งานแปล:คำประกาศอิสรภาพ กระทำในสภาเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 1776

คำประกาศอิสรภาพ กระทำในสภาเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 1776 (ค.ศ. 1907)
โดย สหรัฐ, แปลจากภาษาอังกฤษ โดย วิกิซอร์ซ
คำประกาศ
อิสรภาพ

คำประกาศ
อิสรภาพ


กระทำในสภา
เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 1776



นิวยอร์ก
ดัฟฟีลด์แอนด์คัมพะนี
1907

สงวนลิขสิทธิ์ 1907 โดย
ดัฟฟีลด์แอนด์คัมพะนี

เผยแพร่ในเดือนสิงหาคม 1907

คำประกาศ
อิสรภาพ

คำประกาศเป็นเอกฉันท์
ของรัฐที่หลอมรวมกัน
ทั้งสิบสามแห่งอเมริกา

ในห้วงเหตุการณ์ของมนุษย์ เมื่อกลายเป็นความจำเป็นสำหรับชนกลุ่มหนึ่งที่จะต้องยุบเลิกคณะทางการเมืองซึ่งเรียงร้อยพวกตนเข้ากับกลุ่มอื่น และที่จะต้องรับเอาสถานะอันแบ่งแยกไว้ต่างหากและเท่าเทียมกันในท่ามกลางมหาอำนาจของโลกตามที่กฎธรรมชาติและกฎของพระผู้เป็นเจ้าในธรรมชาติมอบให้ไว้ การที่เขาเหล่านั้นพึงประกาศสาเหตุที่ผลักดันให้ตนแยกตัวออกมา ก็เป็นเรื่องต้องกระทำเพื่อสำแดงความนับถืออย่างเหมาะสมต่อความคิดเห็นของหมู่มนุษย์

ความสัตย์จริงดังต่อไปนี้ เราถือว่า ชัดแจ้งอยู่ในตัวแล้ว คือ ทุกคนได้รับการรังสรรค์มาให้เท่าเทียมกัน พระผู้สร้างเขาเหล่านั้นได้ประทานให้เขามีสิทธิบางประการอันถ่ายโอนแก่กันไม่ได้ ซึ่งเรื่องนี้รวมถึงชีวิต เสรีภาพ และการแสวงหาความสุข เพื่อประกันสิทธิเหล่านี้ จึงมีการจัดตั้งการปกครองขึ้นในท่ามกลางผู้คน โดยรับอำนาจอันชอบธรรมมาจากความยินยอมของผู้ใต้ปกครอง เมื่อใดที่การปกครองรูปแบบใด ๆ กลายเป็นเครื่องล้างผลาญจุดมุ่งหมายเหล่านี้ เมื่อนั้นก็เป็นสิทธิของประชาชนที่จะเปลี่ยนแปลงหรือล้มล้างการปกครองนั้น และจัดตั้งการปกครองใหม่ โดยสถาปนารากฐานไว้บนหลักการดังกล่าว และจัดระเบียบอำนาจไว้ในรูปแบบที่พวกตนมองว่า น่าจะยังให้ความปลอดภัยและความสุขของพวกตนสัมฤทธิ์ผลมากที่สุด การพิจารณาอย่างรอบคอบย่อมบอกได้อยู่แล้วว่า การปกครองที่ก่อตั้งมานานไม่พึงถูกเปลี่ยนเพียงเพราะสาเหตุเล็กน้อยหรือชั่วครั้งคราว และประสบการณ์ทั้งหลายก็ได้แสดงให้เห็นทำนองเดียวกันว่า ในยามที่ความเลวร้ายทั้งหลายยังทนรับได้ หมู่มนุษย์ย่อมยอมทนกับรูปแบบที่ตนคุ้นเคย มากกว่าจะเยียวยาตนด้วยการล้มล้างรูปแบบนั้นเสีย แต่เมื่อการข่มเหงและช่วงชิงอันยาวนานเพื่อบรรลุเป้าหมายเดิม ๆ ไม่รู้จบ ได้ส่อความมุ่งหมายที่จะบั่นทอนเขาทั้งหลายให้อยู่ภายใต้ระบอบเผด็จการเต็มขั้น ก็เป็นสิทธิของเขาเหล่านั้น เป็นหน้าที่ของเขาเหล่านั้น ที่จะเหวี่ยงการปกครองนั้นทิ้งไป แล้วจัดให้มีสิ่งใหม่ไว้คุ้มกันความมั่นคงในอนาคตของพวกตน นั่นแหละที่อาณานิคมนี้ได้อดรนทนกันมา และนั่นแหละคือความจำเป็นที่บีบให้อาณานิคมต้องแปลงเปลี่ยนระบบปกครองเดิมของตนเสียในบัดนี้ ประวัติศาสตร์ของพระเจ้ากรุงบริเตนใหญ่องค์ปัจจุบัน เป็นประวัติศาสตร์แห่งบาดแผลและการช่วงชิงซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งล้วนแล้วแต่มีวัตถุประสงค์โดยตรงเป็นการก่อตั้งระบอบทรราชย์เต็มขั้นไว้เหนือรัฐเหล่านี้ เพื่อพิสูจน์เรื่องนี้ จึงขอนำเสนอข้อเท็จจริงต่อประชาคมโลกที่ไร้อคติ

