กฎหมายลักษณผัวเมีย/เรื่อง 7



ศุภมัสดุ พระพุทธสาสนกาลเปนอดีตภาคล่วงแล้ว ๒๔๔๑ พรรษา ปัตยุบันกาล จันทรคตินิยม จุลศักราชยังเปน ๑๒๖๐ วะราหะสังวัจฉระ จิตรมาส กฤษณปักษ์ นวะมีดิถี สุริยคติวิธี ลุรัตนโกสินทรศก ๑๑๘ เมษายนมาศ จะตุตถุมาสาหะคุณพิเศษ ภุมวาร ปัญจมรัชกาล ทวัตติงสะติมะสังวัจฉระ ทวาชิกสะตุตตะระสะหัสสะมุปะริ ทะศะสะหัสสิมะทิวสะเขตร ปริเฉทกาลกำหนด

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ บดินทรเทพยมหามงกุฎ บุรุศยรัตนราชรวิวงษ วรุตพงษบริพัตร วรขัติยราชนิกโรดม จาตุรันตบรมมหาจักรพรรดิราชสังกาศ บรมธรรมิกมหาราชาธิราช บรมนารถบพิตร พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงพระคุณธรรมอันประเสริฐ เสด็จออกณพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาทบรมราชพิมาน โดยสฐานอุตราภิมุข ภายใต้พระมหานพปดลเสวตรฉัตร เหนือรัตนบรรยงก์ พร้อมด้วยพระบรมวงษานุวงษ์ แลเสนาบดี รัฐมนตรี องคมนตรี ข้าทูลลอองธุลีพระบาท กระวีชาติ ราชบริพารฝ่ายทหารพลเรือน เฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทบงกช โดยกำหนดตำแหน่งเปนอันดับกัน

จึ่งมีพระบรมราชโองการดำรัสเหนือเกล้าฯ ให้ประกาศให้ทราบทั่วกันว่า พระราชกำหนดกฎหมายเดิมที่ว่าด้วยการข่มขืนทำชำเราผู้หญิงนั้นยังบกพร่องอยู่หลายประการ เปนเหตุให้เกิดความสงไสยต่าง ๆ ในการพิจารณาพิพากษาคดีที่กล่าวหากันว่าข่มขืนทำชำเรา จึ่งทรงพระราชดำริห์เห็นสมควรให้แก้ไขพระราชกำหนดกฎหมายนั้นเสียใหม่ให้ชัดเจนดีขึ้นกว่าแต่ก่อน

เหตุฉนี้ จึ่งมีพระบรมราชโองการดำรัสเหนือเกล้าฯ ให้ตราพระราชกำหนดไว้ต่อไปดังนี้

มาตราพระราชกำหนดนี้ให้เรียกว่า พระราชกำหนดลักษณข่มขืนล่วงประเวณี รัตนโกสินทรศก ๑๑๘ แลให้ใช้ได้ตั้งแต่วันที่ได้ลงในพระราชกำหนดนี้เปนต้นไปตลอดทั่วพระราชอาณาเขตรสยาม

มาตราบันดาพระราชกำหนดกฎหมายเก่าบทใดซึ่งยังมิได้ให้ยกเลิกเสียนั้น ถ้าเปนการขัดขวางกับความในพระราชกำหนดนี้ในข้อใดข้อหนึ่งแล้ว ก็อย่าให้ยกเอาพระราชกำหนดกฎหมายบทนั้นมาลบล้างข้อความในพระราชกำหนดนี้ ให้ถือเสียว่าเหมือนดังได้ยกเลิกพระราชกำหนดกฎหมายบทนั้นเสียชนั้น

มาตราชายใดทำชำเราด้วยหญิงในเหตุ ๔ ประการดังที่จะกล่าวต่อไปข้างล่างนี้ ท่านว่า ชายผู้นั้นข่มขืนทำชำเราหญิง คือ

