หน้า:อนุสัญญาเจนีวา (อทร.).pdf/120

หน้านี้ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร

 ๑. การประทุษร้ายต่อชีวิต และร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการฆาตกรรมทุกชนิด การตัดทอนอวัยวะส่วนหนึ่งส่วนใด การทําทารุณกรรม และการทรมาน

 ๒. การจับตัวไปเป็นประกัน

 ๓. การทําลายเกียรติยศแห่งบุคคล โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปฏิบัติให้เป็นที่อับอายขายหน้าและเสื่อมทรามต่ำช้า

 ๔. การตัดสินลงโทษและการปฏิบัติการตามคําตัดสินโดยไม่มีคําพิพากษาของศาลที่ได้ตั้งขึ้นตามระเบียบอันเป็นการให้หลักประกันความยุติธรรมซึ่งอารยชนทั้งหลายยอมรับนับถือว่าเป็นสิงซึ่งไม่อาจจะละเว้นเสียได้

ข. ให้รวบรวมและดูแลรักษาผู้บาดเจ็บและป่วยไข้

องค์การมนุษยธรรมซึ่งไม่ล่าเอียงทางฝ่ายใดเช่น คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศอาจเสนอบริการของตนให้แก่ภาคีคู่พิพาทก็ได้

ภาคีคู่พิพาทควรพยายามนําบทบัญญัติอื่น ๆ แห่งอนุสัญญาฉบับนี้ทั้งหมดหรือบางส่วนมาใช้บังคับอีกด้วย โดยทําความตกลงกันเป็นพิเศษ

การใช้บทบัญญัติข้างต้นนี้จะไม่กระทบกระเทือนฐานะทางกฎหมายของภาคีคู่พิพาท

ข้อ ๔

บุคคลที่ได้รับความคุ้มครองตามอนุสัญญานี้ ได้แก่บรรดาผู้ซึ่งขนะหนึ่งและในลักษณะอย่างใดก็ตามในกรณีพิพาทหรือยึดครอง ได้ตกอยู่ในอํานาจของภาคีคู่พิพาทฝ่ายหนึ่งหรือของประเทศที่เหล่านั้นมิใช่เป็นคนชาติ

คนชาติของประเทศซึ่งไม่มีความผูกพันตามอนุสัญญาฉบับนี้ย่อมไม่ได้รับความคุ้มครองตามอนุสัญญาฉบับนี้ คนชาติของประเทศที่เป็นกลางซึ่งตกอยู่ในอาณาเขตของประเทศที่เป็นฝ่ายในสงครามและคนชาติของประเทศที่เป็นฝ่ายร่วมในสงคราม ไม่นับว่าเป็นบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองในขณะที่ประเทศอันบุคคลดังกล่าวเป็นคนชาติ มีผู้แทนทางทูตตามปกติ อยู่ในประเทศซึ่งบุคคลเหล่านั้นตกอยู่ในอำนาจ

แต่บทบัญญัติแห่งภาค ๒ นั้น ย่อมใช้บังคับได้กว้างขกว่าที่ได้นิยามไว้ใน ข้อ ๑๓

บรรดาบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองตามอนุสัญญาเจนีวาเพื่อให้ผู้บาดเจ็บและป่วยไข้ในสนามรบ มีสภาวะดีขึ้น ฉบับลงวันที่ ๑๒ สิงหาคม ค.ศ. ๑๙๔๙ หรือ ตามอนุสัญญาเจนีวาเพื่อให้ผู้สังกัดในกองทัพขณะอยู่ในทะเลซึ่งบาดเจ็บ ป่วยไข้และเรือต้องอับปาง มีสภาวะดีขึ้น ฉบับลงวันที่ ๑๒ สิงหาคม ค.ศ. ๑๙๔๙หรือ ตามอนุสัญญาเจนีวา เกี่ยวกับการปฏิบัติต่อเชลยศึก ฉบับลงวันที่ ๑๒ สิงหาคม ค.ศ. ๑๙๔๙ นั้นมิให้ถือว่าเป็นบุคคลที่ได้รับความคุ้มคอรงตามความหมายแห่งอนุสัญญาเจนีวาฉบับนี้

ข้อ ๕

หากว่าภายในอาณาเขตของภาคีคู่พิพาทฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ภาคีคู่พิพาทฝ่ายนั้นมีเหตุอันเป็นที่พอใจว่า บุคคลที่ได้รับความคุ้มครองผู้ใดเป็นผู้ที่ต้องสงสัยอย่างแน่นอนว่าได้กระทำหรือเกี่ยวข้องในการกระทำกิจการต่าง ๆ อันเป็นปฏิปักษ์ต่อความมั่นคงของประเทศนั้นแล้ว ผู้นั้นเป็นอันไม่มีสิทธิที่จะเรียกร้องบรรดาสิทธิและ