คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 1 / 2555

คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 1 / 2555
เรื่อง กำหนดมาตรการเพื่อแก้ไขและป้องกันภาวะการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง
..........................................................

โดยที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ เห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ ๕/๒๕๕๔ (ครั้งที่ ๑๓๘) เมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๔เกี่ยวกับนโยบายการกำหนดราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) โดยให้กำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับก๊าซที่ใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี กิโลกรัมละ ๑ บาท ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นต้นไป สมควรแก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ ๔/๒๕๔๗ เรื่อง กำหนดมาตรการเพื่อแก้ไขและป้องกันภาวะการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง ลงวันที่ ๒๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ เพื่อให้การส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับก๊าซปิโตรเลียมเหลว ก๊าซโปรเปนและก๊าซบิวเทนที่ผลิตจากโรงกลั่นน้ำมันเชื้อเพลิงหรือโรงแยกก๊าซธรรมชาติ เพื่อนำมาใช้เป็นวัตถุดิบในโรงอุตสาหกรรมเคมีปิโตรเลียมเป็นไปตามนโยบายดังกล่าวอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓ (๑) และ (๓) แห่งพระราชกำหนดแก้ไขและป้องกันภาวะการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. ๒๕๑๖ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๓ มาตรา ๔๑ และมาตรา ๔๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย นายกรัฐมนตรีจึงออกคำสั่งไว้ ดังต่อไปนี้

ข้อ ๑ คำสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

ข้อ ๒ ให้ยกเลิกความในข้อ ๘ ของคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ ๔/๒๕๔๗ เรื่อง กำหนดมาตรการเพื่อแก้ไขและป้องกันภาวะการขาดแคลนน้ำ มันเชื้อเพลิง ลงวันที่ ๒๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๘ ในกรณีที่คณะกรรมการกำหนดให้มีการส่งเงินเข้ากองทุนสำหรับน้ำมันเชื้อเพลิงที่ทำในราชอาณาจักร ให้ผู้ผลิตน้ำมันเชื้อเพลิง ณ โรงกลั่นและจำหน่ายเพื่อใช้ในราชอาณาจักรส่งเงินเข้ากองทุนตามปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงที่ผลิตและจำหน่ายเพื่อใช้ในราชอาณาจักรในอัตราที่คณะกรรมการประกาศกำหนดการจำหน่ายตามวรรคหนึ่ง ให้หมายความรวมถึงกรณีที่ผู้ผลิตน้ำมันเชื้อเพลิง ณ โรงกลั่นได้นำน้ำมันเชื้อเพลิงที่ผลิตมาใช้ในกิจการของตนเองด้วยการส่งเงินเข้ากองทุนตามวรรคหนึ่ง ให้ส่งแก่กรมสรรพสามิตพร้อมกับการชำระภาษีสำหรับน้ำมันเชื้อเพลิง (ถ้ามี) ทั้งนี้ ตามระเบียบที่อธิบดีกรมสรรพสามิตกำหนด”

ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในข้อ ๒๕ ของคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ ๔/๒๕๔๗ เรื่อง กำหนดมาตรการเพื่อแก้ไขและป้องกันภาวะการขาดแคลนน้ำ มันเชื้อเพลิง ลงวันที่ ๒๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

“ข้อ ๒๕ ในกรณีที่ผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติการค้าน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. ๒๕๔๓ ขายน้ำมันเชื้อเพลิงให้แก่ผู้ซึ่งนำน้ำมันเชื้อเพลิงนั้นไปใช้เป็นวัตถุดิบในโรงกลั่น หรือในกรณีที่ผู้นำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงเข้ามาใช้เป็นวัตถุดิบในโรงกลั่น ทั้งนี้ ยกเว้นน้ำมันเชื้อเพลิงที่นำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงและก๊าซปิโตรเลียมเหลว ก๊าซโปรเปน และก๊าซบิวเทนที่ผลิตจากโรงกลั่นน้ำมันเชื้อเพลิงหรือโรงแยกก๊าซธรรมชาติเพื่อนำมาใช้เป็นวัตถุดิบในโรงอุตสาหกรรมเคมีปิโตรเลียม

(๑) ถ้าเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงที่ต้องส่งเงินเข้ากองทุน ให้ผู้ค้าน้ำมันซึ่งขายหรือผู้ซึ่งนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงนั้นได้รับการยกเว้นไม่ต้องส่งเงินเข้ากองทุน แต่ถ้ามีการส่งเงินเข้ากองทุนแล้ว ให้ขอคืนได้

(๒) ถ้าเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงที่จะได้รับเงินชดเชยจากกองทุน ไม่ให้ผู้ค้าน้ำมันซึ่งขายหรือผู้ซึ่งนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงนั้นได้รับเงินชดเชย แต่ถ้ามีการได้รับเงินชดเชยจากกองทุนแล้ว ให้ส่งเงินคืนกองทุนการขอรับยกเว้นไม่ต้องส่งเงินเข้ากองทุน การขอคืนเงินที่ส่งเข้ากองทุน และการส่งเงินคืนกองทุนตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามระเบียบที่อธิบดีกรมสรรพสามิตหรืออธิบดีกรมศุลกากรกำหนดแล้วแต่กรณี”



สั่ง ณ วันที่ 11 มกราคม พ.ศ.2555


ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

นายกรัฐมนตรี



อ้างอิง

แก้ไข