การเทศมหาชาติ ๑๓ กัณฑ์/กัณฑ์ ๗ มหาพน
มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์ที่ ๗
มหาพน
ฉบับวิงวอนหลวง(ล้านนา)
มหาพน ๘๐ คาถา
- ..จิ่งนำพราหมณ์ไปตั้งอยู่ ที่ข้างกู่มัคคา ยกมือขวาสุดศอก อันจักบอกหนทางเทียว ในเขาเขียวแก้วกู่ จิ่งจากับพราหมณ์ปู่ว่า ดูราพราหมณ์ ดอยอันนั้นสูงเพียงจอมหมอก ตัดข้างขอกดงหนา ชื่อว่าคันธมทนาปูนผ่อ หินผาก่อกองกัน พระจอมขวัญเมืองมิ่ง อยู่สร้างสิ่งปารมี กับสองสรีเลิศแล้ว และนางหน่อแก้วระสีนี ท่านทะรงศีลดีวิเศษ อยู่สร้างเพศเป็นชี ถือขอเรียวรีเกี่ยวไม้ หมวดเกล้าไว้เป็นชฎา หนังเสือลายมาห่มห้อย ลายพรักพร้อยเทียมตน ท่านกระทำผลชะใช่ ฅะฅ้อยไหว้เปียวไฟ..
- นโม ตสฺสตฺถุ ฯ กจฺฉนฺโต ภารท๎วาโช โส อจุตสฺส อจฺจุตํ อิสึ ติส๎วาน ตํ ภารท๎วาโช สมฺโมติ อิสินา สหติ
- ล่ำดับธัมม์เทศนา มาเถิงมหาพนกัณฑ์ถ้วนเจ็ดปริเฉท อันพระพุทธเจ้าหากเทสนามา ส่วนพราหมณ์ผู้หาประญาบ่ได้ มันก็อว่ายหน้าเข้าสู่ดงขวาง ด้วยหนทางอันพรานเจตบุตรหากบอก มันก็เทียวซอกป่าหิมวันต์ ก็หันอาสรมบทเจ้าอจุตะระสีหากอยู่ ในแก้วกู่ตนเดียว คันมันเทียวไปรอด ก็หันเจ้ายอดอจุตะระสี หากอยู่สร้างปารมี มันยินดีไจ้ ๆ ก้มกราบไหว้วันทา กล่าวเป็นคาถาว่า กจฺจิ นุโข โภโต กุสลํ กจฺจิ โภโต อนามยํ กจฺจิ อุญฺเฉน ยาเปถ ดั่งนี้เป็นต้น
ข้อขอยอมือกราบไหว้ พระบาทไธ้ระสี ฅวามสวัสดียังฅ่อยได้ บ่ห่อนไข้เป็นใด ท่านเลี้ยงตนในป่า ลูกไม้กว่าแสวงเอา หัวมันแดงขาวเป็นเหง้า ขุดเค้าอันอ่อนกินหวาน ประการนึ่งเหลือกและยุงบินมาซว่าน ริ้นร้ายร่านเหลือดง งูบ่ลงมาสอด แสวงตอดตอมกาย เนื้อทังหลายบ่ล่า ผกดั้นกว่าและรือ ฯ
เจ้าตาปสา ระสี จิ่งกล่าวหื้อรู้ข่าวการดีว่า กุสลัญฺเจว โน พราหเม ดั่งนี้เป็นต้น ดูราท่านพราหมณ์ เรามีฅวามสุขเหลือแหล่ อยู่ด้าวแต่กลางดง เราบ่ทะรงพยาธิ์ ยาทิพย์อาบดับกังวล เราเลี้ยงตนในเถื่อน ด้วยลูกไม้เปื่อนหัวมัน กินทุกวันบ่พราก ชีวิตหากเป็นไป อโถ ฑํสา ยุงในดงรีขบปวด ริ้นร้ายรวดเหลือดง งูบ่ลงแสวงสอด บ่ต้องตอดตนเรา ฯ วเน ในดงเขาป่ากว้าง มีแรดช้างเสือสิงห์ เขาบ่หิงสากระทำโทษ เมตตาแล้วลวดหนีไป และพราหมณ์เฮย ฯ พหูนิ วสฺสปูคาน ิดูราพราหมณ์ นับดูปีเดือนนานมาก