จดหมายเหตุเรื่องทูตไทยไปประเทศอังกฤษ/ตอนที่ 11

ตอนที่ ๑๑ ว่าด้วยราชทูตออกจากเมืองลอนดอน ไปถึงท่าโดเวอ แลว่าด้วยประเทศเครดบริเตน

แก้ไข

วันจันทร์ เดือน ๔ แรม ๒ ค่ำ มิสเตอร์เฟาล์มาแจ้งแก่ราชทูตว่า ได้รับหนังสือกำหนดมาว่า อิก ๓ วันพวกราชทูตจะได้ออกจากเมือง ลอนดอน (๑) รุ่งขึ้นราชทูตไปลาเลอรด์มาลเมศเบอรี ผู้สำเร็จราชการ ฝ่ายเมืองต่างประเทศ แทนเลอรด์กลาเรนดอน

วันพฤหัสบดี เดือน ๔ แรม ๕ ค่ำ เวลาเช้า ๒ โมง มิศเตอร์เฟาล์ เชิญราชทูตกับขุนนาง แลผู้มีชื่อพร้อมกัน ๒๗ คนขึ้นรถไฟออกจาก เมืองลอนดอน (๒) ทาง ๗๒ ไมล์ คือ ๓๒๓๐ เส้น ถึงท่าโดเวอ มิศ เตอร์เฟาล์จัดแจงให้ขึ้นไปกินอาหารบนโฮเต็ล พักอยู่จนเกือบบ่ายโมง ๑ จึงได้ลงเรือกลไฟออกจากท่าโดเวอ ข้ามทเลไปท่ากาลิศฟากข้างฝรั่งเศส แต่ท่าโดเวอถึงท่ากาลิศทาง ๒๐ ไมล์ คือ ๙๐๐ เส้น เมื่อไปถึงกลางทาง แลดูเห็นฝั่งทั้ง ๒ ข้าง คือฝั่งอิงแคลนด์ ฝั่งฝรั่งเศส

ที่นี้จะกลับว่าด้วยภูมิประเทศ เกาะเมืองอังกฤษที่เรียกเครด บริดติน ถ้าจะวัดโดยยาว ๕๘๐ ไมล์ คิดอย่างไทยเปน ๖๕ โยชน์กับ ๑๐๐ เส้น แต่โดยกว้างนั้น บางแห่งแคบ บางแห่งกว้าง จะกำหนดแน่ ไม่ได้ เกาะนั้นอยู่ในมหาสมุทอัตลันติก ทิศตวันตกเฉียงเหนือแห่ง เมืองไทย ที่ในเกาะเครดบริดบริดตินมีภูเขามากต้นไม้น้อย มีหัวเมืองใหญ่อยู่ในเกาะ ๘๕ เมือง มีกำปั่นไปเที่ยวค้าขายแก่นานาประเทศประมาณ ๓๐,๐๐๐ ลำ ที่ในเกาะเครดบริดติน เมืองลอนดอนเปนเมืองหลวง ตั้งอยู่ฝ่ายทิศอาคเณย์แห่งเกาะนั้น ที่ในเมืองทำงดงามนัก แต่ไม่มี กำแพงล้อม มีแต่ป้อมใหญ่อยู่แห่งหนึ่ง มีวัดประมาณ ๑๐๐ วัด ที่เปนวัดใหญ่ชื่อ ซันต์เปาโล ๑ แลเวศล์มินสเตอแอบเบ ๑

มีโรงละคอนใหญ่อย่างดีกว่า ๑๐ แห่ง แต่ละคอนนั้นไม่ได้ไปเล่น ที่อื่น ๆ เหมือนละคอนในเมืองนี้ เล่นอยู่แต่ในตึกที่ทำไว้สำหรับเล่นจน ๒ ยามจึงเลิก ถ้าคนจะเข้าไปดูก็ต้องเสียเงินให้มากบ้างน้อยบ้างตาม ที่ดีแลไม่ดี ในตึกโรงละคอนนั้นทำเปน ๔ ชั้นบ้าง ๕ ชั้นบ้าง ถ้าคนมั่งมี ก็อยู่ชั้นต่ำ ต้องเสียเงินมาก ด้วยเห็นตัวละคอนใกล้ สูงขึ้นไปเสียเงิน น้อยลง แต่เห็นไกลออกไปทุกชั้น ด้วยที่สูง

