุระพระวสา ชาวพาราเซ็งแซ่แห่กฐิน
ลงเรือเพียบพายยกเหมือนนกบิน กระแสสินธุ์สาดปรายกระจายฟอง
สนุกสนานขานยาวฉาวสนั่น บ้างแข่งกันขันสู้เป็นคู่สอง
แพ้ชนะปะตาพูดจาลอง ตามทำนองเล่นกฐินสิ้นทุกปี
ไปช่วยแห่แลกันกระสันสวาท นุชนาฏพายเรือใส่เสื้อสี
จนเปียกชุ่มตูมตั้งอลั่งดี เส้นเกษีโศกสร้อยก็พลอยยับ
เหมือนตกแสกแบกโศกไว้สักพ้อม ดูมัวมอมหน้าตาเมื่อขากลับ
ถึงบ้านหอบบอบอ่อนลงนอนพับ ตานั้นหลับใจตรึกนึกถึงพาย
บ้างว่ากันวันนี้พี่คนนั้น ช่างดูฉันนี่กระไรน่าใจหาย
บ้างแกล้งพูดดังดังว่าชังชาย เบื่อจะตายไปกฐินเขานินทา
ได้ยินพูดเช่นนี้ก็มีมาก พูดแต่ปากใจรนเที่ยวซนหา
การโลกีย์มีทั่วทั้งโลกา ใครบ่นบ้าว่าเบื่อไม่เชื่อเลย
ถึงตัวเรานี้เล่าก็เร่าร้อน แสนอาวรณ์วิญญาณ์นิจจาเอ๋ย
ไม่ว่าเล่นเป็นบ้าหลังด้วยหวังเชย ยิ่งเคยเคยก็ยิ่งคิดเป็นนิจกาล
ทุกค่ำรุ่งมุ่งมาดปรารถนา จะพรรณนาสุดคิดให้วิตถาร
ในเล่ห์กลโลกาห้าประการ ฉันรำคาญสุดที่จะชี้แจง
 เดือนสิบสองล่องลอยกระทงหลวง ชนทั้งปวงเลยตามอร่ามแสดง
ดอกไม้ไฟโชติช่วงเป็นดวงแดง ทั้งพลุแรงตึงตังดังสะท้าน
(๙)