คำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ ๒/๒๕๕๑

คำสั่งนายกรัฐมนตรี

ที่ ๒/๒๕๕๑

เรื่อง กำหนดมาตรการเพื่อแก้ไขและป้องกันภาวะการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง


การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘
_______________

ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ ๑๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ กำหนดมาตรการช่วยเหลือประชาชน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในค่าครองชีพจากปัญหาน้ำมันแพง ซึ่งเป็นผลมาจากราคาน้ำมันในตลาดโลก โดยลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งมีผลทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงลดลง เป็นระยะเวลา ๖ เดือน นับตั้งแต่วันที่ ๒๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ ถึงวันที่ ๓๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๒ การปรับลดหรือเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตในแต่ละครั้ง จะทำให้มีการขาดทุนในปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงคงเหลือที่ได้มาในราคาก่อนปรับลด หรือมีกำไรในปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงคงเหลือที่ได้มาในราคาก่อนปรับเพิ่ม ซึ่งในกรณีที่ขาดทุนจะทำให้ผู้ค้าน้ำมันและเจ้าของสถานีบริการลดปริมาณการจำหน่ายหรืองดการจำหน่ายเพื่อหลีกเลี่ยงการขาดทุน ทำให้เกิดภาวะการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง ดังนั้น เพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าว จึงต้องมีการจ่ายชดเชยผลขาดทุน ในกรณีกลับกันกำไรส่วนเกินที่ผู้ค้าน้ำมันและเจ้าของสถานีบริการได้รับเป็นกำไรส่วนเกินที่มิควรได้ จึงจำเป็นต้องกำหนดให้มีการส่งกำไรดังกล่าวเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งทำให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่ต้องจ่ายผลขาดทุนในตอนแรกมีโอกาสได้รับเงินคืนจากช่วงการปรับเพิ่มภาษีสรรพสามิต ทำให้การจ่ายเงินชดเชยครั้งนี้ไม่เป็นภาระค่าใช้จ่ายต่อกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงแต่อย่างใด

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓ แห่งพระราชกำหนดแก้ไขและป้องกันภาวะการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. ๒๕๑๖ นายกรัฐมนตรีจึงออกคำสั่งไว้ดังต่อไปนี้

ข้อ ๑  ในคำสั่งนี้

“น้ำมันเชื้อเพลิง” หมายความว่า น้ำมันแก๊สโซฮอล์อี ๑๐ ออกเทน ๙๑ น้ำมันแก๊สโซฮอล์อี ๑๐ ออกเทน ๙๕ น้ำมันแก๊สโซฮอล์อี ๒๐ ออกเทน ๙๕ น้ำมันแก๊สโซฮอล์อี ๘๕ น้ำมันเบนซินพื้นฐานชนิดที่ ๑ และชนิดที่ ๒ น้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา น้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี ๕ ซึ่งมีลักษณะและคุณภาพตามที่กรมธุรกิจพลังงานกำหนด และน้ำมันดีเซลพื้นฐาน

“ผู้ค้าน้ำมัน” หมายความว่า ผู้กระทำการค้าน้ำมันเชื้อเพลิง โดยซื้อ นำเข้ามาในราชอาณาจักรหรือได้มาไม่ว่าด้วยประการใดเพื่อจำหน่าย และให้หมายความรวมถึงผู้ผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงด้วย ซึ่งมีปริมาณการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงแต่ละชนิดหรือรวมกันทุกชนิดปีละตั้งแต่สามหมื่นเมตริกตันขึ้นไป หรือมีขนาดของถังเก็บน้ำมันเชื้อเพลิงความจุเกินสองแสนลิตรขึ้นไป แต่ทั้งนี้ ไม่รวมถึงผู้ได้รับสัมปทานตามกฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียม

“สถานีบริการ” หมายความว่า สถานที่สำหรับจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงให้แก่ประชาชนโดยวิธีเติมหรือใส่ลงในที่บรรจุน้ำมันเชื้อเพลิงของยานพาหนะ โดยใช้มาตรวัดน้ำมันเชื้อเพลิงตามกฎหมายว่าด้วยมาตราชั่งตวงวัด ที่ติดตั้งไว้เป็นประจำ ซึ่งได้จดทะเบียนเป็นผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา ๑๑ แห่งพระราชบัญญัติการค้าน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. ๒๕๔๓

“เจ้าของสถานีบริการ” หมายความว่า ผู้มีกรรมสิทธิ์ในสถานีบริการและในกรณีที่เจ้าของสถานีบริการเป็นนิติบุคคลให้ถือว่ากรรมการผู้จัดการ ผู้จัดการหรือบุคคลใดที่รับผิดชอบการดำเนินงานของนิติบุคคลนั้นเป็นเจ้าของสถานีบริการด้วย และในกรณีที่เจ้าของสถานีบริการไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งนี้ได้ ให้หมายความรวมถึงพนักงานหรือลูกจ้างที่จัดการดูแลสถานีบริการด้วย

“ภาษีสรรพสามิต” หมายความว่า อัตราภาษีสรรพสามิตของน้ำมันแก๊สโซฮอล์อี ๑๐ ออกเทน ๙๑ น้ำมันแก๊สโซฮอล์อี ๑๐ ออกเทน ๙๕ น้ำมันแก๊สโซฮอล์อี ๒๐ ออกเทน ๙๕ น้ำมันแก๊สโซฮอล์อี ๘๕ น้ำมันเบนซินพื้นฐานชนิดที่ ๑ และชนิดที่ ๒ น้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา น้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี ๕ และน้ำมันดีเซลพื้นฐาน ที่ประกาศโดยกระทรวงการคลัง

“ประกาศราคาขายปลีก” หมายความว่า ประกาศราคาขายปลีกของสำนักงานนโยบายและแผนพลังงานตามข้อ ๙

“ส่วนต่างราคา” หมายความว่า ส่วนต่างของราคาขายปลีกเดิมและราคาใหม่ตามประกาศราคาขายปลีกของสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน

“สถาบัน” หมายความว่า สถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (องค์การมหาชน) ที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (องค์การมหาชน) พ.ศ. ๒๕๔๖

“ผู้อำนวยการ” หมายความว่า ผู้อำนวยการสถาบันบริหารกองทุนพลังงาน

“กองทุน” หมายความว่า กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่จัดตั้งขึ้นตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ ๔/๒๕๔๗ เรื่อง กำหนดมาตรการเพื่อแก้ไขและป้องกันภาวะการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง

“พนักงานเจ้าหน้าที่” หมายความว่า ข้าราชการ ลูกจ้าง และพนักงานราชการของกระทรวงพลังงาน กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ได้รับมอบหมายให้ดำเนินการตามคำสั่งนายกรัฐมนตรีนี้

ข้อ ๒  เมื่อมีการประกาศลดภาษีสรรพสามิตของน้ำมันเชื้อเพลิงใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๒๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ ทำให้เกิดส่วนต่างของราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิง ให้ผู้ค้าน้ำมันและเจ้าของสถานีบริการได้รับเงินชดเชยจากกองทุนในปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงคงเหลือสุทธิ ในเวลา ๒๔.๐๐ นาฬิกา ของวันที่ ๒๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ คูณด้วยส่วนต่างราคา

ข้อ ๓  เมื่อการเพิ่มภาษีสรรพสามิตของน้ำมันเชื้อเพลิงมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๒ ทำให้เกิดส่วนต่างของราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิง ให้ผู้ค้าน้ำมันและเจ้าของสถานีบริการส่งเงินเข้ากองทุนในปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงคงเหลือสุทธิ ในเวลา ๒๔.๐๐ นาฬิกา ของวันก่อนวันที่ราคาขายปลีกใหม่ตามประกาศสำนักงานนโยบายและแผนพลังงานมีผลใช้บังคับ คูณด้วยส่วนต่างราคา