มีตึกเลี้ยงคนป่วยไข้ประมาณ ๑๕๐ ตึก มีที่สอนหนังสือเด็กประมาณ ๓๐๐ ตึกเศษ ที่แจกยาคนยากจนประมาณ ๒,๐๐๐ แห่ง คุกใส่คนโทษมีอย่ ๑๔ คุก คนที่ติดคุกไม่ได้ใส่ตรวนจำจองเลย เปนแต่ ขังไว้ไม่ให้ไปไหน ผู้คุมรักษากวดขัน ใช้ทำการอยู่ในนั้นไม่จ่ายให้ ออกไปทำการข้างนอก คุกนั้นก่อด้วยศิลาหนาแน่นมั่นคงมาก มีทหาร คอยระวังรักษาอยู่เปนนิจ พร้อมด้วยเครื่องศัสตราอาวุธลูกกระสุนดินดำ ในคุกทำสอาด มีที่สอนสาสนาให้คนฟังทุกวันอาทิตย์ มีหมอยาอยู่ สำหรับรักษาโรค มีที่นั่งที่นอนเสื้อกางเกงผ้าห่มนอนพร้อมทุกคน แต่ อาหารการกินพานจะขัดสน จ่ายแจกให้แต่พอเลี้ยงชีวิต ถึงใครมีมิตร สหายญาติกา หามาส่งก็ไม่ได้ ด้วยผู้คุมไม่เปิดประตูให้เข้าไป เหตุ ฉนี้คนที่ติดคุกจึงต้องอดหยากลำบากมาก

ในเมืองลอนดอนมีถนนหลายร้อยถนน ๆ ที่เปนถนนใหญ่ประมาณ กว้าง ๘ วา ที่เปนถนนเล็กกว้าง ๕ วาบ้าง ๔ วาบ้างถนนทั้งนั้นปูด้วยศิลาทำเหมือนแผ่นอิฐ แลปูตะแคงสำหรับรถแลม้าเดินริมถนนทั้ง ๒ข้างยกขึ้นสูง ๖ นิ้ว กว้างประมาณ ๕ ศอก ปูด้วยศิลาใหญ่ หน้าศอกคืบ ๔ เหลี่ยมเปนทางคนเดิน แล้วมีพวกอำเภอ (๓) คอยดูเหตุการณ์เดินประจำรักษาอยู่ทุกถนนทั้งกลางวันแลกลางคืน ตาม ๒ ข้างถนนมี เสาเหล็กสูงประมาณ ๕ ศอก ปักห่างกันประมาณ ๑๐ วา แต่ปัก เยื้องกันเปนฟันปลา ไม่ปักเปนคู่ บนปลายเสาใสโคมแก้วตามไฟใน เวลากลางคืน ไฟที่ตามอังกฤษเรียกแคศ เปนของปลาด ไม่ต้อง ใช้น้ำมันแลไส้เหมือนตะเกียงธรรมดา เปนแต่หลอดขึ้นไป เอาแต่ไฟจุดที่ปลายหลอดก็ติดสว่างดี เมื่อจะให้ดับก็บิดควงเสียอย่าให้ลมเดินได้ ไฟก็ดับ อันไฟแคศนั้นอังกฤษใช้ทั่วไปทุกบ้านทุกเรือน เรือนทั้งปวง ที่ในเมืองล้วนแต่ตึกทั้งนั้น ก่อด้วยศิลาบ้าง ด้วยอิฐบ้าง ทำเปน ๓ ชั้นบ้าง ๔ ชั้นบ้าง ๕ ชั้นบ้าง ๖ ชั้นบ้าง แต่หลังคาทำแบน ๆ บานหน้าต่างทำเปน ๒ ชั้น บานไม้อยู่ชั้นนอกกระจกอยู่ชั้นใน แล้วมีม่าน อีกชั้นหนึ่ง เปนแพรบ้าง เปนผ้าบ้าง ฝาผนังข้างในปิดกระดาษลาย พื้นเรือนนั้นปูพรม ไม่ได้ปูเสื่อเลยทุกบ้านทุกเรือน ที่ฝาผนังมีเตา ทำด้วยเหล็กสำหรับใส่ไฟให้อุ่น แล้วมีปล่องตลอดขึ้นไปจนพ้นหลังคา ให้ควันขึ้นได้ไม่ให้อบอยู่ในเรือน คนในเมืองลอนดอนนั้นต่อมั่งมีเงินมากจึงจะมีเรือนอยู่ ด้วยที่ดินแพง ค่าจ้างคนทำเรือนก็ต้องเสียเงินมาก ถ้ามีเงิน ๒๐๐ หรือ ๓๐๐ ชั่งแล้วไม่พอจะทำเรือนได้ ต้องเช่าเรือนอยู่ คนที่ มีเงินเพียง ๒๐ ชั่ง ๓๐ ชั่งยังว่าเปนคนจน บางทีต้องเปนลูกจ้างทำการ ของนายกินของนาย อยู่ในเรือนของนาย ตัวจะออกหากินต่างหากไม่ได้ ด้วยเข้าของสารพัดแพงนัก ทุนน้อยเท่านั้นจะทำอันใดก็ขัดสน ตามตึก ชั้นล่าง ๒ ข้างถนนในพื้นเมืองเปนห้างร้านขายเครื่องทองเครื่องเงินเครื่องแก้ว เครื่องเหล็ก เครื่องทองเหลืองทองแดง เครื่องศิลา เครื่องกระเบื้อง เครื่องไม้แลแพรผ้า เครื่องอื่น ๆ ก็มากมายหลายอย่าง ต่าง ๆ ตามแต่ผู้ซื้อจะปราร์ถนาสิ่งใดก็เที่ยวเลือกดูซื้อได้ตามประสงค์

