หน้า:วรรณกรรมต่างเรื่อง - ๒๕๐๕.pdf/68

หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๖๖
เสียงนกบินพราดพรวดกรวดอ้ายตื้อ เสียงหวอหวือเฮฮาอยู่หน้าฉาน
ล้วนผู้คนล้นหลามตามสะพาน อลหม่านนาวาในสาคร
บ้างก็แห่ผ้าป่าพฤกษาปัก มีเรือชักเซ็งแซ่แลสลอน
ขับประโคมดนตรีมีละคร อรชรรำร่าอยู่หน้าเรือ
บ้างก็ร้องสักรวาใส่หน้าทับ ลูกคู่รับพร้อมเพราะเสนาะเหลือ
ฟังสำเนียงสตรีไม่มีเครือ เป็นใยเยื่อจับในน้ำใจชาย
ฟังสำเนียงเสียงนางที่กลางน้ำ แล้วหวนรำลึกถึงนุชที่สุดหมาย
กลับมานอนอ่อนทอดระทวยกาย เฝ้าฟูมฟายชลนาทุกราตรี
นอนไม่หลับกลับลุกเปิดหน้าต่าง จันทร์กระจ่างแจ่มฟ้าในราศี
เห็นดวงเดือนเหมือนลักษณ์ภัคินี ยุพินพี่อยู่ไกลนัยนา
พี่นั่งคอยนอนคอยละห้อยหวน แสนรัญจวนมิได้สิ้นถวิลหา
เห็นราหูจู่จับพระจันทรา ชาวพาราอื้ออึงคะนึงดัง
พิลึกลั่นครั่นครึกเสียงกึกก้อง ระฆังฆ้องกลองแซ่ทั้งแตรสังข์
ประดังเสียงเพียงพื้นพิภพพัง มีทุกครั้งดังทุกคราวฉาวทุกที
โอ้ว่าดวงจันทร์เจ้าดูเศร้าหมอง ไม่ผุดผ่องเผือดอับพยับสี
อยู่ในปากราหูอสุรี มีนาทีปล่อยปละสละกัน
แต่ตัวพี่มิได้มีนาทีชื่น ทุกวันคืนเฝ้าวิโยคด้วยโศกศัลย์
ครวญคะนึงถึงมิตรที่ติดพัน พี่ชมจันทร์ต่างเจ้าเยาวมาลย์
เมื่อวันที่เทศนามหาชาติ ได้เห็นนาฏนุชนงค์ยอดสงสาร
สัปปุรุษคับคั่งฟังกุมาร ชัชวาลย์แจ่มแจ้งด้วยแสงเทียน
พี่ฟังธรรมเทศน์จบไม่พบน้อง เที่ยวเมียงมองเลี้ยวลัดฉวัดเฉวียน
ไม่พบพักตร์เยาวมาลย์ในการเปรียญ ก็วนเวียนมาบ้านรำคาญใจ