เราอยู่ป่าไม้หากภาวนา ก็หาอาพาพยาธิ์ ก็บ่มาต้องพาดกายา ท่านพราหมณ์มาโดยชอบ เราจักขอบใจพราหมณ์ ท่านเทียวทางไกลเป็นดั่งใกล้ เป็นดั่งได้เทียวเริง ท่านเพิงไต่ทางนั้นไป สองสามได้บาทย่าง น้ำในอ่างใสงาม ล้างตีนพราหมณ์ทังคู่ แล้วเข้ามาสู่โรงเราจากันเทอะ ฯ ดูราพราหมณ์ อันนี้หมากคับทองกินฝาด หมากหาดส้มกินนาน หมากซางหวานปานใจใฝ่ แตงหน้อยใหญ่กินลำ เราหากนำมาทุกสิ่ง หวานยิ่งอ้อยเมืองฅน ท่านเทียวหนเดินเทศ กินหื้อหายเหตุพักใจมาฯ อิทมฺปิ ปานิยํ สีต ํดูราท่านพราหมณ์ น้ำอันนี้ใสก็ใสเย็นก็เย็นชื่นช้อย ไหลแต่ท้องน้อยดอยเขียว เราเดินเทียวไปอาบ ตักแล้วหาบนำมา น้ำกินราฅ่ำเช้า เชิญพราหมณ์เถ้าดูดกินพลัน ด้วยแต่อันกินลูกไม้ กินอิ่มได้แรงมา และพราหมณ์เฮยฯ
เมื่อนั้น ชูชกะพราหมณ์ ได้ยินดีชมชื่น ยอมือยื่นไหว้ระสีว่า ข้าแด่เจ้ากู ท่านแต่งปูชาแขกแก้ว ข้าก็รับเอาแล้วจ่ำเริญใจ อาหารใดหลายหลาก หวานแท้มากเพิงใจ เท่าว่าด้วยมีแท้ผู้ข้า จักใคร่หันหน่อท้าว ตนปราบด้าวเมืองไทย ลูกพญาสัญไชยอะคร้าว เป็นหน่อท้าวบุญเรือง ชาวเมืองขับหนีจาก ขับท้าวพรากเมืองมา พระราชาชื่นช้อย ข้าน้อยใฝ่หุมหัน ท่านยังรู้ทางอันใดขอกล่าว หื้อรู้ข่าวจักไป แด่เทอะฯ เจ้าตาปสาระสีจักกล่าว หื้อรู้ข่าวคำจา จิ่งกล่าวคาถาว่า น ภวํ เอติ ปุญญตฺถํ สีวิราชสฺส ทสฺสนํ ดูราพราหมณ์ ท่านมานี้ดูบ่ชอบ บ่ประกอบด้วยการบุญ หวังหันขุนหน่อไธ้ หวังใคร่ได้สิ่งอันใด เราร่ำเพิงในใจหื้อรอด รอยว่าใคร่ได้นางยอดมเหสี ผู้กระทำวัตรดีผ่านแผ้ว แห่งหน่อแก้วเวสันดร ฯ อันนึ่ง ท่านจักไปวอนขอฅะฅ้อย ขอลูกหน้อยท่านญิงชาย ชื่อว่าชาลีสายใจธิราช นางแก้วอาจกัณหา ท่านจักเอาไปเป็นข้าใช้ ตีต่อหน้าตีนมือ บ่อั้นท่านจักขอสามศรีงามลือชาติเชื้อ ลูกอ่อนเนื้อเป็นเมียตน ท่านอยู่ในไพรสณฑ์ป่าไม้ ทุกข์ยากไร้บ่มีสัง ชื่อว่าเงินฅำช้างม้า ฝูงหมู่ข้าญิงชาย พระบุญผายเป็นเจ้า ท่านบ่มีเข้าสักเยีย ท่านเท่ามีลูกเมียกับลูกท้าว อยู่ด่านด้าวเขาฅำพุ้นแลฯ
