นำเสนอตัวบทจากกฎหมายโบราณของสยามที่จะแสดงให้เห็นว่า กฎหมายโบราณเหล่านี้มีที่มาจากระบบกฎหมายฮินดู ถ้าผู้เขียนเป็นนักภาษาศาสตร์หรือนักโบราณคดี ก็คงรู้สึกมั่นใจได้ว่า จะสามารถนำข้อเท็จจริงทางภาษาศาสตร์หรือโบราณคดีที่น่าสนใจออกมากสงเคราะห์ตนเองในงานชิ้นนี้ แต่อย่างเดียวที่ผู้เขียนเป็น คือ นักกฎหมายสายอาชีพ ผู้เขียนจึงได้แต่พึ่งพาตัวบทที่ผ่านหูผ่านตามาในระหว่างศึกษากฎหมายโบราณของสยาม
สิ่งแรก ๆ ที่สะกิดใจผู้เขียนตอนเริ่มศึกษากฎหมายโบราณของสยามราวแปดปีก่อนนั้น คือ ความคล้ายคลึงกันอย่างเห็นได้ชัดของกฎหมายสยามกับกฎหมายฮินดูในแง่ของการแบ่งหัวเรื่องหรือชื่อเรื่อง ในประมวลกฎหมายพระมนู อันเป็นแบบฉบับตำรากฎหมายฮินดูนั้น มีการแบ่งส่วนกฎหมายแพ่งและอาญาทั้งหมดออกเป็น 18 หัวเรื่องหลัก ตามคำแปลของศาสตราจารย์บือเลอร์[1] หัวเรื่องหรือมูลคดีทั้ง 18 นี้ ได้แก่
(1) หนี้
(2) ฝาก และจำนำ
(3) ขายโดยไม่มีกรรมสิทธิ์
(4) ความเกี่ยวพันในหมู่หุ้นส่วน[2]
(5) เอาสิ่งที่ให้แล้วคืน
(6) จ้างแรงงาน
(7) ไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง
(8) บอกเลิกการซื้อขาย
(9) ข้อพิพาทระหว่างเจ้าของปศุสัตว์กับคนรับใช้ของตน
(10) ข้อพิพาทเรื่องเขตแดน
(11) ทำร้ายร่างกาย
(12) หมิ่นประมาท
(13) ลักทรัพย์
(14) ปล้นทรัพย์ และประทุษร้าย
(15) กระทำชู้
(16) หน้าที่ของสามีและภริยา
(17) แบ่งมรดก
(18) พนันขันต่อ (พระมนู เล่ม 8 หน้า 4–8)
ในเรื่องเดียวกันนี้ พระธรรมศาสตร์[3] ของสยามระบุว่า "มูลอันก่อให้เกิดคดีความมีดังนี้"[4] แล้วลำดับหัวเรื่องทั้ง 18 นี้ด้วยถ้อยคำที่แทบจะไม่ผิดจากกัน ก่อนจะเพิ่มเข้าไปอีก 11 หัวเรื่อง เป็นต้นว่า ลักพา กบฏ สงคราม ราชทรัพย์ และภาษี ฯลฯ
ความคล้ายคลึงกันเช่นนั้นยังเห็นได้ในแง่ของการจัดประเภททาส ในประมวลกฎหมายพระมนู ทาสจัดออกเป็นประเภทดังนี้
(1) ผู้เคยตกเป็นเชลยศึก
(2) ผู้กลายเป็นทาสเพียงเพื่อให้ท้องอิ่ม
(3) ผู้เกิดจากทาสหญิงในบ้านของนายทาส
(4) ผู้ถูกซื้อมา
(5) ผู้ถูกมอบให้
(6) ผู้ที่ได้รับมาจากมรดกของบุพการี และ
(7) ผู้กลายเป็นทาสเพราะจ่ายค่าปรับจำนวนมากไม่ไหว (พระมนู เล่ม 8 หน้า 4–15)
ในเรื่องนี้ ลักษณะทาส[5] ของสยามเริ่มโดยกล่าวว่า ทาสมีเจ็ดประเภท
- ↑ อาจหมายถึง เกออร์ค บือเลอร์ (Georg Bühler) (เชิงอรรถของวิกิซอร์ซ)
- ↑ อาจตรงกับที่พระธรรมสาตรว่า "วิวาทด้วยปันหมู่ชาเปนมูล" (แลงกาต์ 2481a, น. 29) (เชิงอรรถของวิกิซอร์ซ)
- ↑ ชื่อประมวลกฎหมายโบราณของสยาม เป็นเรื่องน่าสนใจชวนให้สังเกตว่า ชื่อ "ธรรมศาสตร์" นี้ส่อว่ามีที่มาจากพระมนู เพราะประมวลกฎหมายพระมนูก็เรียกว่า "ธรรมศาสตร์"
- ↑ ข้อความดั้งเดิมในพระธรรมสาตร (แลงกาต์ 2481a, น. 27) ว่า "แม้นอันว่ามูลคดีวิวาทอันให้บังเกีดความทังปวง" (เชิงอรรถของวิกิซอร์ซ)
- ↑ ชื่อกฎหมายโบราณของสยามเกี่ยวกับทาส