หน้า:อนุสัญญาเจนีวา (อทร.).pdf/21

หน้านี้ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร
ข้อ ๒๗

สมาคมที่ได้รับการรับรองจากประเทศที่เป็นกลางประเทศใดประเทศหนึ่งสามารถที่จะให้ความช่วยเหลือด้านพนักงานและหน่วยทางการแพทย์ของตนแก่ภาคีคู่พิพาทฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งชั่วระยะเวลาหนึ่งก็ได้โดยได้รับความยินยอมจากรัฐบาลของตน และโดยได้รับอนุญาตจากภาคีคู่พิพาทที่เกี่ยวข้องเสียก่อน พนักงานและหน่วยเหล่านี้ให้อยู่ภายใต้ความควบคุมของภาคีคู่พิพาทฝ่ายนั้น

ให้รัฐบาลของประเทศที่เป็นกลางแจ้งการยินยอมนี้แก่ฝ่ายปฏิปักษ์ของรัฐที่ยอมรับความช่วยเหลือดังกล่าวแล้ว ภาคีคู่พิพาทที่ยอมรับความช่วยเหลือเช่นว่านี้จะต้องแจ้งให้ฝ่ายปฏิปักษ์ทราบเรื่อง ก่อนที่จะใช้ประโยชน์จากความช่วยเหลือดังกล่าวแล้ว

ไม่ว่าในพฤติการณ์ใด ๆ ก็ตาม มิให้ถือว่าความช่วยเหลือนี้เป็นการแทรกแซงในการพิพาท

ผู้ที่เป็นพนักงานที่กล่าวไว้ในวรรคแรกจะต้องมีบัตรประจําตัวตามที่กําหนดไว้ในข้อ ๔๐ ก่อนที่จะออกจากประเทศที่เป็นกลางซึ่งตนสังกัดอยู่

ข้อ ๒๘

พนักงานตามที่ระบุไว้ในข้อ ๒๔ และ ๒๖ ซึ่งตกอยู่ในอํานาจของฝ่ายปฏิบักษ์ จะถูกกักตัวไว้ได้เพียงเท่าที่จําเป็นแก่สภาวะของสุขภาพ ความจําเป็นทางจิตใจ และจํานวนแห่งเซลยศึกเท่านั้น

พนักงานที่ถูกกักตัวไว้เช่นนี้ มิให้ถือว่าเป็นเชลยศึก อย่างไรก็ตามอย่างน้อยที่สุดบุคคลเหล่านี้จะได้รับประโยชน์แห่งบทบัญญัติต่าง ๆ ของอนุสัญญาเจนีวาเกี่ยวกับการปฏิบัติต่อเซลยศึก ฉบับลงวันที่ ๑๒ สิงหาคม ค.ศ.๑๙๔๙ ภายในกรอบแห่งกฎหมายและข้อบังคับทางทหารของประเทศที่กักคุม และภายใต้อํานาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของประเทศนั้น บุคคลดังกล่าวจะคงปฏิบัติหน้าที่ของตนต่อไปตามจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพของตนในทางการแพทย์หรือทางจิตใจเพื่อประโยชน์ของเลยศึก โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคคลเหล่านี้จะต้องได้รับความสะดวกต่าง ๆ เพื่อปฏิบัติหน้าที่ของตนในทางการแพทย์หรือในทางจิตใจ ดังต่อไปนี้ คือ

ก. ให้ได้รับอนุญาตไปเยี่ยมเชลยศึกได้เป็นครั้งคราวตามหน่วยแรงงานหรือในโรงพยาบาลซึ่งอยู่นอกค่าย ประเทศที่กักคุมจะได้จัดหาพาหนะในการขนส่งที่จําเป็นสําหรับการนี้

ข. ในค่ายแต่ละแห่ง นายทหารแพทย์อาวุโสที่มียศสูงที่สุดจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อเจ้าหน้าที่ทหารของค่ายสําหรับการกระทําต่าง ๆ ของพนักงานแพทย์ที่ถูกกักตัวไว้ เพื่อการนี้เมื่อเกิดการสู้รบขึ้น ภาคีคู่พิพาทจะต้องตกลงกันเกี่ยวกับการเทียบอาวุโสแห่งยศของพนักงานแพทย์ของตน รวมทั้งพนักงานแห่งสมาคมซึ่งระบุในข้อ ๒๖ สําหรับปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ของบุคคลเหล่านั้น นายทหารแพทย์ดังกล่าวและอนุศาสนาจารย์จะติดต่อได้โดยตรงกับเจ้าหน้าที่ทหารและเจ้าหน้าที่แพทย์ของค่าย เจ้าหน้าที่เหล่านี้จะต้องจัด อํานวยความสะดวก ที่จําเป็นเพื่อการติดต่อทางจดหมายเกี่ยวกับปัญหาเหล่านี้

ค. แม้พนักงานที่ถูกกักตัวอยู่ในค่าย จะต้องอยู่ภายใต้วินัยของค่ายก็ตาม พนักงานเหล่านี้จะถูกเรียกร้องให้ทํางานอื่นใดนอกหน้าที่ของตนในทางแพทย์หรือทางศาสนาหาได้ไม่

ในระหว่างการรบนั้น ภาคีคู่พิพาทจะต้องทําความตกลงกันเพื่อลตภาระของพนักงานที่ถูกกักตัวไว้เท่าที่จะพึงทําได้ และจะต้องตกลงกันกําหนดวิธีดําเนินการเพื่อการนี้ไว้ด้วย

๑๑