กษัตริย์องค์นั้นไม่ยอมอนุมัติกฎหมายอันเป็นประโยชน์และจำเป็นต่อสวัสดิภาพสาธารณะอย่างถึงที่สุด

กษัตริย์องค์นั้นห้ามข้าหลวงของตัวอนุญาตกฎหมายที่มีความสำคัญอย่างรีบและด่วน แต่ให้รอการมีผลใช้บังคับไว้จนกว่าจะไดรับอนุมัติจากตัว และเมื่อรอไว้ฉะนั้นแล้ว ตัวก็จะเพิกเฉยไม่เอาใจใส่เสียโดยสิ้นเชิง

กษัตริย์องค์นั้นไม่ยอมอนุญาตกฎหมายฉบับอื่น ๆ เพื่อสวัสดิการชุมชนขนาดใหญ่ เว้นแต่ชนเหล่านั้นจะสละสิทธิที่จะมีผู้แทนในสภานิติบัญญัติ ซึ่งเป็นสิทธิอันหาค่ามิได้สำหรับชนเหล่านั้น และเป็นของแสลงสำหรับทรราชเท่านั้น

กษัตริย์องค์นั้นเรียกประชุมองค์กรนิติบัญญัติ ณ สถานที่อันผิดประหลาด ขัดข้อง และห่างไกลหอเก็บบันทึกสาธารณะขององค์กรเหล่านั้น เพียงเพื่อให้องค์กรนั้นอิดระอาจนยอมตามมาตรการของตัว

กษัตริย์องค์นั้นยุบสภาผู้แทนหลายต่อหลายครั้ง เมื่อการที่ตัวเข้าก้าวก่ายสิทธิของประชาชนนั้นถูกสภาคัดค้านอย่างเด็ดเดี่ยวสมชาย

กษัตริย์องค์นั้น เมื่อยุบสภาฉะนั้นแล้ว ก็ไม่ยอมให้ผู้อื่นได้รับเลือกตั้งเข้ามาเป็นเนิ่นนาน อันจะเป็นการคืนอำนาจนิติบัญญัติ — อำนาจอันทำลายมิได้ — กลับสู่ประชาชนโดยรวมเพื่อให้ประชาชนได้ใช้ ขณะเดียวกัน ก็ทำให้รัฐค้างคาอยู่ในความเสี่ยงที่จะเกิดการรุกรานจากภายนอกและความอลหม่านจากภายใน

กษัตริย์องค์นั้นเพียรมิให้มีการตั้งถิ่นฐานในรัฐนี้ และเพื่อความมุ่งประสงค์นั้น จึงขัดขวางกฎหมายว่าด้วยการแปลงสัญชาติให้คนต่างด้าว ไม่ยอมอนุญาตกฎหมายฉบับอื่นที่ส่งเสริมให้คนต่างด้าวย้ายถิ่นฐานเข้ามา และเพิ่มเงื่อนไขในการจัดสรรที่ดินรายใหม่

กษัตริย์องค์นั้นขัดขวางการบริหารงานยุติธรรม โดยไม่ยอมอนุมัติกฎหมายก่อตั้งอำนาจตุลาการ