ข้อขืนใจหญิง

ข้อหญิงมิยินยอม

ข้อหญิงยินยอมด้วยชายขู่เข็ญจะทำร้ายแก่ร่างกายแลชีวิตร์หญิง ๆ มีความกลัวจึ่งยินยอม

ข้อหญิงยินยอมก็ดี ฤๅไม่ยินยอมก็ดี แต่หญิงนั้นยังมีอายุต่ำกว่า ๑๒ ปีลงมา

มาตราชายใดข่มขืนทำชำเราหญิงดังเช่นว่าไว้ในมาตรา ๓ พิจารณาเปนสัตย์ ให้ลงโทษจำคุกไว้ตั้งแต่ ๑๐ ปีลงมา กับให้ทำการหนักด้วยก็ได้ ฤๅมิให้ทำการหนักด้วยก็ได้ แล้วจะปรับเปนเงินทำขวัญให้แก่หญิงตั้งแต่ ๑๐๐๐ บาทลงมาด้วยก้ได้

อนึ่ง ผู้ใดได้รับโทษถานข่มขืนทำชำเราครั้งหนึ่งแล้ว ภายหลังยังกลับขืนกระทำผิดลงไปอีกเปนครั้งที่ ๒ ที่ ๓ ต่อไป จะให้ลงโทษเฆี่ยนตั้งแต่ ๖๐ ทีลงมาเพิ่มเข้ากับโทษจำคุกแลโทษปรับอีกด้วยก็ได้

มาตราผู้ใดทำชำเราทางเวจมรรคก็ดี ฤๅทำชำเราด้วยสัตวเดรฉานผิดธรรมดาโลกย์ก็ดี พิจารณาเปนสัตย์ ให้ลงโทษจำคุกตั้งแต่ ๑๐ ปีลงมา กับให้ทำการหนักด้วยก็ได้ ฤๅมิให้ทำการหนักด้วยก็ได้

อนึ่ง ผู้ใดได้รับโทษตามความผิดที่ได้ว่ามาในมาตรา ๕ นี้ครั้งหนึ่งแล้ว ภายหลังยังกลับขืนกระทำผิดลงอีกเปนครั้งที่ ๒ ที่ ๓ ต่อไป จะให้ลงโทษเฆี่ยนตั้งแต่ ๖๐ ทีลงมาเพิ่มเข้ากับโทษจำคุกอีกด้วยก็ได้

มาตราผู้ใดพยายามเพื่อจะข่มขืนทำชำเราก็ดี เพื่อจะทำชำเราทางเวจมรรคก็ดี แลเพื่อจะทำชำเราสัตว์เดรฉานก็ดี ซึ่งเปนการผิดต่อมาตรา ๓ มาตรา ๔ แลมาตรา ๕ แห่งพระราชกำหนดนี้ พิจารณาเปนสัตย์ ให้ลงโทษจำคุกไว้ตั้งแต่ ๕ ปีลงมา กับให้ทำการหนักด้วยก็ได้ ฤๅมิให้ทำการหนักด้วยก็ได้ แล้วจะปรับเปนเงินทำขวัญตั้งแต่ ๕๐๐ บาทลงมาด้วยก็ได้

มาตราผู้ใดสมรู้เปนใจด้วยฤๅช่วยอุดหนุนต้นเหตุในการข่มขืนทำชำเราก็ดี ฤๅในการทำชำเราทางเวจมรรคก็ดี ฤๅทำชำเราด้วยสัตว์เดรฉานก็ดี พิจารณาเปนสัตย์ ให้ลงโทษจำคุกตั้งแต่ ๓ ปีลงมา กับให้ทำการหนักด้วยก็ได้ ฤๅมิให้ทำการหนักด้วยก็ได้ แล้วจะปรับเปนเงินทำขวัญตั้งแต่ ๓๐๐ บาทลงมาด้วยก็ได้

ในการทำชำเรานี้ แต่เพียงชายจดถึงทวารหญิงเท่านั้น ก็ให้ถือว่าถึงชำเราทีเดียว

(กฎหมายลักษณอาญา ศก ๑๒๗ ได้ยกเลิกแล้ว)