คำพิพากษาฯ คดีประทุษฐร้ายต่อพระองค์พระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 8/คำนำ

คำนำ

ตามประเพณีนิยมกันเป็นส่วนมาก บุคคลที่มีอายุครบ ๕ รอบ (๖๐ ปี) ก็แสดงความยินดีต่อชีวิตที่ได้อยู่มาย่างเข้าเขตมีการทำบุญอายุ และในโอกาสนั้น ก็เชื้อเชิญท่านที่เคารพ ตลอดจนเพื่อนฝูง มาร่วมสโมสรตามสมควรแก่อัตภาพ

ในวันที่ ๑๐ มกราคม พ.ศ. ๒๔๙๘ ภริยาข้าพเจ้า (ม.ร.ว.บุญรับ) มีอายุบรรจบครบ ๖๐ ปี ข้าพเจ้ามีความยินดีตั้งใจด้วยความเต็มใจยิ่ง จึงรวบรัดมาเป็นเจ้าภาพทำบุญอายุให้เธอ ในโอกาสที่จะได้ตอบแทนบุญคุณที่มีแก่ข้าพเจ้าให้ทันใจในเมื่อยังมีชีวิตและสุขภาพดีอยู่ทั้ง ๒ คน

ด้วยความปลื้มใจของข้าพเจ้า จึงคิดได้ว่า ตัวข้าพเจ้าเองควรจะเล่าประวัติชีวิตที่เราทั้ง ๒ ร่วมทุกข์สุขกันมาช้านาน เพื่อเป็นอนุสรณ์และเกียรติของเธอที่มีส่วนแบ่งภาระและเป็นผู้ที่ก่อกำเนิดในความสุขแก่ตัวข้าพเจ้าและครอบครัวเป็นอย่างยิ่ง

เราท่านย่อมจะไม่มีใครปฏิเสธไปได้ว่า ถ้าสามีภริยาต่างร่วมทุกข์ร่วมสุขต่อกัน ต่างถนอมน้ำใจ ต่างมองเห็นคุณค่าในกันและกันแล้ว ความสุขนั้นย่อมติดตามมาเป็นเอนกอนันต์ แม้ฝ่ายสามีจะเป็นพ่อค้า หรือข้าราชการ หรือกรรมการก็ตาม ผลแห่งคุณงามความดีของภริยาย่อมจะอำนวยกำลังใจกำลังกายแก่ฝ่ายสามีมุ่งปฏิบัติงานในหน้าที่ด้วยความเบิกบานใจ ผลแห่งงานนั้นก็จะเป็นคุณแก่ผู้ปฏิบัติเป็นเงาตามตัว

ที่ข้าพเจ้ากล่าวมานี้ ท่านผู้อ่านก็คงยังงง เพราะยังไม่กล่าวว่า ภริยาข้าพเจ้าดีอย่างใด ข้าพเจ้าจึงขอกล่าว ดังต่อไปนี้

