หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๒๒๑
เล่มที่ ๒
จดหมายเหตุ คือ บางกอกรีกอเดอ

ข่าวเมืองพะม่า

 ข่าวมาแต่เมืองพม่า เปนใจความว่า, ราชบุตรเจ้าอังวะที่คิดขบถนั้น ยังจับตัวหาได้ไม่, ดูเหมือนจะมีกำลังขึ้น, แล้วยกรี้พลมาตั้งใกล้เข้า ๆ กับกรุงอังวะ, น่ากลัวว่า จะทำจลาจลตีเอาเมืองอังวะแตก. พวกอังกฤษก็นิ่งเฉยอยู่ ไม่ได้ช่วยข้างใคร, คอเวอแมนต์อังกฤษได้ห้ามปรามชาวอังกฤษไม่ให้เข้าไปในเขตรแดนพะม่า, กลัวว่า จะปะปนกันกับพะม่า กลัวจะเปนความกัน. อังกฤษว่า จะไม่อาเปนธุระในการที่จะปราบปรามขบถ, เว้นไว้แต่เจ้าอังวะจะยอมทำไม่ตรีใหม่, ถึงว่าเจ้าสององค์นั้นจะตีกรุงอังะวได้, ก็ดูเหมือนจะไม่มีความสบาย. พวกพะม่าทั้งหลายก็จะไม่ได้ความศุข, เว้นไว้แต่ยอมพึ่งอังกฤษ.

เจ้าไวสิรอยเมืองไอกุบโต

 เราได้ยินข่าวมาแต่เมืองไอกุบโตว่า ไวสิรอย คือ เจ้าเมืองไอกุบโต ได้เลิกการที่มีเมียหลายคนในครอบครัวของท่าน เพราะท่านเหนว่า เปนการไม่ดี เปนการชั่ว เปนที่คนอื่นดูอย่างจะประพฤติตาม ก็จะเปนการอัปยศแก่บ้านเมือง เราเหนว่า ไวสิรอยประพฤตินั้น ดี ควรที่จะสรรเสริฐมาก เพราะที่เมืองไอกุบโตนั้นเปนธรรมเนียมมาหลายร้อยปีแล้ว ธรรมนั้น คือ เจ้านายให้มีเมียมาก เปนการอัปยศแก่บ้านเมือง ๆ จึ่งหาได้เจริญดีไม่ เหนตั้งแต่นี้ไป คนอื่นก็จะเอาอย่างใหม่ คือ อย่างที่มีเมียคนเดียว เมืองไอกุบโตจึ่งจะดีขึ้นเร็ว เราปราถนาอยากให้ในหลวงที่กรุงเทพฯ นี้เอาเปนอย่างด้วย เพราะการที่มีพระสนมหลาย ๑๐ หลาย ๑๐๐ นั้น เปนการทับถมเมืองสยาม เหมือนต้นหญ้าขึ้นทับต้นเข้าในนา ต้นเข้าไม่งอกงามบริบูรณได้ ด้วยว่าเชื้อดินนั้นรวมกันเข้าบำรุงต้นหญ้าให้งอกมากขึ้น เพราะอย่างในหลวงทั้งสองพระองค เจ้านายฃุนนางทั้งปวงจึ่งเอาธรรมเนียมนั้นเปนอย่าง จึ่งได้เลี้ยงภรรยามากตามมั่งมี ธรรมเนียมนั้นเปนที่ให้บังเกิดความอัปยศในกรุงสยาม มีความชั่วหลายอย่างนัก เปรียบเหมือนแวมไปยะ คือ สัตวอย่างหนึ่งที่มีเรื่องแต่บูราณว่า ดูดเอาโลหิตรเจ้านายขุนนางไพรพลทั้งปวงในกลางคืนให้อ่อนกำลังลงนัก ให้ความดีของคอเวอแมนตนั้นเศื่อมลงทุกอย่าง โอโอ๋ ปราถนาอยากให้ท่านในหลวงได้รู้ได้เหนด้วย ถ้าท่านได้เหนด้วยแล้ว ท่านคงจะรื้อธรรมเนียมในพระบรมมหาราชวังเสีย ถ้าท่านได้รื้อเสียแต่เพียงนั้น ก็เปนเหตุเหมือนอย่างทุบตีธรรมเนียมนั้นให้ตาย บันดาเจ้านางขุนนางทั้งปวงเหนแล้ว คงจะเอาเปนอย่าง แลเมืองสยามจะได้ความศุขมากขึ้น

ในหลวงเสดจ์ประภาษเมืองพระพิศนุโลกย

 พระบาทสมเดจพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสดจด้วยพระธินั่งกลไฟขึ้นไปเมืองพระพิศณุโลกย์, ณวันพฤหัศ เดือน ๑๑ แรมค่ำหนึ่ง. แลเมืองพระพิศณุโลกย์นั้นแต่ก่อนก็เปนราชธานีใหญ่. เรื่องราวว่าด้วยเมืองพระพิศณุโลกย์นั้น, น่าอ่านน่าคิดถึงเรื่องนั้น น่าอยากจะรู้ให้เลอียด, ใน ๑๐๐ ปี ไม่ได้ยินว่า พระเจ้าอยู่หัวกรุงสยามจะเสดจขึ้นไปประกาศเช่นนั้น. ข้าพเจ้าเหนว่า เปนการใหญ่แก่ไพร่พลเมืองชาวพระพิศณุโลกย์เขาคงจะมีความยินดี, ว่า พระเจ้าอยู่หัวแผ่นดินของตัวเสดจขึ้นมาถึงแล้ว. แลเสดจด้วยพระธินั่งกลไฟ. ฤดูนี้มีน้ำถ้วมฝั่ง จึ่งเสดจไปถึงได้, เปนคุณเปนประโยชน์แก่ชาวเมืองพระพิศณุโลกยเพราะเรือกลไฟ, ถ้าไม่มีเรือกลไฟแล้ว เหนพระเจ้าอยู่หัวจะเสดจไปไม่ถึง, แลได้เสดจไปประภาษตามบ้านเมืองหลายแห่งนั้น, ก็เพราะว่ามีเรือกลไฟ, แต่ก่อนมา พระเจ้าอยู่หัวกรุงสยามไม่ได้เสดจไปประภาษได้ดั่งนี้ เพราะว่ายังหามีเรือกลไฟไม่. เรือกลไฟลำเดิมของกรุงเทพฯ ได้ต่อแล้ว, เมื่อคฤสตศักราช ๑๘๕๕ เดือนเสบเตมเบอ, วัน ๒๕ ที่ท่านเจ้าพระศริสุริยวงษ ที่สมุห์พระกลาโหม จัดแจงให้ลงน้ำในวันนั้น. ท่านเจ้าพระยาศรีสุริยวงษได้เยเอซิจันเลอเอศไควเออ, เปนครูบอกการที่จะทำกลไฟนั้นจนสำเร็จ.

๏ เจ้าพระยาศรีสุริยวงษกลับมาแต่เมืองราชบุรี

 ณวันพฤหัศ เดือน ๑๑ แรมค่ำหนึ่ง เวลาเช้า, ท่านกลับมาถึง, ท่านเอาข่าวมาว่า, นาที่แขวงเมืองราชบุรีในปีนี่เข้าก็งามนัก, หลายปีมาแล้ว เข้าในท้องนาแขวงเมืองราชบุรีไม่งามเหมือนปีนี้เลย.