หน้า:... Acte constitutionnel - précédé de la Déclaration des droits de l'homme et du citoyen ; présenté au peuple français - (IA acteconstitution00fran 4).pdf/4

หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
( 4 )

4. กฎหมายคือการแสดงออกอย่างเสรีและขึงขังจริงจังถึงเจตจำนงทั่วไป กฎหมายย่อมเป็นอย่างเดียวกันสำหรับทุกคนไม่ว่าเป็นคนที่กฎหมายคุ้มครองหรือเป็นที่คนกฎหมายลงโทษ กฎหมายจะสั่งการได้ก็แต่ในสิ่งที่เป็นธรรมและเป็นประโยชน์ต่อสังคม กฎหมายจะห้ามได้ก็แต่ในสิ่งที่เป็นผลร้ายต่อสังคม

5. พลเมืองทั้งมวลย่อมได้รับการยอมรับเข้าสู่การงานสาธารณะอย่างเสมอภาคกัน เสรีชนไม่รับรู้ว่า มีเหตุผลอื่นใดที่ทำให้เกิดสิทธิพิเศษในการได้รับเลือกตั้ง นอกเสียจากคุณธรรมและพรสวรรค์

6. เสรีภาพคืออำนาจของมนุษย์ในอันที่จะกระทำสิ่งทั้งปวงซึ่งไม่เป็นผลร้ายต่อสิทธิของผู้อื่น เสรีภาพมีธรรมชาติเป็นหลักการ มีความยุติธรรมเป็นหลักเกณฑ์ และมีกฎหมายเป็นเกราะคุ้มกัน ขอบเขตทางศีลธรรมของเสรีภาพนั้นอยู่ในภาษิตนี้ "สิ่งใดที่ท่านไม่อยากให้ผู้อื่นทำต่อท่าน อย่าทำสิ่งนั้นต่อผู้อื่น"

7. สิทธิในการแสดงความคิดและความเห็นของตนไม่ว่าผ่านสื่อสิ่งพิมพ์หรือในทางอื่นก็ดี สิทธิในการชุมนุมโดยสงบก็ดี และสิทธิในการปฏิบัติตามลัทธิต่าง ๆ ก็ดี จะถูกหวงห้ามมิได้

ความจำเป็นที่ต้องระบุสิทธิเหล่านี้ไว้ให้ชัดแจ้ง ส่อสำแดงว่า มีระบอบเผด็จการปรากฏขึ้นและยังอยู่ในความทรงจำเมื่อไม่นานมานี้[1]

8. ความมั่นคงย่อมมีอยู่ในการที่สังคมให้ความคุ้มครองแก่สมาชิกแต่ละคนของตน เพื่อพิทักษ์รักษาร่างกายของเขาเหล่านั้น สิทธิของเขาเหล่านั้น และทรัพย์สินของเขาเหล่านั้น

9. กฎหมายต้องคุ้มครองเสรีภาพส่วนสาธารณะและส่วนบุคคลให้พ้นจากการกดขี่ของผู้ปกครอง

10. ต้องไม่มีผู้ใดถูกกล่าวหา จับกุม หรือคุมขัง เว้นแต่ในกรณีที่กฎหมายกำหนดและเป็นไปตามรูปแบบที่ระบุไว้ในกฎหมายนั้น พลเมืองทุกคนที่ถูกเรียกหรือควบคุมตัวโดยอาศัยอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย ต้องปฏิบัติตามนั้นทันที หากต่อต้าน ผู้นั้นย่อมมีความผิด

11. การทั้งหลายที่กระทำต่อมนุษย์คนหนึ่ง ๆ ซึ่งมิได้อยู่ในคดีความ และมิได้เป็นไปตามรูปแบบที่กฎหมายกำหนดนั้น ย่อมเป็นเรื่องพลการและเป็นทรราชย์ ผู้ใดหมายจะใช้ความรุนแรงกระทำการเช่นว่านั้นต่อผู้อื่น ผู้อื่นย่อมมีสิทธิใช้กำลังป้องปัดขัดขวางการนั้นได้[2]

12. บรรดาผู้ปลุกเร้า เร่งเร้า เข้าชื่อใน กระทำ หรือก่อให้กระทำการอันเป็นเรื่องพลการนั้น ย่อมมีความผิด และต้องถูกลงโทษ

13. มนุษย์ทุกคนย่อมได้รับการสันนิษฐานว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ จนกว่าจะถูกประกาศว่ามีความผิด ถ้าเห็นว่าจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องจับกุมผู้นั้น ความรุนแรงทั้งหลายที่ไม่จำเป็นต่อการให้ได้ตัวผู้นั้นมา กฎหมายจะต้องห้ามปรามไว้ให้เคร่งครัด

14. ต้องไม่มีผู้ใดถูกพิพากษาและลงโทษ เว้นแต่เมื่อได้รับฟังหรือเรียกตัวผู้นั้นมาโดยชอบด้วยกฎหมาย และโดยอาศัยกฎหมายที่ประกาศใช้ก่อนความผิดเท่านั้น กฎหมายที่ลงโทษความผิดอันกระทำลงก่อนมีกฎหมายนั้น ย่อมเป็นทรราชย์ การให้กฎหมายมีผลย้อนหลัง ย่อมเป็นอาชญากรรม

  1. ต้นฉบับแปลตรงตัวว่า "ความจำเป็นที่ต้องระบุสิทธิเหล่านี้ไว้ให้ชัดแจ้ง ส่อถึงการปรากฏขึ้น [ของ] และความทรงจำเมื่อไม่นานมานี้ [เกี่ยวกับ] ระบอบเผด็จการ"
  2. ต้นฉบับแปลตรงตัวว่า "ผู้ซึ่งผู้หนึ่งจะกระทำการนั้นต่อโดยความรุนแรง มีสิทธิขับไล่การนั้นด้วยกำลัง"