กษัตริย์องค์นั้นกระทำให้ตุลาการตกอยู่ใต้อัธยาศัยของตัวแต่ผู้เดียว ในด้านระยะเวลาดำรงตำแหน่ง กับทั้งจำนวนและการจ่ายเงินตอบแทน

กษัตริย์องค์นั้นสรรค์สร้างตำแหน่งใหม่ขึ้นมากมาย แล้วส่งฝูงขุนนางของตัวไปดำรงตำแหน่งนั้นเพื่อรังควานประชาชนของพวกเรา และบ่อนฟอนสมบัติพัสถานของพวกเขา

ในยามสงบ กษัตริย์องค์นั้นวางกำลังทหารประจำการไว้ในหมู่เรา โดยหาได้รับความยินยอมจากสภานิติบัญญัติของเราไม่

กษัตริย์องค์นั้นพอใจจะให้ทหารเป็นอิสระจากและอยู่เหนือกว่าอำนาจพลเรือน

กษัตริย์องค์นั้นได้สมรู้กับผู้อื่นในการกดเราไว้ใต้อำนาจซึ่งรัฐธรรมนูญเราไม่รับรู้และกฎหมายเราไม่รับรอง โดยอนุมัติการกระทำของเขาเหล่านั้นในการแอบอ้างออกกฎหมาย

เพื่อเอาทหารพร้อมอาวุธกองใหญ่มาไว้ในท่ามกลางเรา

เพื่อกันมิให้เขาถูกลงโทษฐานฆาตกรรมซึ่งเขาอาจกระทำต่อผู้อยู่อาศัยในรัฐนี้ โดยจัดให้มีการพิจารณาคดีจอมปลอม

เพื่อตัดเราขาดจากการค้าขายกับส่วนทั้งหลายของโลก

เพื่อกำหนดภาษีให้เราโดยเรามิได้ยินยอมด้วย

เพื่อกีดกันเราจากประโยชน์ในการมีลูกขุนพิจารณา ดังมีมาในหลาย ๆ คดี

เพื่อขนส่งเราข้ามน้ำข้ามทะเลไปรับการพิจารณาคดีในความผิดที่กุขึ้น

เพื่อล้มเลิกระบบเสรีตามกฎหมายอังกฤษในมณฑลข้างเคียง แล้วก่อตั้งการปกครองตามอำเภอใจ กับขยายขอบข่ายการปกครองนั้น เพื่อให้เป็นตัวอย่างและเครื่องมืออันเหมาะเจาะในการนำระบอบเบ็ดเสร็จอย่างเดียวกันมาใช้ในอาณานิคมนี้ทีเดียว

เพื่อพรากไปเสียซึ่งกฎบัตรของเรา แล้วเอากฎหมายอันเปี่ยมค่าของเราไปล้มเลิก กับทั้งเพิกถอนแปรเปลี่ยนรูปแบบการปกครองของเราจนถึงรากฐาน

เพื่อระงับสภานิติบัญญัติของเราเอง และประกาศตัวว่า มีอำนาจออกกฎหมายให้เราทุกกรณีโดยสิ้นเชิง

กษัตริย์องค์นั้นทิ้งเสียซึ่งการปกครองในที่แห่งนี้ โดยมีประกาศให้เราพ้นจากความคุ้มครองของตัว แล้วเปิดสงครามกับเรา

กษัตริย์องค์นั้นปล้นทะเลเรา ผลาญชายฝั่งเรา เผาเมืองเรา และทำลายชีวิตประชาชนของเรา

ในยามนี้ กษัตริย์องค์นั้นกำลังขนส่งทหารรับจ้างต่างชาติกองใหญ่มาจัดการเข่นฆ่า กวาดต้อน และกดขี่ให้เสร็จสิ้น ซึ่งได้เกิดขึ้นแล้วด้วยพฤติการณ์อันทารุณและกลิ้งกลอกชนิดที่ยุคป่าเถื่อนส่วนใหญ่ยังแทบจะเทียบไม่ติด และไม่คู่ควรแก่การเป็นประมุขของอารยประเทศแม้แต่น้อย