๑.ภริยาข้าพเจ้ามีอุปนิสสัยขยันขันแข็ง ทำอะไรทำจริงด้วยความพยายาม

ข้อนี้ย่อมเป็นที่ประจักษ์แก่เพื่อนฝูงของภริยาข้าพเจ้าแล้วไม่น้อย แรกเริ่มที่จะตั้งตัว ๒ คนผัวเมียในชีวิต ได้ทำการค้าขายเกลือส่งออกนอกประเทศ เริ่มแรก การค้าเกลือส่งออกนอกประเทศนี้ก็มีแต่ชาวจีน พ่อค้าแม่ค้าไทยหามีไม่ จึงนับได้ว่า ภริยาข้าพเจ้าเป็นแม่ค้าไทยคนแรกที่ดำเนินการค้าประเภทนี้ และเป็นการเริ่มดำเนินการค้าชนิดนี้เป็นครั้งแรกในชีวิตของเธอด้วย เบื้องต้นแห่งการค้า พาหนะที่ใช้ ก็คือ รถจักรยาน ๓ ล้อ เพราะการค้ายังไม่เป็นผล เช้าออกจากบ้าน กว่าจะกลับก็เย็น อาหารกลางวัน คือ ร้านข้าวแกงเราดี ๆ นี่เอง บางคราวเธอกลับมาบ้านถึงกับนั่งร้องไห้แต่ลำพัง ข้าพเจ้าพบจึงสอบถามเหตุผล ได้ความว่า การค้านี้แสนจะลำบาก แม้จะติดต่อขอซื้อเกลือที่จะส่งออกนอกประเทศ กระทั่งถูกเสมียนอายุคราวลูกขู่เข็ญ ต้องเคารพนอบน้อม ก็ไม่วายที่จะถูกดุดัน ข้าพเจ้าเห็นใจ จึงบอกว่า เมื่อเป็นเช่นนี้ เราเลิกเสียไม่ดีหรือ หากินทางอื่นต่อไป เธอกลับตอบว่า ต้องทน จะยอมแพ้วิธีนี้ไม่ได้ เพราะการค้าอื่น ๆ อาจมีอุปสรรคเช่นกันนี้ก็ได้อีก เมื่อเธอใช้ความอดทนและสู้ด้วยความมานะไม่ท้อถอยเช่นนี้ ก็ต้องปล่อยให้เธอดำเนินกิจการต่อไป ถึงตอนนี้ ค่อยหายใจคล่องหน่อย เพราะการค้ามีผลกำไรบ้าง เธอจึงเปลี่ยนพาหนะจากรถจักรยาน ๓ ล้อคนเป็น ๓ ล้อเครื่อง จาก ๓ ล้อเครื่องเป็นรถยนต์ เมื่อข่าวคราวการค้ามีผลกำไรขึ้น ก็เกิดมีพ่อค้าทั้งไทยและจีนค้าเกลือกันขึ้นอีกมากมาย เมื่อดังนี้ ความแข่งขันการค้าเกลือย่อมบังเกิดขึ้นเป็นธรรมดา มีญาติและเพื่อนฝูงเธอแสดงความคิดเห็นว่า ให้เธอเลิกเสีย เพราะกำไรก็ได้มาพอสมควร ขืนค้าไปอาจขาดทุนได้ เธอกลับแสดงความคิดเห็นว่า ถ้าเลิกเสียจะทำอะไร การค้าย่อมแข่งขันกันทั่ว ๆ ไป และลูกค้าของเธอที่อยู่นอกประเทศก็ดูถูกว่า คนไทยเราค้าขายไม่จริงจัง ข้าพเจ้ารับฟังเช่นนี้ ก็เห็นด้วยว่า ต้องทนทำต่อไป มิฉะนั้น จะเกิดเสียชื่อว่า คนไทยเราทำอะไรไม่ยืด