ชูชกะพราหมณ์ผู้เถ้า จักล่ายเจ้าระสี เป็นคำดีวิเศษ บ่หื้อได้เฅืองเคียดโกธาว่า อ กุทฺธรูปาหํ โภโต นาหํ ยาจิมุมากโต ข้าแด่เจ้าระสีตนวิเศษ ท่านอย่าได้เคียดผิดใจ ข้าเดินไพรทุกเมื่อ บ่เท่าเพื่อจักขอ ข้านี้คึดใจพอฅะฅ้อย ใคร่หันหน้าพระยอดสร้อยราชา กรียาอันได้อยู่เป็นเพื่อน ในถ้องเถื่อนเป็นชี ฅวามสุขมีแฅวนมาก ข้าน้อยหากหุมหัน ท่านทะรงธรรมงามจะจ่อน ข้าบ่ห่อนเคยหัน ไพร่อธรรมจำพราก ขับท้าวจากเสียเมือง ผิว่าท่านยังรู้ ยังที่อยู่เจ้าบุญเรืองเจ้าฟ้า จุ่งบอกข้าจักไปแด่เทอะฯ โส ตสฺส วจนํ สุต๎วา เจ้าอุจตตะระสี ได้ยินคำดีพราหมณ์กล่าวแก้ ก็ใส่ใจว่าคำนั้นมีแท้ดีหลี พระระสีเชื่อคำล่ายปู่เถ้า จิ่งกล่าวว่าดูราพราหมณ์ ท่านจุ่งอยู่ยั้งเซา กับด้วยเราฅืนนี้ก่อน กูจักผ่อนสำแดงหนทาง เข้าดงขวางป่าไม้ เข้าสู่พระหน่อไธ้ระสี ยังผลามีเหลือแหล่ หื้อพราหมณ์เถ้าแก่ดากิน เจ้าระสีบ่เศร้า ก็หื้อพราหมณ์เถ้านอนฅืน
ในวันลูนรุ่งเช้า ตาวันส่องเข้าเขาฅำ จิ่งนำพราหมณ์ไปตั้งอยู่ ที่ข้างกู่มัคคา ยกมือขวาสุดศอก อันจักบอกหนทางเทียว ในเขาเขียวแก้วกู่ จิ่งจากับพราหมณ์ปู่ว่า เอส เสโล พราหเม ปพฺพโต คนฺธมทโน ดั่งนี้เป็นต้น ดูราพราหมณ์ ดอยอันนั้นสูงเพียงจอมหมอก ตัดข้างขอกดงหนา ชื่อว่าคันธมทนาปูนผ่อ หินผาก่อกองกัน พระจอมขวัญเมืองมิ่ง อยู่สร้างสิ่งปารมี กับสองสรีเลิศแล้ว และนางหน่อแก้วระสีนี ท่านทะรงศีลดีวิเศษ อยู่สร้างเพศเป็นชี ถือขอเรียวรีเกี่ยวไม้ หมวดเกล้าไว้เป็นชฎา หนังเสือลายมาห่มห้อย ลายพรักพร้อยเทียมตน ท่านกระทำผลชะใช่ ฅะฅ้อยไหว้เปียวไฟ เอเต นิลา
ดูราพราหมณ์ ไม้ทังหลายเหลือแหล่ มีด้าวแต่กลางดง ทะรงรูปงามจะจ่อน พร่องผ้งสุกอ่อนปูนกิน เป็นแต่ดินสะอาด เพียงอากาศสูงเรียว เขาเขียวงามผ่านแผ้ว เขียวดั่งแก้วเอนชัน ไม้สะเฅียนอันบ่แผก ไม้ตระแบกหูกวาง ไม้ยางเขียวเป็นช่อ ไม้สะฅ้อเปลือกบาง ไม้รังมีกลางป่า ปูนดีล่าเดินดง ลมชอยลงกิ่งค้อม อ้วนอ่อนน้อมหันงาม ดั่งชายลามกินเหล้า นั่งล้อมเฝ้ากันนั้นและฯ อุปริ ตุมาปริยาเยสุ นกทังหลายมีมาก ซะซ้าวหากเหลือใจ บินไปมาเสี้ยวสอด บนยอดไม้สูงเรียว ร้องเซียว ๆทุกแห่ง ดั่งเสียงขับทิพย์แต่งปูนฟัง นกโพนดกร้องดังเสียงชื่น ตระเหว้าตื่นตามลาง บินขันขวางป่าไม้ แดนแต่ใกล้อาราม นั้นและฯ ไม้ทังหลายอเนก เป็นดั่งรู้ควักรู้เรียกฅนไป ควรสนุกใจปานใฝ่ แห่งฅนผู้ไต่เดินดง ฅนฝูงใดอยู่เก่า สุขร้อยเท่าใจบาน