หน้า:เปิดกรุ (๑) - เหม เวชกร - ๒๕๓๘.pdf/202

หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๒๐๒
 

และพูดว่า

"ณรงค์! รินกาแฟสองถ้วยเถอะ ให้ลุงกะป้าแกดื่ม"

คนในเรือยนต์ก็เฮรวมกันมากราบเดียวหมด ลุงมุตเห็นท่าจะหลีกเลี่ยงการเล่าเรื่องผีไม่พ้น ก็หัวเราะอย่างจำใจ

"เอาเถอะลุง" คุณลมัยว่า "กุ้งฉันจะซื้อหมด สำหรับปลาก็เอาบ้างพอดู ซื้อไปแจกกันกิน เล่าเรื่องเลยลุง ไม่ต้องห่วงการขายละ"

ลุงมุตและเมียยิ้มอย่างโล่งใจและสบายใจ

"เอาอีตอนที่ผมยังหนุ่มและลงเบ็ดราวนะครับ" แกว่า

"เอาเลยลุง ฉันชอบฟัง" คุณลมัยพูดและขยับเข้าใกล้

"วันนั้น ลูกค้าผม ชาวบ้านนี่แหละครับ เขาจะทำบุญกัน เขาก็ว่าปลาผมไว้แต่หัวค่ำ ตกลงว่า ตอนเช้าเป็นส่งปลาและกุ้งให้เขาทัน ผมจัดแจงเอาสวิงช้อนลูกกุ้งฝอยไว้แยะเป็นเหยื่อเกี่ยวเบ็ด" แกลงมือเริ่มเรื่อง

"เอ๊ะ ใช้เหยื่อลูกกุ้งเรอะลุง" ชายหนุ่มคนหนึ่งถามและส่งกาแฟให้สองถ้วย

"ครับ นักหาปลาก็ต้องอัฐยายซื้อขนมยายครับ" ลุงมุตรับกาแฟไปจิบและส่งให้เมียอีกแก้ว แกซดกาแฟร้อนแล้วกระแอมนิดหน่อย

"การลงเบ็ดราวของผม ผมชอบวางทุ่นลอยเป็นแถว และทุ่นนั้นมีกระดิ่งไม้ไผ่ ก็เกราะนี่แหละครับ เวลาปลากิน เกราะมันจะรัวโกร๋งเกร๋ง เราก็รู้ว่า ปลากินเบ็ดมากและน้อยตามเสียงเกราะ ถ้าน้อย เกราะก็ดังน้อย ถ้าลง เกราะดังกราวไปหมดละครับ เที่ยวนั้นหลายตัวนัก ผมวางเบ็ดตั้งแต่เย็นโพล้เพล้ ตั้งแต่หัวสุเหร่าโน่นไปจนสุดท้ายบ้านโน้นลิบ ๆ" หยุดจิบกาแฟ

"พอตกค่ำเท่านั้นแหละครับ เกราะรัวแล้วซี ผมถอยเรือออกจากตลิ่ง ลงมือกู้เบ็ด แต่ไม่มีปลาติดเลยสักตัวครับ ผมแปลกใจ แต่เหยื่อถูกปลากินไปหมด ผมโทษเจ้าเกราะของผมเองว่า มันหลอกลวงผม มันถูกลมพัดแรงก็รัวขึ้น แต่เอ๊ะ เหยื่อหมดนี่ครับ ปลาคงกินแล้วหลุดไป แต่ก็ประหลาด ทำไมหลุดหมดทั้งเบ็ด ที่มีจำนวน ๕๐ ตัวน่าจะเหลือบ้างสักตัวสองตัว แต่ผมนึกไปมือก็เกี่ยวเหยื่อไป ตกลงวางเบ็ดไปอีก และก็เป็นไปดังนี้แหละ