ในเมืองลอนดอนมีแม่น้ำอยู่กลางเมืองแม่น้ำหนึ่ง ชื่อเทมส์ ไหลมาแต่ภูเขาข้างทิศตวันตกเฉียงเหนือ มาลงทเลข้างตวันออกใน แม่น้ำเทมส์ มีเรือกลไฟหลายร้อยลำ เปนเรือจ้าง ตกแต่งห้องที่นอนที่นั่งงดงามวิจิตร์บรรจง คอยรับส่งคนขึ้นล่องเทียวเล่นในลำน้ำตามสบายฝ่ายบนบกก็มีรถเทียมด้วยม้า ๆ เดี่ยวบ้าง คู่ ๑ บ้าง ๒ คู่บ้าง คอย รับจ้างคนไปมาตามถนน รถเหล่านั้นทำต่าง ๆ กัน มีฝากระจกบ้าง ไม่มีฝาบ้าง บางรถข้างในนั่งได้ ๒ คน บางรถนั่งได้ ๔ คน มีเบาะนั่ง ข้างหลัง ที่พิงก็ใส่นวมน่วมนุ่มอ่อนอุ่นเปนรถอย่างดี ยังรถอย่างอื่นเปน รถใหญ่ไม่สู้ดีนั้น นั่งข้างในได้ถึง ๑๒ คน บนหลังคาก็นั่งได้อีก หลายคน แต่รถอย่างนั้นราคาถูก ผู้ดีไม่ชอบใจไป ด้วยคนมากมาย หลายชนิด