กษัตริย์องค์นั้นบีบให้เพื่อนร่วมชาติเราซึ่งถูกจับเป็นเชลยกลางทะเลหลวงต้องคว้าอาวุธขึ้นสู้กับประเทศของตน จนกลายเป็นผู้ประหัตประหารเพื่อนพ้องน้องพี่ของตน หรือไม่ก็ตกอยู่ในเงื้อมมือของเขาเหล่านั้นแทน

กษัตริย์องค์นั้นยั่วยุให้เกิดความปั่นป่วนในบ้านเมืองท่ามกลางพวกเรา และเพียรชักพาผู้อาศัยอยู่ตามพรมแดนเราเข้ามา ซึ่งก็คือ เหล่าอินเดียนคนป่าไร้เมตตา ซึ่งเป็นที่รับรู้กันว่า มีกฎแห่งการรบ คือ ทำลายล้างไม่เลือกหน้า ไม่ว่าอายุ เพศ หรือสภาพใด

ทุกช่วงเวลาที่ถูกเบียดเบียนเช่นนี้ เราได้ฎีกาขอบรรเทาทุกข์ด้วยถ้อยคำสุดนอบน้อม การตอบรับอย่างเดียวที่มีต่อฎีกาเราซ้ำ ๆ คือ การประทุษร้ายเราซ้ำ ๆ ฉะนี้แล้ว เจ้าชายผู้ที่พระสันดานสำแดงออกด้วยการกระทำทุกประเภทที่อาจเป็นคำนิยามของทรราช ก็ไม่ควรคู่จะเป็นผู้ปกครองของเสรีชนเลย

ใช่ว่าเรากระหายความสนใจจากพี่น้องชาวบริเตนของเรา เราได้ตักเตือนเขาเป็นระยะถึงการที่สภานิติบัญญัติของเขาพยายามทวีเขตอำนาจเหนือเราโดยไร้เหตุผลรองรับ เราได้ย้ำเตือนเขาถึงพฤติการณ์ที่เราโยกย้ายถิ่นฐานมาตั้งรกรากกันที่นี่ เราได้วอนขอให้เขามีความเป็นธรรมและเห็นอกเห็นใจกันตามสัญชาตญาณบ้าง และเราได้ยกเยื่อใยของการมีบรรพบุรุษร่วมกันมาโน้มน้าวให้เขาออกมาต่อต้านการช่วงชิงเหล่านี้ ซึ่งจะมีผลให้ความเกี่ยวพันและลงรอยกันของเราต้องสะดุด แต่พวกเขาก็ดุจเดียวกัน ทำหูหนวกตาบอดต่อเสียงกู่ร้องของความยุติธรรมและความสัมพันธ์ทางสายเลือด เหตุฉะนี้ เราจึงจำต้องยอมรับว่า มีความจำเป็นต้องแถลงถึงการแยกตัวออกมา และถือว่า เขาเหล่านั้นเป็นศัตรูในยามรบ เป็นเพื่อนคบในยามสันติ เฉกเช่นที่เราถือต่อมวลมนุษย์ที่เหลือ

ดังนั้น เรา เหล่าผู้แทนสหรัฐอเมริกา ในสภาซึ่งประชุมใหญ่ ได้วอนขอต่อองค์ตุลาการสูงสุดในพิภพให้ตัดสินความถูกต้องของเจตนาแห่งเรา จึงเผยแพร่และประกาศอย่างขึงขัง ในนามและด้วยอำนาจของผองสุจริตชนแห่งอาณานิคมนี้ ว่า อาณานิคมร่วมเหล่านี้เป็น และโดยสิทธิแล้วก็พึงเป็น รัฐซึ่งเป็นไทและเป็นอิสระ พ้นจากความสวามิภักดิ์ต่อราชาธิปไตยบริเตนในทุกสถาน และความเกี่ยวพันทางการเมืองทุกประการในระหว่างอาณานิคมกับรัฐบริเตนใหญ่ก็เป็นอันและพึงเป็นอันยุติลงทั้งสิ้น และอาณานิคมนี้ ในฐานะรัฐซึ่งเป็นไทและเป็นอิสระ มีอำนาจบริบูรณ์ที่จะก่อสงคราม ตกลงสันติภาพ ทำสัญญาพันธมิตร ก่อตั้งการค้า กับทั้งกระทำการและกิจอื่น ๆ ทั้งปวงซึ่งรัฐอิสระอาจกระทำได้ตามสิทธิ และเพื่อสนับสนุนคำประกาศนี้ เราจึงพร้อมใจกันฝากชีวิต ชะตากรรม และเกียรติยศอันศักดิ์สิทธิ์ ไว้ในกันและกัน โดยตั้งมั่นอยู่ในความคุ้มครองของพระเทวลิขิต