การค้าในสินค้าชนิดเดียวกันมีมากขึ้น ความแก่งแย่ง ความชิงไหวชิงพริบ และกลั่นแกล้ง ย่อมตามมาเป็นทวีคูณ แต่ด้วยเหตุผลที่เธอเป็นผู้ที่ติดต่อกับลูกค้าต่างประเทศด้วยความโอบอ้อมอารี ด้วยความเห็นอกเห็นใจ ด้วยความเป็นธรรมเสมอมา เช่น เวลาที่ราคาเกลือของเราสูง แต่ต่างประเทศราคาลง ทั้ง ๆ ที่ทราบอยู่ว่า ถ้าเธอส่งเกลือออกไป ก็มีแต่เสมอตัวและขาดทุน ซึ่งพ่อค้าเกลืออื่นพากันหยุดชงัก แต่เธอก็ไม่ยอมละที่จะจัดส่งให้ลูกค้า ทั้งนี้ เพราะเธอถือว่า ถึงทีกำไร เรารบเร้าลูกค้าขอให้ช่วยขายให้ได้มาก ถึงทีตลาดราคาลด เราจะหลบไม่ส่งให้เขา ลูกค้าจะเอาเกลือที่ไหนขายให้ขาประจำ ทำให้เสียลูกค้า และเห็นว่า เราเอาเปรียบแต่ทางเดียว ฝ่ายทางลูกค้าต่างประเทศก็ทราบดีว่า การที่เธอส่งเกลือให้เขาขายนั้นไม่มีกำไร ยิ่งทำให้ลูกค้าเห็นอกเห็นใจ บางคราวลูกค้าถึงกับยอมยกค่านายหน้าที่เราเคยเสียแก่เขาให้ ด้วยเหตุนี้ ความสัมพันธ์ทางการค้านานเข้ายิ่งแน่นแฟ้นขึ้นในทางการค้าที่ไม่เอาเปรียบกันและกันนี้ ชื่อเสียงร้านมงคลชัยของเธอเป็นที่ประจักษ์ในสิงคโปร์และฮ่องกงซึ่งเป็นตลาดของเกลือไทย จนกระทั่งมีฝรั่งทางสิงคโปร์มาติดต่อขอให้เธอทำสัญญาว่า จะส่งเกลือยังสิงคโปร์ให้พอเพียงกับความต้องการ ทางการสิงคโปร์จะห้ามมิให้เกลือคนอื่นเข้ามา ทางบริษัทบอเนียวประจำฮ่องกงก็มีหนังสือยืนยันว่า เรือของบริษัทจะรับบรรทุกเกลือของเธอไปที่ท่าเมืองฮ่องกงแต่ผู้เดียว แต่เป็นที่น่าเสียใจว่า เธอไม่มีทางจะรับความสนอง เพราะอำนาจการขายเกลือแก่เธอสมัยนั้นอยู่แก่กรมสรรพสามิตต์ ถ้าขืนรับสัญญาทำความตกลง ทางกรมสรรพสามิตต์เกิดไม่ขายให้พอตามจำนวนความต้องการ ก็จะเสียทั้งชื่อเสียทั้งทรัพย์ การที่ทำให้ระแวงเช่นนี้มีมูลที่จะทำให้ระแวงดังได้กล่าวแล้วว่า เวลานั้น มีพ่อค้ามากคนแก่งแย่งกัน บรรดาพ่อค้าก็ย่อมหาทางกีดกันและกันอยู่เสมอ ๆ แม้แต่เธอส่งเกลือลงเรือ ยังถูกพนักงานผ่ากระสอบเกลือตรวจโดยสงสัยจะมีของอื่น ทำให้จวนเจียนจะบรรทุกเรือไม่ทันก็มี และยังถูกอิทธิพลใช้อุบายหน่วงเหนี่ยวทำนองนี้อีกนานาประการเพื่อทำให้เธอเอาเกลือลงเรือไม่ทันกำหนด ก็จะถูกทางเรือปรับ และทางลูกค้าก็จะว่าได้ นอกจากนี้ ยังปรากฏว่า เวลาจะซื้อเกลือจากกรมสรรพสามิตต์แต่ละครั้งแสนลำบาก บางทีถูกให้ไปบรรทุกเกลือที่ฉางเกลือต่างจังหวัดที่ทุรกันดารซึ่งพ่อค้าอื่นไม่ถูกเช่นนั้น เธอก็ต้องทนซื้อและจัดการบรรทุก ที่สุด ทางการได้เนรเทศผู้จัดการของเธอเสีย ทั้ง ๆ ที่ความผิดของผู้จัดการก็เป็นความผิดแต่หนหลังก่อนที่เข้ามาทำงานกับเธอ แต่ด้วยความมานะไม่ย่อท้อ เธอก็คงดำเนินการค้าของเธอโดยลำพังต่อไป แต่บังเอิญด้วยบุญกุศลที่เธอทำไปด้วยความสุจริตใจนั้นเอง ที่เขาให้ลำบากกลับกลายเป็นให้เธอมีกำไร ทั้งนี้ เพราะลูกค้าที่ติดต่อต่างสงสารว่า เธอได้รับความเป็นธรรมน้อยเหลือเกิน ประกอบด้วยมีเกล็ดการค้าดุจเส้นผมบังภูเขาที่มองข้ามกันไปอย่างหนึ่ง อีกอย่างหนึ่ง ความชำนาญในลักษณะเกลือเธอก็เรียนรู้พอตัวอยู่ ทั้งนี้ เพราะเกลือต่างจังหวัดที่ผู้ขายให้เธอไปรับจากที่นั้นกลายเป็นเกลือที่มีน้ำหนักมากกว่าเกลือที่สะดวกถึงเกวียนต่อเกวียน คือ เกลือที่เขาให้เธอไปบรรทุกในที่ทุรกันดารนั้นมีน้ำหนักมากกว่ากันถึงเกวียนละระหว่าง ๒๐ ถึง ๓๐ กิโล. โดยที่ตลาดจองเราขายเกลือราคาเป็นเกวียน ส่วนตลาดนอกเขาขายกันเป็นน้ำหนัก เมื่อเกลือของเธอที่ส่งไปจำนวนเกวียนและราคาเท่ากับพ่อค้าอื่น แต่เมื่อขายนอกประเทศ เธอมีเปรียบกว่า ระหว่าง ๒๐ ถึง ๓๐ กิโล. ต่อเกวียน พ่อค้าอื่นเสมอตัว เธอก็มีกำไร พ่อค้าอื่นเธอขาดทุน เธอก็เสมอตัวหรือมีกำไรนิดหน่อย นี่แหละคือผลแห่งความเป็นธรรมที่ฝ่ายหนึ่งประสงค์อย่างหนึ่ง แต่อีกฝ่ายหนึ่งกลับรับความเป็นธรรมจากธรรมชาติและเส้นผมบังภูเขา