ถ้าผู้ค้าน้ำมันหรือเจ้าของสถานีบริการรายใดที่ได้รับเงินชดเชยตามข้อ ๒ ไม่ให้ความร่วมมือในการตรวจวัดปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงคงเหลือ หรือปิดคลังน้ำมัน หรือสถานีบริการ หรือกระทำการใด ๆ ทำให้พนักงานเจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าไปตรวจวัดปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงคงเหลือสุทธิหรือคำนวณเงินส่งเข้ากองทุนตามวรรคหนึ่งได้ ให้ผู้ค้าน้ำมันหรือเจ้าของสถานีบริการมีหน้าที่ส่งเงินเข้ากองทุนในจำนวนเงินที่คำนวณจากปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงคงเหลือสุทธิที่ตรวจวัดได้เมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ คูณด้วยส่วนต่างราคาตามประกาศราคาขายปลีกตามวรรคหนึ่ง เว้นแต่ผู้ค้าน้ำมันหรือเจ้าของสถานีบริการรายนั้นยังไม่ได้รับเงินชดเชยจากส่วนต่างราคาในการลดภาษีสรรพสามิตเมื่อวันที่ ๒๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๑

ปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงคงเหลือสุทธิตามวรรคหนึ่ง ไม่รวมถึงน้ำมันเบนซินพื้นฐานชนิดที่ ๑ และชนิดที่ ๒ และน้ำมันดีเซลพื้นฐาน

ผู้ค้าน้ำมันที่ได้รับเงินชดเชยจากการปรับลดภาษีสรรพสามิต เมื่อวันที่ ๒๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ สำหรับน้ำมันเบนซินพื้นฐานชนิดที่ ๑ และชนิดที่ ๒ และน้ำมันดีเซลพื้นฐานไปทั้งจำนวนแต่ยังมีปริมาณน้ำมันดังกล่าวเหลืออยู่ในวันที่ ๓๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๒ ให้แจ้งปริมาณคงเหลือต่อกรมธุรกิจพลังงานภายในเจ็ดวันทำการนับแต่วันที่การเพิ่มภาษีสรรพสามิตของน้ำมันเชื้อเพลิงมีผลใช้บังคับเพื่อคำนวณเงินที่ต้องจ่ายคืนกองทุนตามอัตราเงินชดเชยที่ได้รับไป

ข้อ ๔  ให้ผู้อำนวยการมีอำนาจหน้าที่ในการรับและจ่ายเงินจากกองทุนตามคำสั่งนี้ โดยให้มีอำนาจกำหนดระเบียบเพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามคำสั่งนี้ตามที่เห็นสมควร

ข้อ ๕  เมื่อมีประกาศลดภาษีสรรพสามิตตามข้อ ๒ ให้

(๑) ผู้ค้าน้ำมันปฏิบัติดังต่อไปนี้

(ก) หยุดขายหรือจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงจากคลังน้ำมันเชื้อเพลิง ตั้งแต่เวลา ๒๔.๐๐ นาฬิกา ของวันที่ ๒๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ จนกว่าพนักงานเจ้าหน้าที่จะได้ไปตรวจสอบปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงคงเหลือแล้ว เว้นแต่อธิบดีกรมธุรกิจพลังงานจะมีเหตุผลสมควรสั่งเป็นอย่างอื่น

(ข) ตรวจสอบและลงลายมือชื่อรับรองผลการตรวจวัดปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงคงเหลือในแบบตรวจสอบ

(ค) แจ้งปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงที่อยู่ในระหว่างการขนส่ง ที่ซื้อหรือได้จากผู้ผลิตและโรงกลั่นน้ำมันในราชอาณาจักร ที่สั่งหรือนำเข้ามาเพื่อจำหน่ายในราชอาณาจักร รวมทั้งปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงที่ผู้ค้าน้ำมันจ่ายจากคลังน้ำมัน เพื่อส่งไปให้แก่เจ้าของสถานีบริการก่อนเวลา ๒๔.๐๐ นาฬิกา ของวันที่ ๒๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ และส่งมอบให้แก่เจ้าของสถานีบริการภายหลังเวลาดังกล่าว รวมทั้งน้ำมันเชื้อเพลิงที่รับฝากจากผู้อื่น (ถ้ามี) ต่อกรมธุรกิจพลังงาน กระทรวงพลังงาน อย่างช้าไม่เกินสามวันทำการนับแต่วันที่ ๒๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๑