พระชินมารหน่อท้าว ลือทั่วด้าวธรณี อยู่เป็นชีชื่นช้อย กับลูกน้อยสองฅน ท่านทะรงพรรณวิเศษ เอาเพศเป็นชี ขอคันรีแต่งไว้ เกี่ยวลูกไม้ผลา หนังเสือหนาลายพรักพร้อย เอาห่มห้อยกายา อยู่ปูชาไฟบ่ขาด เทียรย่อมปรารถนาเอา สัพพัญญูเลายอดฟ้า และพราหมณ์เฮย ฯ อมฺพา ชมฺพู ปติฏฐา จ นีเจ ปกฺกา ไม้ม่วงและชุมพู หมากขวิดดูเหลือหลาก มีลูกมากเจือจาน หมากเดื่อหวานนักแก่ ลูกแต่เค้าเถิงปลาย ไม้ทังหลายเหลือแหล่ มีนักแท้พอการ ในดงดานทุกสิ่ง จำเริญยิ่งพันพวง ในดงหลวงทุกก้ำ มีแม่น้ำกินหวาน ผิวใสงามเลิศแล้ว เป็นดั่งแก้ววิทูร มีปลาสูนฝูงเต่า ลอยเหล้นเล้าไปมา มีกลิ่นคัณธาหอมยิ่ง ถ้วนทุกสิ่งเหลือใจ ไหลลงมาแต่ท้าง ถัดแต่ข้างดอยฅำ ฯ อันว่า โบกขรณีใหญ่กว้าง มีแต่ข้างอาสรม มโนรมย์เรียงราบ ท่ากว้างอาบเย็นใจ จังกอนเต็มทุกพายทุกขอก อุบลดอกเขียวงาม เหมือนอารามแต่ฟ้า ถ้วนหน้าชื่อว่านันทวนุทยานนั้นและฯ ดอกอุบลมีสามสิ่ง เกิดพร้อมยิ่งดูดี ในสระโบกขรณีทุกขอก ผ้งเป็นดอกบานงาม ประจิตรจามแกมด้วยหว่าง มีวรรณะต่างหลายพันธุ์ ลางอันขาวผายผ่อง ลางอันส่องผิวแดง ดั่งเลือดแฝงกันอยู่ ตั้งเป็นคู่ยายกอ นั้นแลฯ
เจ้าระสีหน่อแก้ว กล่าวยิ่งแล้วคองดี ยังโบกขรณีเป็นเค้า หื้อพราหมณ์เถ้าแต่งหุมหัน ทีนี้จักพรรณนามุจรินท์อันยิ่ง เจ้าจิ่งกล่าวคาถาว่า โ ขมา ว ตตฺถ ปทุมา เสตฺโสคันธิเยหิ จ ดั่งนี้ ดูราพราหมณ์ ดอกบัวขาวทังห้า ขาวดั่งผ้าโขมา หันเหลือตาแต่ก้าน ดอกพ้านเพื่อนจังกอน ผักตบชอนทังผักฅาบ หันมีมากเหลือตา ในดงหนาชุก้ำ ข้างแม่น้ำมุจรินท์ กุมภิรา จ จะเข้และปลาข่า มังกรล่าไปมา ปลาดุกทังเต่าน้ำ ฅะฅ้ำแล่นตามกัน ดูราพราหมณ์ ดอกบัวขาวงามมีมาก เกสรหากเหลือใจ หาที่สุดบ่ได้ซ้ำ ทั่วฝั่งน้ำทุกพาย ในยามหนาวและยามร้อน บานแบ่งพร้อมเสมอกัน น้ำในวังเพียงหัวเข่า มีหลายเผ่าปูนดู ดอกสารภีแย้มยอด ลมพัดรอดราวไพร งามพอใจทุกสิ่ง ประจิตร(ไพจิตร?)ยิ่งพอตา แม่เผิ้งบินมาทุกสลอก ตอมดอกไม้เหนือดง เต็มทุกพงป่ากว้าง แดนแต่ข้างอาราม