การที่เธอทำการค้าเกลือในชีวิตเป็นเบื้องแรกนั้น ใช่ที่จะเพียงไม่ได้รับความสะดวกต่าง ๆ นานา กำลังกายก็ทับถมเข้าใส่ ด้วยต้องปีนป่ายจากเรือจ้างขึ้นตลิ่งยังฉางเกลือ ต้องติดต่อกับพวกจีนเรือฉลอมที่บรรทุกเกลือ ทั้ง ๆ ที่เหน็จเหนื่อยสายตัวเป็นเกลียว เย็นลงกลับบ้าน ยังต้องเข้าครัวหาอาหารอีก รับประหารอาหารค่ำแล้ว ก็คิดที่จะดำเนินการในวันต่อ ๆ ไป ตลอดระยะเวลาราว ๓ ปี การค้าเกลือของเธอก็ถึงอวสานต์ เพราะทางการตั้งองค์การเกลือไทยขึ้นทำการค้าแต่ผู้เดียว ก็นับว่า เป็นบุญคุณของรัฐบาลสมัยนั้นอยู่ไม่น้อย ถ้าปล่อยให้ค้าเรื่อย ๆ ไป กำไรที่ได้มานับว่ามากในสมัยนั้นอาจต้องสูญเสียไปก็ได้

ได้กล่าวมาแล้วว่า เธอเป็นผู้ที่อดทนขยันขันแข็ง ไม่ชอบอยู่ว่าง เมื่อเลิกค้าเกลือไม่นาน เธอก็บ่นรบเร้าใคร่ทำการค้าอื่นต่อไป เพราะผลกำไรจากการค้าเลือก นับว่า มีทุนพอตัวอยู่แล้ว เธอขอความเห็นจากข้าพเจ้าว่า จะทำอะไรดี อุดมคติของเธอถือว่า เมื่อเธอเป็นหญิงแต่งงานอยู่ในตระกูลใด ต้องพยายามให้สามีและตระกูลของสามีเจริญและได้รับความสุข ข้าพเจ้าผลัดเพี้ยนเธอหลายครั้ง แต่บางวันค่ำลง เราได้มีเวลานั่งคุยกัน เมื่อคุยกันไม่นานเท่าใด เธอเป็นพูดถึงเรื่องขอให้คิดทำการค้าให้เธอแทบไม่เว้นแต่ละวัน หน้าที่ข้าพเจ้าผู้เป็นสามี เมื่อภริยาที่มีจิตใจตอันแรงกล้าที่จะดำเนินการค้าต่อไป ก็เป็นธรรมดาอยู่เองที่ข้าพเจ้าจะต้องช่วยคิด ในระยะนี้ ข่าวสารการเมืองนอกประเทศคับขันถึงกับเกิดสงครามกันขึ้น ข้าพเจ้าพยายามฟังข่าวสารตลอดทั้งภายนอกและภายใน พอประมวลได้ว่า สงครามโลกหนีไม่พ้นแน่ และเหตุผลแสดงว่า จะพันพัวมาถึงประเทศเราด้วย และสงครามคราวนี้ประเทศญี่ปุ่นคงเป็นคู่สงครามที่มีบทบาทสำคัญ ข้าพเจ้าคิดทบทวนอยู่แรมเดือน วันหนึ่ง ตรงกับวันอาทิตย์ ข้าพเจ้าจึงชวนเธอไปหาซื้อของเล็ก ๆ น้อย ๆ ตามถนนสำเพ็ง และฟังข่าวคราวจากเพื่อนฝูงชาวจีนมาประมวลเหตุการณ์ดู แล้วคิดต่อไป พอีดค่ำวันนั้น เราัท้ง ๒ ก็คุยสนทนาทุกข์สุขและเหตุการณ์ปัจจุบันและอนาคต เธอก็ยิ่งรบเร้าให้ทำการค้า อย่าเกรงกลัวว่า เธอจะเหน็จเหนื่อยเลย แม้กิจการจะเหน็จเหนื่อยเพียงใด เธอจะทนบากบั่น เมื่อข้าพเจ้าได้รับความรบเร้าหนักเข้า ๆ เช่นนี้ อาศัยที่ข้าพเจ้าประมวลเหตุการณ์ดังกล่าวมาแล้ว ข้าพเจ้าคิดว่า ระยะนี้ การค้าอะไรไม่ดีเท่าทำอุตสาหกรรมที่เธอสามารถควบคุมได้ โดยบังเอิญถ้าเกิดสงครามโลกดังที่ข้าพเจ้าคิด ประเทศญี่ปุ่นก็ต้องเข้าสงคราม สินค้านอกประเทศที่จะมาสู่ประเทศเราย่อมขาดแคลนเป็นธรรมดา ข้าพเจ้าจึงบอกกับเธอว่า คิดตั้งโรงงานอุตสาหกรรมทำถุงเท้าและเสื้อยุดซึ่งข้าพเจ้าเคยไปซื้อมาให้เด็ก ๆ เพราะเป็นสินค้าชนิดที่ออกจะจำเป็น ทั้งทุนที่จะลงเราก็พอมีเป็นอย่างดี แต่มีหลักอยู่ว่า การทำอุตสาหกรรมนั้น เธอจะต้องเหน็จเหนื่อยทั้งกายและใจ ตลอดจนความรอบคอบเป็นอย่างมาก ที่ข้าพเจ้าพูดนี้ แทนที่เธอจะท้อถอย เธอกลับแสดงความยินดีแล้วก็เร่งรัดให้ข้าพเจ้าช่วยเริ่มดำเนินงาน ข้าพเจ้าก็ตกลงรับตามที่เธอขอร้อง มิเช่นนั้น เธอก็จะดูถูกข้าพเจ้าว่า ดีแต่พูด รุ่งขึ้นอีก ๒ วัน ข้าพเจ้าก็เชิญเพื่อนจีนมาบอกชี้แจงความประสงค์ ขอให้เพื่อนจีนติดต่อทางประเทศจีนหรือนครเซี่ยงไฮ้ว่า ซื้อเครื่องจักรทอถุงเท้าและเสื้อยืดส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่ง ข้าพเจ้าติดต่อกับบริษัทมิตซุยสั่งเครื่องทอถุงเท้าและเสื้อยืด เมื่อตกลงสั่งเครื่องเป็นที่แน่นอนว่า จะได้เครื่องแล้ว ทางบ้านก็เริ่มปลูกโรงงาน โรงงานเสร็จ เครื่องจักรก็ทะยอยกันมา ก่อรูปก่อร่างเป็นโรงงานขึ้นสำเร็จ