ยังรถวิเศษอิกอย่างหนึ่ง คือรถไฟสำหรับใช้ทางไกล ไปได้ ตลอดทุกหัวเมืองที่อยู่ในเกาะเครดบริดติน ทางรถไฟนั้นทำด้วยเหล็ก เปนทางตรง ถ้าถึงภูเขาก็เจาะเปนอุโมงค์ตลอดไปจนข้างโน้น ที่เปน เนินตำ ๆ ก็ตัดเนินลงเปนทางราบเสมอดิน ถ้าถึงแม่น้ำหรือคลอง ก็ก่อตะพานศิลาข้าม ถ้าเปนที่ลุ่มก็ถมขึ้นให้ดอนเสมอ แล้วทำเปน ๒ ทางบ้าง ๔ ทางบ้างเคียงกัน ทางรถไปทาง ๑ ทางรถมาทาง ๑ ไม่ให้ร่วมทางด้วยกลัวจะโดนกัน ที่เรียกว่ารถไฟนั้นใช่จะเปนรถไฟ ทุกรถหามิได้ เปนรถไฟอยู่รถเดียวแต่รถหน้า แล้วลากรถอื่นไปได้ ถึง ๒๐ รถเศษ บางทีถ้าจะไปเร็วก็ลากแต่น้อยเพียง ๗ รถ ๘ รถ รถที่เดินเร็วเดินได้โมงละ ๖๐ ไมล์ คือ ๒๗๐๐ เส้นเปนกำหนด รถ เหล่านั้นมีขอเหล็กเกี่ยวต่อ ๆ กันไป แต่จัดเปน ๔ ชนิด ชนิดที่ ๑ นั้น รถคัน ๑ กั้นเปน ๓ ห้อง ๆ นั่งได้ ๔ คน รวม ๓ ห้อง ๑๒ คน พร้อมด้วยฟูกเบาะเมาะหมอน ทำด้วยแพรบ้าง บางทีทำด้วยสักหลาดแลหนังฟอกอย่างดี ตามฝาใส่กระจกมิดชิดไม่ให้ลมเข้าได้ ข้างใน มีมุลี่แพรสำหรับบังแดด รถที่ ๒ ก็ทำเปน ๓ ห้องเหมือนกัน แต่ห้อง หนึ่งนั่งได้ ๖ คน ที่ทางไม่สู้งามเหมือนรถที่ ๑ ยังมีรถที่ ๓ เปนรถเร็ว ไม่ได้กั้นห้อง รถคันหนึ่งมีอยู่แต่ห้องเดียว คนนั่งได้กว่า ๒๐ คน ปนปะคละกันไป เก้าอี้ข้างในก็ไม่มีเบาะหมอน แลไม่สู้สอาดงดงาม อีก รถที่ ๔ นั้นสำหรับบรรทุกของแลสัตว์มีม้าแลวัวเปนต้น ในขณะรถไฟ เดินอยู่นั้นจะมีคนมายืนอยู่หรือต้นไม้อันใดที่อยู่ริมทางก็ดี คนที่อยู่บนรถ จะดูว่าคนผู้ใดต้นอะไรก็ดูไม่ทันรู้จักชัด ด้วยรถไฟเร็วนัก

ตามข้างทางที่รถไฟไปมีเสายาว ๖ ศอก ปักห่างกันประมาณ ๓๐ วา บนปลายเสาใส่ลวดไฟฟ้าล่ามตลอดไปทุกหัวเมืองที่อยู่ใน ประเทศเกาะเครดบริดติน ไฟฟ้าอย่างนั้นภาษาอังกฤษเรียกว่าเตลคราฟสำหรับบอกเหตุการณ์กิจธุระสิ่งใดได้โดยรวดเร็ว แต่ต้องเสียเงินให้ แก่เจ้าของ ถ้าผู้ซึ่งอยู่ต่างบ้านต่างเมืองทางไกลกัน เหมือนกรุงเทพ ฯ ขึ้นไปเมืองนครราชสิมา แม้จะบอกความข้อใดข้อหนึ่งไปให้คนที่อยู่ เมืองโน้นรู้แล้ว คนข้างโน้นจะบอกตอบมาได้โดยเร็ว เหมือนเรานั่งพูด กันเล่นในที่ใกล้ แต่เราจะบอกเองไม่ได้ ต้องบอกความแก่ผู้รักษา อยู่ที่ต้นลวด ผู้รักษานั้นก็ทำตามลัทธิที่เคยทำ ถ้าคนอยู่ข้างโน้นจะ ตอบมาประการใด ก็ต้องบอกแก่ผู้รักษาข้างโน้นเหมือนกัน ข้างโน้นตอบมาแล้ว ผู้รักษาข้างนี้จึงบอกแก่เราให้แจ้ง การที่บอกกันไปมา ดังนั้น ถึงใครจะดูก็ไม่เข้าใจ ด้วยไม่รู้ลัทธิ ต่อคนที่ได้เรียนจึงจะรู้