ดูราพราหมณ์ ริมวังสูงป่ากว้าง สองป่างข้างมุจรินทร์ ในแดนดินที่ใกล้ ต้นไม้งามหากเหมาะ ไม้โกมเกาะมีเหลือแหล่ แคฝอยแต่กลางดงราม ไม้ทองหลางเป็นดอก บานทุกขอกหอมไกล อํโกรา ไม้ประจิตรงามเป็นหยุม มีใบพุ่มแฝงกัน ไม้หมากทันและปาริชาติ ใกล้อาวาสท้าวบุญพิง ไม้กากะทิงทุ่มน้ำ มีชุก้ำอาราม มุจรินทร์งามแง่ แดนท้าวแต่ริมวัง ในหิมวันต์ทุกขอก ไม้ขัดหมอกหนาหนำ ไม้ยางพรายเป็นหมู่ ยางพรายขาวอยู่แฝงกัน มีทังไม้โมกมันและหมากพร่อง เป็นแถวถ่องอยู่ในไพร และพราหมณ์เฮย ฯ
เอตถ อุตฺกตฺตสฺมึ ดูราพราหมณ์ ในดงขวางมีชุก้ำ แทบฝั่งน้ำทุกพาย สระงามหลายบัวบานสะพรู่ ผักบุ้งอยู่เป็นกอ ถั่วตาเสือและถั่วค้าง อยู่ตามข้างอาราม ถั่วเงินงามเครือแลบ หมากแปบอยู่เกี้ยวปลอมเครือ น้ำสระเฟือนเฟือยะย่อง น้ำข้างฝั่งผะผาง มีทังสายลายน้ำ ชุก้ำย่อมฟูแหน หมากลางลิงแลนทุกเทศ ต้นสีเสียดยายแยง ผักโหมแดงเหลือแหล่ มีด้าวแต่อาราม เครือเขาเอนงามสะพรู่ ตั้งต้นอยู่นองนัน ดอกลายพันสะพรู่ เกี้ยวไม้อยู่เถิงปลาย ฅนทังหลายตัดดอก หอมรสออกเจ็ดวัน มีคัณธะทั่วหล้า ผับในป่าหอมไกล มุจรินทร์ใสสามแง่ มีอยู่แต่ข้างริมวัง ดูงามฝั่งดอกไม้ มีที่ใกล้อาราม ผักตบงามเป็นดอก ผิวเหลืองหมอกซอยทอย ตามราวดอยงามสะอาด ปานอากาศใสงาม ฝูงฅนรามทัดดอกไม้ หอมรสได้เจ็ดเดือน หอมเชือนไปทุกขอก ลมพัดรอดผับดง เอ็งชันลงเขียวเหลือแหล่ เอ็งชันขาวแพร่ในไพร กัณณิกาแดงผ้งเป็นดอก บานทุกขอกเป็นแถว ไม้ซ้อมแมวมีมาก ด้าวนั้นหากดูท่างคอย ในดงดอยทุกฟาก มีเป็นเครือหากเต็มไป ควรสนุกใจมีมาก ป่านั้นหากปูนเคย ยอเฟือยเจือดอกไม้ วังแวดใกล้อาราม แม่เผิ้งงามตอมดอก บินทุกขอกเนืองนัน พรรณพวงตามดอกไม้ บินแอ่วใกล้สนกัน ฯ ตีณิ กกฺการรุชาตานิ ดูราพราหมณ์ หมากฟักมีสามสิ่ง ใหญ่แท้ยิ่งกินหวาน เป็นสถานริมทางแห่งหั้น ที่นั้นว่ามุจรินทร์ ลูกเหนือดินปานใฝ่ ใหญ่แท้เท่าไหตาล หมากฟักมีประมาณหลายเผ่า ใหญ่แท้เท่าไหราม มีอยู่หลายสามส่ำ ใหญ่แท้พร่ำกอยวง มีทังสวนผักกาด ใกล้อาวาสสันดอน หอมเทียมทังหอมบั่ว มีทั่วเท้าราวไพร พร้าวตาลยายใยเป็นหมู่ ตั้งต้นอยู่เรียงกัน ดอกผักตบอันดวงใหญ่ พอบิดใส่ถงพา และพราหมณ์เฮยฯ
