หน้า:โฉมหน้าศักดินาไทย (9th ed).pdf/138

หน้านี้ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร
จิตร ภูมิศักดิ์  ๑๖๕ 

ที่ได้รับพระราชทานที่ดินนี้ มิได้รับที่ดินไปเป็นกรรมสิทธิ์เด็ดขาด หากให้เพียงกรรมสิทธิ์ในการครอบครองทำผลประโยชน์ดังกล่าวแล้วแต่ต้น ขอให้เราสมมุติว่าบัดนี้มีทาส, ลูกทาส, ขอทาน, คนยากจนจำนวน ๓๐๐ คนได้ครอบครองที่ดินในตำบลสำโรงเป็นเนื้อที่ทั้งสิ้น ๑,๕๐๐ ไร่ (๕×๓๐๐) พวกนี้ ได้กลายเป็นเสรีชนไปแล้วโดยสิ้นเชิงหรือไฉน?

ยังก่อน!

ในคราวเดียวกันนั้นพระยายมราชฯ เสนาบดีกรมเมืองได้รับพระราชทานส่วนแบ่งที่ดินหมื่นไร่ ในจำนวนที่ดินหมื่นไร่นั้นได้ครอบเอาที่ดิน ๑,๕๐๐ ไร่ของพวกเสรีชนใหม่นั้นเข้าไว้ด้วย ฉะนั้นคนทั้ง ๓๐๐ คนผู้ทำการผลิตบนที่ดินคนละ ๕ ไร่นั้น จึงต้องกลายเป็นคนภายในสังกัดของพระยายมราช พระยายมราช จึงออกกฏบังคับภายในอาณาเขตของตนให้พวกผู้คนเหล่านั้นมาช่วยทำนาให้ตนด้วย ให้ส่งส่วยเสียให้แก่ตนด้วย อัตราที่จะต้องเสียมีต่างๆ กันแล้วแต่จะตกลงกันได้ ถึงปีพระยายมราชก็ออกสำรวจจำนวนคนลงบัญชีไว้ เอาน้ำหมึกสักหมายเลขลงบนข้อมือบ้างบนท้องแขนบ้าง พวกที่ถูกสักแล้วต้องไปทำงานรับใช้นายจนตลอดชีวิตทุกคน จะหนีก็ไม่มีทางหนีเพราะน้ำหมึกดำติดอยู่ลบไม่ออก ตกลงก็เป็นขี้ข้าเจ้าขุนมูลนาย ต่อไปตนกว่าจะตาย หาเวลาทำนาตัวเองยากเต็มที

คราวนี้พวกไพร่ทั้งปวงที่มีนาเพียง ๕ ไร่ หรือจะพูดให้ถูกมีสิทธิ์ทำนาเลี้ยงตนเองบนที่ดิน ๕ ไร่เท่านั้น ทำเลี้ยงตนเองอยู่ไปมาพักเดียวก็ตระหนักว่าทำนาบนพื้นที่ ๕ ไร่ ไม่พอกิน ครั้นจะซื้อที่ดินเพิ่มก็ไม่มีสตางค์ และถึงมีสตางค์กฏหมายก็ห้ามซื้อขายที่ดินภายนอกเมืองหลวง หรือถึงมีกฏหมายอนุญาตให้ซื้อได้เขาก็ไม่อาจซื้อ เพราะกฏหมายของชนชั้นศักดินาอนุญาตให้เขามีที่ดินในครอบครองเพื่อทำผลประโยชน์ได้เพียง ๕ ไร่เท่านั้น เมื่อ