ที่ในเมืองลอนดอนมีที่หลายแห่งทำเปนป่าปลูกต้นไม้ใหญ่ ใต้ต้น ตามพื้นแผ่นดินปลูกหญ้าคล้ายกับหญ้าแพรก ขึ้นเขียวสดงดงามสม่ำเสมอเหมือนปูพรม ไม่มีใครเข้าไปทำรกเรี้ยวในที่นั้นได้ แต่บรรดา ป่าทั้งนี้มีชอหมดทุกป่า คือไฮด์ปาร์กป่า ๑ ครินปาร์กป่า๑ ครินวิชปาร์ก ป่า ๑ รีเยนต์สปาร์กป่า ๑ เซนต์เยมส์ปาร์กป่า ๑ วิกโตเรียปาร์กป่า ๑ ยัง อีกที่เปนป่าเล็ก ๆ หลายแห่ง แต่ไฮด์ปาร์กนั้นเปนที่ใหญ่โต มีแม่น้ำ ด้วนอยู่ในกลางแม่น้ำ ๑ ตามริมน้ำทำเปนหาดทราย แลเลี่ยนเตียนดีดู น่าสนุกนัก น้ำในแม่น้ำนั้นขึ้นเรี่ยเปี่ยมชายหาดอยู่เปนนิจ ที่ริมตลิ่ง มีตึกอยู่แห่ง ๑ หน้าตึกมีเรือใบเรือกรรเชียงจอดไว้สำหรับให้คนเช่าไป แล่นใบ แลตีกระเชียงเที่ยวเล่นในแม่น้ำนั้น ที่ไฮด์ปาร์กเปนที่ประชุม ชายหญิงทั้งผู้ดีแลคนจน เมื่อถึงเวลาเย็นแล้วบางคนก็ขี่ม้าแลรถ บางคน ก็เดินเท้า ไปเที่ยวตากลมอากาศในป่านั้นเปนพวก ๆ บางคนเปน ชายหนุ่มก็ชักชวนผู้หญิงสาวแต่งตัวสอาดโอ่โถง ขึ้นขี่ม้าคนละม้าแล้ว ขับแข่งเปนคู่เคียงเรียงกันไป แต่ผู้หญิงอังกฤษขี่ม้าไม่คร่อมเหมือนอย่าง ผู้ชาย ขี่ไพล่ขาคล้ายกันกับผู้หญิงไทยชาวบ้านนอกขี่กระบือ แต่ขี่ดี ไม่ใคร่จะตก ถึงม้าจะห้อหกทำพยศต่าง ๆ ก็ขี่ได้

คนที่เปนขุนนางแลเศรษฐีอยู่ในประเทศนั้น บางคนก็ชอบใจเที่ยวยิงสัตว์ จึงซื้อที่ปลูกต้นไม้ทำเปนป่าแล้วล้อมรั้วเอาสัตว์ที่ไม่ดุร้าย เหมือนอย่างเนื้อแลกระต่ายปล่อยไว้ในนั้น แล้วไปเที่ยวยิงเล่นตาม สบาย บางทีก็ไปขี่ม้ายิงนกตามท้องนาบ้าง พวกที่เปนผู้ดีเหล่านั้น ถ้ายิงสัตว์ได้มาแล้ว ก็เอาไว้กินบ้างแจกจ่ายให้ปันตามพวกพ้องมิตร สหายที่รักกันบ้าง บางคนที่ยากจน ได้มาแล้วก็เอาไปขายที่ตลาด