อปฺโผตา สุริยวลฺลี จ ดูราพราหมณ์ เครือเขานางเป็นหมู่ หนามดินอยู่เป็นเจือ ชะเอมหวานเครือต้นใหญ่ คราวป่าใช่พอดี อโศกมีเหลือแหล่ อยู่ใกล้แต่ดงราม ดอกเข็มขาวงามชื่นช้อย สลิดดอกสร้อยเทียมเครือ ฯ หญ้าหางช้างวิเศษ ชะเอมเทศหอมไกล มีในไพรทุกขอก มีทังดอกซ้อนหอมไกล เกี้ยวขึ้นไปเกาะยอด มุงยอดไม้เถิงปลาย กวาวเครือใยเกาะกอดไม้ เกี้ยวแต่ใต้เถิงบนฯ กเตหุรา ปวาเสนฺติ ไม้ชุมแสงเหลือแหล่ ต้นฝางแก่แดงงาม ในดงรามดอกเค็ดเค้า หอมทั่วด้าวดงดาน ดอกสถานและหญ้าหานไก่ ชาติบุตรไขว่ตายหาน บัวบกบานปูนผ่อ ตั้งช่ออยู่หลวงหลาย มีฝ้ายเครือและฝ้ายเทศต้น ดูดอกล้นเหลือตา กัณณิกาฅำผ้งเป็นดอก บานทุกขอกเหลืองงาม พันพวงชามปั่นย้อย เหมือนดั่งสร้อยฅำแดง เฝือแฝงเรืองรุ่ง พุ่งขึ้นดั่งเปียวไฟ นั้นแลฯ ปุปฺผานิ จ ดอกไม้ฝูงอันกูว่า มีในป่าหิมพานต์ บานในบกและในน้ำ มีชุก้ำเรืองงาม หิมพานต์ทุกขอก มีดอกไม้เจือกันไป น้ำวังใสชมชื่น ปูนดีตื่นลอยไป โบกขรณีน้ำใสชุก้ำ ในแม่น้ำสัตว์แฝง ปลาหางแดงและปลาปีก ปลาดุกหลีกกันไป จะเข้ไวลอยเลื่อน ปลาขาเพื่อนมังกร ปลาไนซอนสะพาก ปลาเสือมากสิกแกง ปลากั้งแดงและปลาฅ้าว มีทั่วด้าวโบกขรณีนั้นและฯ มธุจ ประการนึ่ง รวงเผิ้งกินหวานนักแก่ ตัวแม่ช่างบินหนี ผักบุ้งมีเครือใหญ่ ครามป่าใช่พอดี หญ้าเหนี้ยวหมูมีมาก ต้นไม้หากเหลือใจ สัตตบุษมีไปทุกสิ่ง ชะเอ็มยิ่งกินหวาน สุรพีการดวงใหญ่ ตักกันไขว่เจือจาน สมุนเพ็กมีทุกอันทุกสิ่ง กินหวานยิ่งเป็นยา เนียมพะสีและขักมอก โกฐสอดอกเรืองราย ดอกฅำมีหลายเหลือแหล่ นอกน้ำแต่กลางดง ขมิ้นฅำเหลืองดงงามอร่าม หรดานงามทุกแง่ คำคุณแพร่เต็มไพร โกฐสอใดมีมาก ไม้แหนหมากลำมูล การะบูนมีเหลือแหล่ สมุนแว้งแพร่เต็มไพร ในป่านั้นนามีทุกสิ่ง ยาทิพย์ยิ่งเหลือใจ ในดงไพรที่ท้าวอยู่ คันเข้าอยู่ก็เย็นใจ และนาพราหมณ์เฮยฯ
อเถตถ สีหา พยคฺฆา จ ส่วนราชสีห์และเสือโคร่ง เสือเหลืองโก่งหลังนอน มีทังพังพอนและยักษ์ขินีเป็นหมู่ แม่ช้างคู่ทั่วพาย ทรายเอ็นเห็นมูตหางมาก เห็นอุ้มหากหุมเร็ว ละมั่งงามเทียวองอาจ ฟานเหลืองหยาดกันเทียวฯ สุโนปิจ หมาดำแกมหมาด่าง ลางตัวก่านตัวขาว จ่อนหางยาวหยอกกันย่าง มีทังบ่างและนางนี ค่างจูงกันหนียะยุ่น ลิงจ่อนจุ่นปาวเฟือย กวางเขาเงยเป็นค่า ละมั่งกว่าชมกัน หมีหางดำหางสั้น งัวเถื่อนดั้นกอบง พังพอนพงแรตช้างร้าย แมวเถื่อนผ้ายเป็นชุม อ้นช่างหุมกับอ้นแดงใหญ่ สนสานไล่ขบกัน กลางดงลานมีฅวายเถื่อน