แรกเริ่มเปิดโรงงาน ต้องจ้างคนจัดการ คนย้อมสี และคนทอถุงเท้าและเสื้อยืด คนกรอด้าย โดคยมีคนเป็นมารทำการหัดพวกคนงาน ความไม่ชำนิชำนาญและไม่เข้าใจของคนงงาน ตลอดจนการย้อมสีก็หมดเปลืองสีเกินสมควร ชั้นแรก เกิดผลเสียหาย โดยผลิตได้น้อย ไม่คุ้มค่าแรงงาน และเข็มทอเสื้อยืดและทุงเท้าหักเสียหายเป็นอันมาก แต่เราท่านคิดหรือว่า เธอจะท้อ เปล่าเลย เธอกลับมานะพยายามตื่นแต่เช้ามืดเข้าโรงงานควบคุมดูแลเก็บสิ่งที่คนงานทำโดยความสูญเสีย แลบางอย่าง เช่น ด้ายที่กรอเสื้อใช้ทอถุงเท้าและเสื้อยืด ด้ายขาดเวลากรอ คนงานก็เด็กทิ้งแล้วต่อใหม่จึงจะกรอได้ ด้ายที่เด็ดทิ้ง เธออุส่าห์เก็บรวบรวมเอาไว้ไม่ยอมกวาดทิ้ง ส่วนแผนกผสมสีที่ช่างผสมและย้อม เธอพยายามดู แล้วมาบ่นว่า ช่างย้อมสีใช้สีมากเกินควร เวลาย้อมถุงเท้าหรือเสื้อยืด ยังไมทันจะดูดสีหมด ก็เททิ้งเสียแล้ว เธอจะพูดว่าช่างย้อมสีเวลานั้น ช่างย้อมสีอาจโกรธแล้วออกจากงานหรืออาจทำให้หมดเปลืองมากกว่าเก่า แต่ในไม่ชา เธอขวนขวายหาตำราผสมสีภาษาอังกฦษมาอ่านแปล แล้วค่อย ๆ ทดลองการผสมตามส่วนที่ต้องการตามลำพังของเธอ จนเธอเห็นว่า เธอก็สามารถผสมสีได้ ทั้งยังดีกว่าลูกจ้างคนจีนที่จ้างตั้งเดือนละ ๑๐๐๐ เสียอีก เธอจึงลงมือผสมสีและการทำการย้อมเอง ผลก็เห็นประจักษ์ว่า ได้ดีกว่าแน่ คือ เปลืองสีน้อย สีไม่ตก และให้สีดี แต่นั้นมา เธอก็เกิดเป็นช่างผสมสีอีดตำแหน่งหนึ่ง เป็นอันมาก โรงานนี้ที่ตั้งนี้ เธอเป็นทั้งผู้จัดการ ตลอดจนซื้อขาย เก็บเงินทำบัญชี ดูแลคนงาน ทั้งเป็นช่างผสมสีอีกด้วย ขอให้ท่านลองคิดดู โรงงานนี้จะว่าเล็กก็ไม่เชิงนัก มีคนงานนับ ๑๐๐ ขึ้นไป ผลิตถุงเท้าได้วันละ ๘๐ ถึง ๑๒๐ โหล เสื้อยืดได้วันละ ๘๐ ถึง ๑๐๐๐ โหล