(๒) เจ้าของสถานีบริการ ปฏิบัติดังต่อไปนี้

(ก) หยุดขายหรือจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงตั้งแต่เวลา ๒๔.๐๐ นาฬิกา ของวันที่ ๒๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ จนกว่าพนักงานเจ้าหน้าที่จะได้ไปตรวจสอบปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงคงเหลือแล้ว เว้นแต่อธิบดีกรมธุรกิจพลังงานจะมีเหตุผลสมควรสั่งเป็นอย่างอื่น

(ข) ตรวจสอบและลงลายมือชื่อรับรองผลการตรวจวัดปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงคงเหลือในแบบตรวจสอบ

(ค) แจ้งปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงที่อยู่ในระหว่างการขนส่ง ที่ซื้อหรือได้จากผู้ค้าน้ำมันก่อนเวลา ๒๔.๐๐ นาฬิกา ของวันที่ ๒๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ และมาถึงสถานีบริการภายหลังเวลาดังกล่าว รวมทั้งน้ำมันเชื้อเพลิงที่รับฝากจากผู้อื่น (ถ้ามี) ต่อกรมธุรกิจพลังงาน กระทรวงพลังงานอย่างช้าไม่เกินสามวันทำการนับแต่วันที่ ๒๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๑

(๓) กรมธุรกิจพลังงาน แจ้งเป็นหนังสือภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่ ๒๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ ให้ผู้ค้าน้ำมันและเจ้าของสถานีบริการทราบจำนวนเงินชดเชยที่พึงได้รับจากกองทุนซึ่งคำนวณจากปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงคงเหลือสุทธิที่ได้เสียภาษีสรรพสามิตแล้วของน้ำมันเชื้อเพลิงแต่ละชนิด คูณด้วยส่วนต่างราคาพร้อมกับส่งสำเนาหนังสือให้สถาบันทราบ และให้ผู้ค้าน้ำมันหรือเจ้าของสถานีบริการดังกล่าวนำหนังสือของกรมธุรกิจพลังงานไปขอรับเงินชดเชยจากสถาบัน ภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่ลงในหนังสือดังกล่าว หากพ้นกำหนดระยะเวลานี้แล้ว ให้ถือว่าผู้ค้าน้ำมันหรือเจ้าของสถานีบริการรายนั้นไม่ประสงค์จะขอรับเงินชดเชย

ข้อ ๖  เมื่อมีประกาศราคาขายปลีกจากการเพิ่มภาษีสรรพสามิตตามข้อ ๓ ให้

(๑) ผู้ค้าน้ำมันปฏิบัติดังต่อไปนี้

(ก) หยุดขายหรือจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงจากคลังน้ำมันเชื้อเพลิง ตั้งแต่เวลา ๒๔.๐๐ นาฬิกาของวันก่อนวันที่ราคาขายปลีกใหม่มีผลใช้บังคับ จนกว่าพนักงานเจ้าหน้าที่จะได้ไปตรวจสอบปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงคงเหลือแล้ว เว้นแต่อธิบดีกรมธุรกิจพลังงานจะมีเหตุผลสมควรสั่งเป็นอย่างอื่น

(ข) ให้ความร่วมมือและอำนวยความสะดวกแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ในการตรวจวัดปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงคงเหลือ รวมทั้งตรวจสอบและลงลายมือชื่อรับรองผลการตรวจวัดปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงคงเหลือในแบบตรวจสอบ

(ค) แจ้งปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงที่อยู่ในระหว่างการขนส่ง ที่ซื้อหรือได้จากผู้ผลิตและโรงกลั่นน้ำมันในราชอาณาจักร ที่สั่งหรือนำเข้ามาเพื่อจำหน่ายในราชอาณาจักร รวมทั้งปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงที่ผู้ค้าน้ำมันจ่ายจากคลังน้ำมัน เพื่อส่งไปให้แก่เจ้าของสถานีบริการก่อนเวลา ๒๔.๐๐ นาฬิกา ของวันก่อนวันที่ราคาขายปลีกใหม่มีผลใช้บังคับ และส่งมอบให้แก่เจ้าของสถานีบริการภายหลังเวลาดังกล่าวรวมทั้งน้ำมันเชื้อเพลิงที่รับฝากจากผู้อื่น (ถ้ามี) ต่อกรมธุรกิจพลังงาน กระทรวงพลังงาน อย่างช้าไม่เกินสามวันทำการนับแต่วันที่ราคาขายปลีกใหม่มีผลใช้บังคับ

(๒) เจ้าของสถานีบริการปฏิบัติดังต่อไปนี้

(ก) หยุดขายหรือจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงตั้งแต่เวลา ๒๔.๐๐ นาฬิกา ของวันก่อนวันที่ราคาขายปลีกใหม่มีผลใช้บังคับ จนกว่าพนักงานเจ้าหน้าที่จะได้ไปตรวจสอบปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงคงเหลือแล้ว เว้นแต่อธิบดีกรมธุรกิจพลังงานจะมีเหตุผลสมควรสั่งเป็นอย่างอื่น

(ข) ให้ความร่วมมือและอำนวยความสะดวกแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ในการตรวจวัดปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงคงเหลือ รวมทั้งตรวจสอบและลงลายมือชื่อรับรองผลการตรวจวัดปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงคงเหลือในแบบตรวจสอบ

(ค) แจ้งปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงที่อยู่ในระหว่างการขนส่ง ที่ซื้อหรือได้จากผู้ค้าน้ำมันก่อนเวลา ๒๔.๐๐ นาฬิกา ของวันก่อนวันที่ราคาขายปลีกใหม่มีผลใช้บังคับ และมาถึงสถานีบริการภายหลังเวลาดังกล่าว รวมทั้งน้ำมันเชื้อเพลิงที่รับฝากจากผู้อื่น (ถ้ามี) ต่อกรมธุรกิจพลังงานกระทรวงพลังงาน อย่างช้าไม่เกินสามวันทำการนับแต่วันที่ราคาขายปลีกใหม่มีผลใช้บังคับ

(๓) กรมธุรกิจพลังงานแจ้งเป็นหนังสือภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่ราคาขายปลีกใหม่มีผลใช้บังคับ ให้ผู้ค้าน้ำมันและเจ้าของสถานีบริการทราบจำนวนเงินที่เรียกเก็บเข้ากองทุนซึ่งคำนวณจากปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงคงเหลือสุทธิที่ได้เสียภาษีสรรพสามิตแล้วของน้ำมันเชื้อเพลิงแต่ละชนิดคูณด้วยส่วนต่างราคา พร้อมกับส่งสำเนาหนังสือให้สถาบันทราบ และให้ผู้ค้าน้ำมันหรือเจ้าของสถานีบริการดังกล่าวนำหนังสือของกรมธุรกิจพลังงานไปจ่ายเงินเข้ากองทุนต่อสถาบัน ภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่ลงในหนังสือดังกล่าว

ข้อ ๗  การคำนวณปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงคงเหลือสุทธิตามข้อ ๕ และข้อ ๖ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่อธิบดีกรมธุรกิจพลังงานกำหนด

ข้อ ๘  ในกรณีที่ต้องส่งเงินเข้ากองทุนตามคำสั่งนี้ หากผู้มีหน้าที่ต้องส่งเงินไม่ส่งเงินให้สถาบัน ส่งเงินให้สถาบันไม่ครบถ้วนตามจำนวนที่ต้องส่ง หรือไม่ส่งเงินคืนสถาบันภายในเวลาที่กำหนด ให้กรมธุรกิจพลังงานส่งเรื่องให้สำนักงานปลัดกระทรวงพลังงานพิจารณาดำเนินคดีตามกฎหมาย

