หน้า:อนุสัญญาเจนีวา (อทร.).pdf/38

หน้านี้ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร

บัญญัติที่ขัดกันอย่างซัดแจ้งปรากฏอยู่ในความตกลงที่กล่าวแล้ว หรือในความตกลงที่จะได้ทําขึ้นในภายหลัง หรือเมื่อภาคีคู่พิพาทฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดได้นําระเบียบการต่าง ๆ ที่ดีกว่ามาใช้กับบุคคลเหล่านี้

ข้อ ๗

ไม่ว่าในพฤติการณ์เช่นไร บรรดาผู้บาดเจ็บ ป่วยไข้ และเรือต้องอับปาง ตลอดจนพนักงานแพทย์ และอนุศาสนาจารย์ จะยอมสละสิทธิบางส่วนหรือทั้งหมดที่ตนได้รับตามอนุสัญญานี้และตามความตกลงพิเศษต่าง ๆ ซึ่งได้กล่าวไว้ในข้อก่อน ในกรณีที่มีความตกลงพิเศษเช่นว่านั้น หาได้ไม่

ข้อ ๘

อนุสัญญานี้ให้ใช้บังคับด้วยความร่วมมือและภายใต้ความควบคุมของประเทศที่คุ้มครองซึ่งมีหน้าที่พิทักษ์รักษาผลประโยชน์ของภาคีคู่พิพาทเพื่อการนี้ นอกจากเจ้าหน้าที่ทางการทูตหรือกงสุลของตนแล้ว ประเทศที่คุ้มครองจะแต่งตั้งตัวแทนผู้ได้รับมอบอํานาจจากคนชาติของตน หรือคนชาติของประเทศที่เป็นกลางอื่นอีกก็ได้ ตัวแทนดังกล่าวนี้จะต้องได้รับความเห็นชอบของประเทศที่ตนจะไปปฏิบัติหน้าที่ด้วย

ภาคีคู่พิพาทจะต้องอํานวยความสะดวกในการปฏิบัติภารกิจของผู้แทนหรือตัวแทนผู้ได้รับมอบอํานาจของประเทศที่คุ้มครองอย่างกว้างขวางที่สุดเท่าที่จะทําได้

ผู้แทนหรือตัวแทนผู้ได้รับมอบอํานาจของประเทศที่คุ้มครองไม่ว่าในกรณีใด จะกระทําการเกินกว่าหน้าที่ของตนตามอนุสัญญานี้หาได้ไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะต้องคํานึงถึงความจําเป็นอันบังคับเกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศซึ่งตนไปปฏิบัติหน้าที่ การปฏิบัติหน้าที่ของบุคคลเหล่านี้จะถูกกํากัดเป็นกรณีพิเศษและเป็นการ ชั่วคราวเมื่อมีความจําเป็นทางการทหารเกิดขึ้นเท่านั้น

ข้อ ๙

บทบัญญัติแห่งอนุสัญญานี้ไม่เป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติทางมนุษยธรรม ซึงคณะกรรมการกาซาดระหว่างประเทศ หรือองค์การมนุษยธรรมอื่นใดที่ไม่ลําเอียงทางฝ่ายใดที่รับจะกระทํา เพื่อคุ้มครองผู้บาดเจ็บ ป่วยไข้ และเรือต้องอับปาง พนักงานแพทย์ และอนุศาสนาจารย์ ตลอดจนเพื่อบรรเทาทุกข์แก่บุคคลเหล่านั้น โดยได้รับความยินยอมของภาคีคู่พิพาทที่เกี่ยวข้อง

ข้อ ๑๐

บรรดาอัครภาคีผู้ทำสัญญาอาจจะตกลงกันไม่ว่าเวลาใดที่จะมอบหมายหน้าที่ทั้งปวงอันตกอยู่กับประเทศที่คุ้มครองตามอนุสัญญานี้ แก่องค์การใด ๆ ซึ่งให้หลักประกันทุกประการในความไม่ลำเอียงและในทางประสิทธิภาพก็ได้

เมื่อผู้บาดเจ็บ ป่วยไข้ และเรือต้องอับปาง หรือพนักงานแพทย์ และอนุศาสนาจารย์ มิได้รับประโยชน์หรือถูกระงับมิให้ได้รับประโยชน์อีกต่อไป ไม่ว่าเพราะเหตุใดจากการปฏิบัติการของประเทศที่คุ้มครอง หรือขององค์การหนึ่งองค์การใดที่ระบุไว้ในวรรคแรกข้างต้นนั้นแล้ว ให้ประเทศที่่กักคุมร้องขอประเทศที่เป็นกลางประเทศหนึ่งประเทศใดหรือองค์การหนึ่งองค์การใดเช่นว่านั้นเข้ารับหน้าที่ทั้งหลายอันประเทศที่คุ้มครอง ซึ่งแต่งตั้งโดยภาคีคู่พิพาทปฏิบัติอยู่ตามอนุสัญญานี้

๒๘