การดำเนินกิจการในระยะแรก สินค้าออกสู่ตลอดน้อยกว่าจำนวนผลิตมากต่อมาก ทั้ง ๆ ที่ราคาขายทุกเท้าสั้น โหลละ ๓ บาท ๒๕ สตางค์ เสื้อยืด โหลดละ ๔ บาท ๕๐ สตางค์ ทำให้เธอต้องหาที่เก็บของที่ผลิตจนเต็มบ้าน กระทั่งในห้องนุนยังเบียดเสียดใช้เป็นที่เก็บ ประจวบกับเวลสนั้น เมฆหอกแห่งสงครามใกล้เต็มที แม้สินาค้าที่ผลิตจะเหลือมากก็ตาม เธอกลัวสงครามห์จะเลิกเร็ว วัตถุดิบจะไม่พอป้อนโรงงาน เธอรีบจัดการซื้อด้ายดิบ สีย้อม ยากัดขาว และเครื่องอุปกรณ์อื่น ๆ ที่ต้องใช้ในโรงงานไว้พร้อม แปลว่า มีใช้ได้จนถึง ๓ ปี เพราะเวลานั้น ราคาของยังไม่ทันจะขึ้น ด้ายดิบอย่างเดียว โกดังในบ้านไว้ไม่หมด ยังเอาไปฝากที่อื่นอีก เธอตระเตรียมไว้พร้อม ไม่ช้าสงครามก็มาสู่ประเทศไทยเรา ตอนนี้รู้สึกว่า สินค้าที่ผลิตออกจะขายดีขึ้น แต่จำนวนที่ผลิตออกก็ยังมากกว่าที่ขายได้ กระทั่งระยะต่อมาอีก ๔–๕ เดือน สินค้าที่จนเกือบไม่มีที่เก็บกลับขายได้เป็นเทน้ำเทท่า ทั้งราคาก็สูงลิบ โดยที่ผู้ซื้อมาให้ราคาเอง ถุงเท้ากลายเป็นโหลละ ๘๐ บาท เสื้อยืดกลายเป็นโหลละ ๑๒๐ บาท ยิ่งนานเข้า ด้ายดิบ สีย้อม และอื่น ๆ ที่เธอซื้อไว้ นับวันราคาสูงขึ้น ๆ กว่าที่ซื้อบางอย่างตั้งหลายร้อยเท่า ทั้งนี้ ใช่ที่เธอจะมีเวลาไปดูตลาดหรือก็เปล่า หากแต่ระยะนั้น เธอมักจะขอซื้อเพิ่มเติมกับที่ใช้ไป แม้ราคาจะขึ้นสูงกว่าบ้าง แต่ก็ยังไม่ถึงกับแพง มิหนำซ้ำ ยังซื้อผ้าตัดเสื้อและกางเกงสำรองไว้ให้แก่คนงานโดยเกรงคนงานจะใช้ของแพงอีกด้วย ในไม่ช้านัก สินค้าท้องตลอดเริ่มถึงขนาดแพง เธอหยุดซื้อ หันมาใช้ของที่ซื้อไว้ แม้แต่เศษด้ายดิบที่ช่างกรอด้ายที่เด็ดทิ้ง เธอเก็บกวาดใส่กระสอบไว้ ก็ยังขายได้ราคากิโลละ ๖ บาทเศษ แพงกว่าที่เธอซื้อด้ายดิบดี ๆ ไว้เสียอีก การผลิตของโรงงานขายดีขึ้นเป็นลำดับจนต้องหันมาทำกลางคืนบ่อย ๆ เธอก็ต้องหาอาหารว่างเลี้ยงคนงานเวลากลางคืนอีก การผลิตเป็นอยู่เช่นนี้จนจวนสมัยกลางของสงคราม ประเทศเราชักมีเครื่องบินรังแก และเกิดน้ำท่วม โรงงานต้องหยุดจนกระทั่งอวสานของสงคราม ระหว่างที่โรงงานหยุด เธอยังมองเห็นความเป็นธรรมแก่คนงาน ยอมจ่ายเงินที่คนงานเคยได้รับอยู่ตลอดเวลานานนับแรมปี ซึ่งไม่มีโรงงานใดจะทำเช่นนี้ หากแต่เธอคิดเห็นว่า เธอมีกำไรพอที่จะจุนเจือ เพราะระยะเวลาสงคราม คนงานต่างก็เกรงกลัว ไหนเลยจะหาเวลาไปหาการงานทำ ข้าพเจ้าเห็นด้วยการกระทำของเธอ เพราะเธอใช้เมตตาจิตต์ในยามถูกแก่กาละเวลาในความทุกข์ยากพอควร