ลงนามตามคำสั่งและในนามของสภา

จอห์น แฮนค็อก
ประธาน
พยาน
ชาลส์ ทอมป์สัน
เลขานุการ

นิวแฮมป์เชอร์

โจไซอาห์ บาร์ตเลตต์

วิลเลียม วิปเพิล

แมตทิว ทอร์นตัน

แมสซาชูเซตส์เบย์

แซมยวล แอดัมส์

จอห์น แอดัมส์

รอเบิร์ต ทรีต เพน

เอลบริดจ์ เกร์รี

โรดไอแลนด์แอนด์คัมพะนี

สตีเฟน ฮอปคินส์

วิลเลียม เอลเลอรี

คอนเนทิคัต

รอเจอร์ เชอร์แมน

แซมยวล ฮันทิงตัน

วิลเลียม วิลเลียมส์

โอลิเวอร์ ว็อลคอตต์

นิวยอร์ก

วิลเลียม ฟลอยด์

ฟิลิป ลิวิงสตัน

แฟรนซิส ลิวอิส

ลิวอิส มอร์ริส

นิวเจอร์ซีย์

ริชาร์ด สต็อกตัน

จอห์น วิตเทอร์สปูน

แฟรนซิส ฮอปคินสัน

จอห์น ฮาร์ต

เอบราแฮม คลาร์ก

เพนซิลเวเนีย

รอเบิร์ต มอร์ริส

เบนจามิน รัช

เบนจามิน แฟรงคลิน

จอห์น มอร์ตัน

จอร์จ ไคลเมอร์

เจสส์ สมิท

จอร์จ เทย์เลอร์

เจมส์ วิลสัน

จอร์จ รอสส์

เดลาแวร์

คาซาร์ รอดนีย์

จอร์จ รีด

ทอมัส แม็กคีน

แมรีแลนด์

แซมยวล เชส

วิลเลียม พาคา

ทอมัส สโตน

ชาลส์ แคร์รอลล์

แห่งแคร์รอลตัน

เวอร์จิเนีย

จอร์จ ไวท์

ริชาร์ด เฮนรี ลี

ทอมัส เนลสัน จูเนียร์

แฟรนซิส ไลนต์ฟุต ลี

คาร์เทอร์ แบรกซ์ตัน

นอร์ทแคโรไลนา

วิลเลียม ฮูเพอร์

โจเซฟ ฮิวอิส

จอห์น เพนน์

เซาท์แคโรไลนา

เอดเวิร์ด ลัตลิดจ์

ทอมัส เฮย์วูดด์ จูเนียร์

ทอมัส ลินช์ จูเนียร์

อาร์เทอร์ มิดเดิลตัน

จอร์เจีย

บัตทัน กวินเนตต์

ไลแมน ฮอลล์

จอรจ์ วอลตัน

บรรณานุกรม

แก้ไข
  • United States (1907). The Declaration of Independence in Congress July 4, 1776. New York: Duffield and Company. OCLC 262828793. 
    งานนี้เป็นงานแปล ซึ่งมีสถานะทางลิขสิทธิ์แยกต่างหากจากงานต้นฉบับ
งานต้นฉบับ:
 

งานนี้เป็นสาธารณสมบัติทั่วโลก เนื่องจากเผยแพร่ก่อนวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1929 หรือผู้สร้างสรรค์ถึงแก่ความตายมาแล้วอย่างน้อย 100 ปี

 
งานแปล:
 

ข้าพเจ้า ผู้ถือลิขสิทธิ์ในงานนี้ ให้งานนี้เป็นสาธารณสมบัติ คำประกาศนี้ให้มีผลทั่วโลก
ถ้าคำประกาศดังกล่าวไม่อาจเป็นไปได้ในทางกฎหมาย ข้าพเจ้าก็ให้ทุกคนมีสิทธิใช้งานนี้ได้ในทุกกรณี โดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆ เว้นแต่ที่กฎหมายกำหนด