จิ้งจอกเพื่อนหมาไน ปลอมเข้าไปในราวป่า บินเหล้นล่าหากัน มีทังแลนฅำตัวพู้ แล่นสอดสู้ตัวเมีย ชักก่าเรียงหัวนอนกองเป็นหมู่ ทรายคู่ผัวเมีย กระต่ายเจือไปเป็นหมู่ ฝูงแร้งจับอยู่สาขา ส่วนราชสีห์ตัวแห้ว เสือลายแผ้วไล่เสือปลา นกยูงนั้นนามีหลายเถื่อนถ้อง สีทูดร้องปูนกลัว สีขาวดีมัวหม่นมูต นกก้นพูดผิวแดง มีทังนกแคงนกเขาใหม่ เอี้ยงก็ไล่ขบกัน ร้องกลางวันยามเที่ยง เสียงหวิดเหวี่ยงปูนฟัง นกยางเฟือยและนกยางกรอก โพนดกออกหาปลา นกขวาและนกขุ้ม แต้แวดกลุ่มกันไป แหลวหลวงกับแหลวก็อด บินเสี้ยวสอดจับคอน นกค้อนหอยลอยเลียบฝั่ง นกอั่งและนกผาหีบ พากันรีบลงมา นกปะทาไปเป็นหมู่ คับแคอยู่สาย ๆไก่เถื่อนหลายมีมาก นกขวากร้องเสียงจาน นกคีวางแวนเป็นคู่ นกกวักอยู่ในลอม นกกาแกชอมเป็นหมู่ นกตู้คู่นกดาว นกยางขาวมีใช่ช้า นกจอกฟ้าเป็นชุม นกกางเขนหุมช่างฟ้อน นกออดอ้อนร้องฅอ ๆ มีทังนกตระไหนและนกการวีก ร้องหวีด ๆเสียงดี มีทังนกชุยซุยปากเส้า ทังนกเค้าตุ่มตาหลวง นกพันธุ์พวงมีมาก ช้าย ๆหากเหลือตา ร้องบินมาหลายหมู่ จับไม้อยู่สะหวา นกสาริกาอยู่ร้อง เต็มเถื่อนถ้องดงดาน เขาชมบานเป็นคู่ ผัวเมียอยู่คอนเดียว ร้องเสียงเซียวในป่า บินแล้วล่าตามกัน เสียงเนืองนันชุห้อง ลือทั่วท้องดงดอย มีทุกพงป่าไม้ใหญ่ เกิดในไข่สองที ปีกหางรียาวมาก ตาขาวหากหลายพันธุ์ เกิดมากับกันด้วยไข่ งามแท้ใช่สามานย์ ในดงดานป่ากว้าง แดนแต่ข้างอาราม จับกันอยู่ชามร้อง ตัวพู้หย่องเสียงขัน หากเนืองนันชมชื่น ช้าย ๆตื่นเถิงใจ หงอนตั้งงามไว้จะจ่อน สร้อยฅออ่อนแววเขียว ขันเสียงเซียวชมชื่น เกิดต้องตื่นเต็มไพร นกออกไฟไปเป็นเพื่อน หมู่ไก่เถื่อนในดง หงษ์ขาวมีชุก้ำ ดีเดียบน้ำเป็นชุมกัน นกกดดำและแหลวก็อด นกเค้าสอดไปมา นกกะลิงดาร้องเต็มเถื่อน แขกเต้าเพื่อนสาริกา นกไฟเขียวมาในเถื่อน นกไฟเหลืองเพื่อนไฟแดง มีหลายชุมแชงในเถื่อนถ้อง นกจีชุบร้องแล้วเลียบผับดง นกหัสดีลิงค์ลงเป็นหมู่ งางอนคู่ดูงาม นกกินปลีชามเต็มเถื่อน นกแขกเต้าเพื่อนหงษ์ฅำ ไก่หยองกับนกออก มีทุกขอกและหงษ์เหลือง หงษ์ขาวเฟืองแย้มยอด ย่อมสอดร้องหากัน นกประหิดนันทุกขอก โพนดกออกสับคอน นกตระเหวาวอนและจากะพาก หงษ์แดงมากเป็นชุม นกจอกรุมดั้นเป็นหมู่ กาพากลู่กินปลา หัสดีลิงคาปากกว้าง เหมือนดั่งช้างพลายสาร ร้องขันขานหากันซ้าว ๆ คือเมื่อเช้าฅ่ำยังยาย นกทังหลายเหลือแหล่ มีทังนกแคแด่พอนงาม ขับเสียงสานเพราะม่วน จับกิ่งไม้ร่วนหากัน ร้องขับขานเป็นหมู่ จับไม้คู่ผัวเมีย ร้องนมเนียชมชื่น ปูนดีชื่นสนุกใจ หมู่นกมีเต็มในป่า ร้องบินกว่าตามกัน มีหลายพันธุ์ต่าง ๆ จับอยู่หว่างเขาฅำ ประทำเสียงมี่ก้อง สาวสู่ร้องชมกัน ในหิมวันต์ชุก้ำ
ข้างฝั่งน้ำมุจรินทร์ กลางดงดินมีกระต่าย ทรายม่ายเสือหมี หมู่ช้างมีในป่า ย่อมเทียวกว่าตามกัน เครือเถาวัลย์มีเป็นหมู่ เกี้ยวไม้อยู่นุงนัง ฝูงกวางมีในป่า ทรายล่าเหลือดง และพราหมณ์เฮยฯ เอตถ สามา พหุกา ดูราพราหมณ์ เข้านกมีเหลือแหล่ เข้าเดือยแพร่เป็นกอ เข้าสาลีนั้นนาขาวมาก บ่ตำก็หากเป็นสาร อ้อยกินหวานบ่หน้อย ยิ่งกว่าอ้อยเมืองฅน ก็มีและฯ ดูราพราหมณ์ หนทางนี้มีผู้เดียวเทียวไต่ได้ แม่นจักไต่ไปสู่อาสรม แห่งท้าวอุดมเวสสันตรราช แม้นจักคลาคลาดเทียวมา เป็นอันซื่อนักหนาบ่คดคอด ฅนใดไปรอดแก้วกุฏี ก็บ่มีฅวามอดอยาก เขาอิ่มปากต่อเท้าทีฆา อาหารนานาบ่กลั้นอยาก บ่ล้ำบากในใจ เจ้าตนใดหน่อท้าว อยู่ในด่านด้าวดงรี กับเทวีและลูกน้อย อยู่แดนอ้อยดอยฅำ ท่านทรงศีลธรรมวิเศษ อยู่สร้างเพศเป็นชี ขอคันรีแต่งไว้ เกี่ยวลูกไม้นำมา นุ่งหนังเสือหนาใหญ่ นอนร่มไม้เหนือดิน ยินใจดีทุกเมื่อ ใจเจ้าเชื่อนิพพาน ก็มีและพราหมณ์เฮยฯ
ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต สตฺถา อาห อิตํ สุต๎วา พราหมณพนฺธุํ อิสึ กต๎วา ปทกฺขิณ ํดั่งนี้เป็นเค้า พระเจ้าว่า ภิกขเว ดูราภิกขุทังหลาย ตนทรงศีลใสสาโรจน์ ส่วนว่าเถ้าโคตรชูชกะพราหมณ์ ได้ยินคำงามแห่งเจ้าระสีกล่าว ได้รู้ข่าวทางไป มันดีใจบ่หน้อย กับด้วยพระยอดสร้อยระสี พราหมณ์มีใจหุมกว่า เดินด้าวป่าดงฅำ มันก็กระทำปทักษิณเวียนนอบ ถ้วนสามรอบตามประเวณี ยออัญชุลีกราบไหว้ จะไจ้กล่าวสาธุการ มีใจบานชื่นช้อย กล่าวอำลายอดสร้อยระสี พระยาเวสสันตระบวชเป็นชีอยู่สร้าง หนท่าทางแดนไกล มันก็เทียวไปชะไจ้ เข้าสู่ที่พระเหง้าไธ้กระทำธรรม ก็มีวันนั้นแลฯ
- มหาวน วณฺณา นิฏฺฐิตา กรียาอันสังวัณณนา มหาพน อันประดับประดาด้วยคาถาว่าได้ ๘๐ คาถา ก็บังคมสมเร็จ เสด็จฯ