ในกรณีที่ผู้มีหน้าที่ต้องส่งเงินเข้ากองทุนไม่ส่งเงินให้สถาบันหรือส่งขาดหรือไม่ส่งเงินคืนสถาบัน หรือส่งเงินเมื่อพ้นระยะเวลาที่กำหนด ไม่ว่าจะถูกดำเนินคดีตามวรรคหนึ่งหรือไม่ ให้จ่ายเงินเพิ่มอีกในอัตราร้อยละหกต่อเดือนของจำนวนเงินดังกล่าว ทั้งนี้ นับตั้งแต่วันที่ครบกำหนดส่งและให้ถือว่าเงินเพิ่มนี้เป็นเงินที่ต้องส่งเข้ากองทุนด้วย

ข้อ ๙  เมื่อมีประกาศลดภาษีสรรพสามิตตามข้อ ๒ หรือเพิ่มภาษีสรรพสามิตตามข้อ ๓ ให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานประกาศราคาขายปลีกใหม่ซึ่งเปลี่ยนแปลงไปตามภาษีสรรพสามิตและภาษีอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องรวมทั้งกำหนดเวลาที่ราคาขายปลีกใหม่ใช้บังคับ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้ค้าน้ำมันและเจ้าของสถานีบริการ รับทราบและปฏิบัติตามคำสั่งนายกรัฐมนตรีฉบับนี้

ประกาศราคาขายปลีกใหม่ตามวรรคหนึ่ง สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานอาจประกาศในคราวเดียวหรือหลายคราวก็ได้

ข้อ ๑๐  เมื่อมีประกาศราคาขายปลีกใหม่ตามข้อ ๙ ให้

(๑) กระทรวงพลังงาน ปฏิบัติดังต่อไปนี้

(ก) สั่งให้กรมธุรกิจพลังงาน สำนักงานพลังงานภูมิภาค และพลังงานจังหวัดส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงคงเหลือ ณ คลังน้ำมันและสถานีบริการในกรุงเทพมหานคร และในจังหวัดที่รับผิดชอบ ตั้งแต่เวลา ๒๔.๐๐ นาฬิกา ของวันก่อนวันที่ประกาศราคาขายปลีกใหม่ใช้บังคับ

(ข) สั่งให้สำนักงานพลังงานภูมิภาค และพลังงานจังหวัด มีหน้าที่รวบรวมผลการตรวจสอบปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงคงเหลือที่ได้ปฏิบัติงานร่วมกับหน่วยงานอื่นส่งให้กรมธุรกิจพลังงานอย่างช้าไม่เกินสามวันทำการนับแต่วันที่ประกาศราคาขายปลีกใหม่ใช้บังคับ

(๒) กระทรวงมหาดไทย ปฏิบัติดังต่อไปนี้

สั่งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดรับผิดชอบและสั่งการให้นายอำเภอท้องที่ไปตรวจสอบปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงคงเหลือ ณ สถานีบริการในจังหวัดที่รับผิดชอบ ร่วมกับสำนักงานพลังงานภูมิภาคพลังงานจังหวัด สำนักงานการค้าภายในจังหวัด กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ตั้งแต่เวลา ๒๔.๐๐ นาฬิกา ของวันก่อนวันที่ประกาศราคาขายปลีกใหม่ใช้บังคับ