ในตลาดนั้นมีเนื้อสัตว์หลายอย่าง คือเนื้อวัว เนื้อสมัน เนื้อแกะ เนื้อหมู เนื้อกระต่าย เนื้อนก เนื้อห่าน เนื้อเป็ด เนื้อไก่ เนื้อเต่า แลกุ้งปลา ของทั้งนี้มีเสมอทุกวันที่ในท้องตลาด ถ้าหยากกินเมื่อไร ก็ซื้อได้ แต่ผลไม้มีน้อยอย่าง ไม่มากเหมือนเมืองไทย บรรดา ของกินทุกสิ่งราคาแพงนัก ถ้าจะเลี้ยงโต๊ะสักครั้งหนึ่งก็เสียเงินหลายชั่งจึงจะพอ


(๑) ตั้งแต่ทูตไทยไปถึง รัฐบาลอังกฤษให้หมอคน ๑ ชื่อตวีดี เปนผู้คอยดูแล รักษาไข้เจ็บของพวกทูต หมอคนนี้ทำความเห็นยื่นรัฐบาลว่า ตั้งแต่เข้าฤดูหนาวพวกไทย ไม่ใคร่สบาย อยู่ช้าไปเกรงจะทนหนาวไม่ได้ จึงกำหนดวันให้กลับ เรื่องนี้มีพวกที่ไป ในกองทูตคราวนั้นเล่าว่า ใครไปเจ็บลงคน ๑ หมอฝรั่งมาตรวจว่าเพราะทนหนาวไม่ได้ เกรงจะเปนอันตราย พอหมอไปแล้วไทยที่เปนคนใช้คน ๑ ลุกขึ้นเปลื้องเสอผ้า นุ่งแต่ กังเกงชั้นใน ว่าไม่เห็นหนาวอะไร อยู่ในเมืองไทยหนาวกว่านั้นอิก อนึ่งปรากฎว่า เมื่อก่อนทูตจะออกจากลอนดอน ได้ไปส่งก๊าดเยี่ยมเอกอรรค ราชทูตฝรั่งเศส แลเอกอรรคราชทูตเตอรกีด้วย

(๒) ขาทูตกลับมีทหารแห่เหมือนขาไป

(๓) ที่เรียกว่าพวกอำเภอตรงนี้ คือโปลิศ เวลานั้นในกรุงเทพ ฯ ยังไม่ได้จัดตั้ง โปลิศ จึงไม่เรียกในที่นี้


 

งานนี้เป็นสาธารณสมบัติ เนื่องจากต้องด้วยหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗

  • (๑) เป็นภาพถ่าย โสตทัศนวัสดุ ภาพยนตร์ สิ่งบันทึกเสียง หรืองานแพร่เสียงแพร่ภาพ ที่มีอายุมากกว่าหรือเท่ากับห้าสิบปี นับแต่วันสร้างสรรค์ขึ้นครั้งแรก (หรือวันที่มีการเผยแพร่งานครั้งแรก) แล้วแต่ว่ากรณีใดปรากฏก่อน
  • (๒) เป็นงานศิลปประยุกต์ ที่มีอายุมากกว่าหรือเท่ากับยี่สิบห้าปี นับแต่วันสร้างสรรค์หรือเผยแพร่ครั้งแรก
  • (๓) เป็นงานโดยผู้ไม่เปิดเผยชื่อหรือผู้ใช้นามแฝง ที่มีอายุมากกว่าหรือเท่ากับห้าสิบปี นับแต่วันสร้างสรรค์หรือเผยแพร่ครั้งแรก
  • (๔) เป็นงานในหมวดหมู่อื่น ๆ ที่ไม่เข้าเกณฑ์ข้างต้น และผู้สร้างสรรค์คนสุดท้ายถึงแก่ความตายมากว่าห้าสิบปีแล้ว
  • (๕) เป็นกรณีที่ผู้สร้างสรรค์งานนี้ไม่ปรากฏ ผู้สร้างสรรค์งานนี้เป็นนิติบุคคล หรือตายก่อนการเผยแพร่งาน ประกอบกับงานนี้มีอายุอย่างน้อยห้าสิบปี นับแต่วันเผยแพร่งานครั้งแรก