ในด้านการแม่บ้าน ใช่ที่เธอทำการค้าแล้วจะละเลยหน้าที่แม่บ้านเสียก็หาไม่ เธอยังปลีกเวลาทำอาหารบางอย่างที่ข้าพเจ้าชอบ ยังช่วยดูแลกล้วยไม้ น่าวัว และต้นไม้ดอก เพื่อเป็นอาหารทางใจทางตาแก่ข้าพเจ้าด้วย เวลาเครื่องบินมาทิ้งระเบิดนั้น เธอจัดการอพยพลูกหลานไปดูแลจัดการ ส่วนข้าพเจ้าต้องทำงาน พอเธอจัดการการอพยพลูกหลานเรียบร้อย เธอก็กลับมากรุงเทพฯ หาอาหารแห้งไว้ให้ข้าพเจ้าบ้าง ซื้อของไปให้ลูกหลานบ้าง แต่ไม่นานัก ในหน้าที่ข้าพเจ้ากำลังเรียกคนมาจัดการจะจ้างทำปลอกแขนเพื่อใช้ประโยชน์ในราชการ บังเอิญวันนั้น เธอมาบ้าน เธอทราบ ก็เลยอาสาทำ และจัดการย้อมสีผ้าเสียเอง เกิดเป็นปลอกแขนที่ต้องการขึ้น และปลอกแขนนั้นก็ไดมีโอกาสใช้สวมแขนผู้ที่เดินแถวขบวนเสรีไทยสวนสนามที่ถนนราชดำเนินหลังสงคราม ปลอกนั้นแหละเกิดจากน้ำมือของเธอด้วย

เราทั้ง ๒ ต่างรู้หน้าที่กัน ความขัดใจในกันและกันจึงไม่มี คือ หน้าที่ทำราชการของข้าพเจ้า หน้าที่ทางบ้านตลอดจนผู้รักษาเงินเป็นของเธอ ต่างไม่ล่วงล้ำในหน้าที่ในกันและกัน เรื่องราชการเธอจะไม่ยอมรับปากใครจะขอให้ข้าพเจ้าช่วยโน่นช่วยนี่ และเธอก็ไม่เคยซักถามข้อราชการอะไรข้าพเจ้า แม้แต่เรื่องสำคัญเช่นคดีกรณีสวรรคตที่ข้าพเจ้าทำการสอบสวน เธอไม่เคยถามอะไรข้าพเจ้า และข้าพเจ้าก็ไม่เคยบอกเล่าอะไรให้เธอ จนกระทั่งคดีนั้นอัยยการฟ้องศาลแล้ว เราก็คุยเกี่ยวแก่กรณีนี้บ้าง ส่วนทางการบ้าน เธอจะจัดการอย่างใด ข้าพเจ้าก็ไม่เกี่ยวข้องเช่นกัน