(๓) กระทรวงพาณิชย์ ปฏิบัติดังต่อไปนี้

(ก) สั่งให้กรมการค้าภายในส่งเจ้าหน้าที่สำนักชั่งตวงวัด ไปตรวจสอบปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงคงเหลือ ณ สถานีบริการในเขตกรุงเทพมหานคร ร่วมกับตำรวจนครบาลท้องที่ กรมธุรกิจพลังงาน ตั้งแต่เวลา ๒๔.๐๐ นาฬิกา ของวันก่อนวันที่ประกาศราคาขายปลีกใหม่ใช้บังคับ และส่งผลการตรวจสอบปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงคงเหลือไปยังกรมธุรกิจพลังงาน กระทรวงพลังงาน ตามแบบที่กำหนด อย่างช้าไม่เกินสามวันทำการนับแต่วันที่ประกาศราคาขายปลีกใหม่ใช้บังคับ

(ข) สั่งให้สำนักงานการค้าภายในจังหวัด ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงคงเหลือ ณ สถานีบริการน้ำมันในจังหวัดที่รับผิดชอบ ร่วมกับกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัด นายอำเภอท้องที่ สำนักงานพลังงานภูมิภาค และพลังงานจังหวัด ตั้งแต่เวลา ๒๔.๐๐ นาฬิกา ของวันก่อนวันที่ประกาศราคาขายปลีกใหม่ใช้บังคับ

(๔) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปฏิบัติดังต่อไปนี้

(ก) สั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลท้องที่ ไปตรวจสอบปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงคงเหลือ ณ สถานีบริการ ร่วมกับกรมธุรกิจพลังงาน สำนักชั่งตวงวัด กรมการค้าภายใน ในเขตกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่เวลา ๒๔.๐๐ นาฬิกา ของวันก่อนวันที่ประกาศราคาขายปลีกใหม่ใช้บังคับและส่งผลการตรวจสอบน้ำมันเชื้อเพลิงคงเหลือไปยังกรมธุรกิจพลังงาน กระทรวงพลังงาน ตามแบบที่กำหนด อย่างช้าไม่เกินสามวันทำการนับแต่วันที่ประกาศราคาขายปลีกใหม่ใช้บังคับ

(ข) สั่งให้กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงคงเหลือ ณ สถานีบริการน้ำมันในจังหวัดที่รับผิดชอบร่วมกับนายอำเภอท้องที่ สำนักงานพลังงานภูมิภาค พลังงานจังหวัด และสำนักงานการค้าภายในจังหวัด ตั้งแต่เวลา ๒๔.๐๐ นาฬิกา ของวันก่อนวันที่ประกาศราคาขายปลีกใหม่ใช้บังคับ

ข้อ ๑๑  ในกรณีที่มีปัญหาในการตีความเกี่ยวกับการปฏิบัติตามคำสั่งนี้ ให้ผู้ซึ่งเกี่ยวข้องนำเสนอคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) พิจารณาวินิจฉัยและให้ถือว่าคำวินิจฉัยดังกล่าวเป็นที่สุด

ข้อ ๑๒  คำสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๒๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ เป็นต้นไป

สั่ง ณ วันที่ ๒๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๑

สมัคร สุนทรเวช

นายกรัฐมนตรี


งานนี้ไม่มีลิขสิทธิ์ เพราะเป็นงานตาม แม่แบบผิดพลาด: โปรดระบุประเภทของงานนี้ (ดูวิธีใช้) แห่งพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ของประเทศไทย ซึ่งบัญญัติว่า

"มาตรา 7 สิ่งต่อไปนี้ไม่ถือว่าเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัตินี้
(1)ข่าวประจำวัน และข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่มีลักษณะเป็นเพียงข่าวสาร อันมิใช่งานในแผนกวรรณคดี แผนกวิทยาศาสตร์ หรือแผนกศิลปะ
(2)รัฐธรรมนูญ และกฎหมาย
(3)ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คำสั่ง คำชี้แจง และหนังสือโต้ตอบของกระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐหรือของท้องถิ่น
(4)คำพิพากษา คำสั่ง คำวินิจฉัย และรายงานของทางราชการ
(5)คำแปลและการรวบรวมสิ่งต่าง ๆ ตาม (1) ถึง (4) ที่กระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐหรือของท้องถิ่น จัดทำขึ้น"