กิจการของเธอในฐานะแม่บ้านและการค้า เท่าที่ข้าพเจ้ามองเห็น รู้สึกเหน็จเหนื่อยแทน ก่อนเวลาข้าพเจ้าออกจากบ้านไปทำงาน เย็นกลับ ก็เห็นเธอยุ่งกับกิจการบ้านจนข้าพเจ้ากลับ แถมยังปลีกเวลาสอนหนังสือหลาน ๆ อีก แม้แต่จะหาที่ทางตากอากาศบ้าง เธอก็ยังอุตส่าห์ทำการค้าในสมัยที่ตากอากาศกัน ลูกหลานที่ว่าง และเวลาโรงเรียนปิด ต่างไปตากอากาศ แต่ขณะเดียว ก็ต้องหัดเป็นคนเดินอาหารที่บาร์ไปตาม ๆ กัน ข้าพเจ้าเคยต่อว่า เธอควรจะพักผ่อน เพราะตลอดชีวิตเหน็จเหนื่อยมามากแล้ว เธอกลับตอบว่า ก็พักผ่อนในตัวแล้ว นี่ทำเพื่อเป็นตัวอย่าง และหัดให้เด็ก ๆ มีความขยัน อดทน เติบโตจะได้หากินได้ การหากินทางสุจริตไม่ควรวิตกว่า ต้องอับอายขายหน้า แม้แต่คนใช้ในบ้านล้วนแต่ลูกหลานเหลนของคนเก่าแก่ที่เป็นทหารครั้งเสด็จพระองค์เจ้าคำรบ ก็มาอยู่กับเธอนับเป็นสิบ ๆ เธอก็อดทนเลี้ยงดูและหาการงานให้อาชีพตามแต่วัย เพื่อนฝูงที่สนิทคุ้นเคยกับเธอ มาที่บ้าน ย่อมเห็นประจักษ์ ทั้ง ๆ ที่ผู้คนนับเป็นสิบ ๆ เธอจะใช้ทำกิจการงาน เช่น ปลูกต้นไม้ ทำสะอาด หรือกิจการอื่นในบ้าน เธอต้องลงมือทำด้วย หาเพียงสั่งหรือนั่งชี้นิ้วไม่ เอาใจใส่ดูแลการกิน การป่วยเจ็บ ตลอดทั่วทุกตัวคน

เท่าที่ข้าพเจ้าเล่าสู่ท่านผู้อ่านเพียงย่อ ๆ มา ก็นับว่า เป็นแนวทางที่ท่านผู้อ่านจะพลอยเห็นความเหน็จเหนื่อยของเธอกับข้าพเจ้าด้วยไม่น้อย

ส่วนในแง่ที่เธอไม่ดี ใช่ไม่มีเสียทีเดียวก็หาไม่ ความไม่ดีเกี่ยวแก่การอนามัยน้อยมาก ข้าพเจ้าเตือนแล้วเตือนอีกขอให้แบ่งเวลาเพื่อการอนามยตามวัยของอายุบ้าง แต่กว่าจะเข้าหาทางอนามัย แสนจะลำบากลำบน เอะอะก็ว่า ไม่มีเวลาบ้าง จนกระทั่งมา ๒ ปีนี้เอง เธอค่อยเพลาและสนใจการอนามัยขึ้นบ้าง แต่ก็เป็นบางเวลา นับว่า ยังไม่สมบูรณ์ จะต้องพยายามต่อไป

อย่างไรก็ดี ท่านผู้ที่ได้อ่านหนังสือนี้ส่วนมากก็คงเห็นพ้องกับข้าพเจ้าว่า เธอเป็นผู้ที่สามารถในหน้าที่ภริยาที่ดีของสามี จนข้าพเจ้ายังตองยกเธอเป็นศรีภริยาทั้งยังเป็นศรีของครอบครัวโดยที่ข้าพเจ้าไม่กระดากปากเลย และเป็นที่พึ่งพาของบริวารตลอดจนคนเก่าแก่แต่ครั้งพระบิดาของเธอ

ประจวบเหมาะที่ข้าพเจ้ารับมาจัดการทำบุญอายุเธอนั้น ข้าพเจ้าใคร่จะทำอะไรเป็นที่ระลึก โดยที่ข้าพเจ้าเองต้องเหน็จเหนื่อยให้สมค่ากับคุณงามความดีของเธอ พอดีนึกได้ว่า ข้าพเจ้าเกิดมา ยังไม่เคยทำการงานอะไรประสบความเหน็จเหนื่อยทั้งกายและใจเท่าที่ข้าพเจ้ามีส่วนดำเนินการสอบสวนคดีของล้นเกล้าล้นกระหม่อมในรัชการที่ ๘ ข้าพเจ้าจึงประมวลเหตุผลของการสอบสวน ตลอดจนคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และศาลฎีกา (ศาลชั้นต้นเคยพิมพ์แล้ว) มารวมเป็นเล่ม เพื่อเป็นการสนองท่านที่เคารพและญาติมิตรที่มาร่วมงานในวันเกิดของเธอ ข้าพเจ้าขอวิงวอนแก่ท่านช่วยกันภาวนาให้เธอจงประสบแต่ความสุข มีโอกาสทำบุญอายุ ๖ รอบ ๗ รอบเป็นลำดับไปเถิด และในขณะเดียวกัน ขอท่านผู้อ่านจงประสบแต่ความสุขความเจริญทุก ๆ ท่านด้วย ขอท่านผู้รับหนังสือนี้จงรับความเคารพจากข้าพเจ้าและภริยาด้วยเถิด.

พล.ต.ท. พระพินิจชนคดี
  • บ้านมงคลชัย
  • ๑๐ มกราคม ๒๔๙๘