จดหมายเหตุเรื่องทูตไทยไปประเทศอังกฤษ/ตอนที่ 5

ตอนที่ ๕ ว่าด้วยราชทูตนำพระราชสาส์นขึ้นไปเฝ้ากวีน

แก้ไข

วันพฤหัสบดี เดือนอ้ายขึ้น ๓ ค่ำเวลาเช้า ๕ โมงเศษ มิศเตอร์เฟาล์ กัปตันเกลเวอริง ๒ นายมาเชิญราชทูตทั้ง ๓ หม่อม ราโชไทย จมื่นราชามาตย์ นายพิจารณ์สรรพกิจ ขุนจรเจนทเล ขุนปรีชาชาญสมุท ๘ คนพร้อมกัน ราชทูตก็เชิญพระราชสาส์น ขึ้นรถเทียมม้า ๓ รถไปจากโฮเต็ลทางไมล์หนึ่ง คือ ๔๕ เส้นถึงที่ รถไฟ เยนเนอรัลกัศต์เปนนายทหารใหญ่รักษาพระองค์ (๑) กับขุนนาง ฝ่ายทหารอิก ๒ คนมาคอยรับอยู่ที่นั้นด้วย จึงเชิญพวกราชทูตเข้าหยุดพักในตึก เปนที่ประทับของกวีนสักครู่หนึ่ง (๒) แล้วเชิญให้ขึ้นรถไฟ ไปทาง ๒๓ ไมล์ คือ ๑,๐๓๕ เส้นถึงที่พักใกล้วังวินด์เซอ ราชทูตลงจากรถไฟหยุดพักอยู่ที่นั้นครู่หนึ่ง แล้วเชิญพระราชสาส์นขึ้นรถ เทียมม้า มีทหารขัดกระบี่ขี่ม้านำหน้าคู่ ๑ คนขี่ม้าชักรถ ๆ ละ ๒ คน เทียมม้า ๔ ม้าทุกรถ ไปประมาณ ๕ นาฑีถึงวังวินด์เซอเปนวังสำหรับกวีนอยู่ในฤดูหนาว

เมื่อราชทูตเข้าไปถึงในวัง มีทหารปืนปลายหอกยืนคำนับอยู่ ๒ แถว ประมาณ ๓๐๐ คน พวกปี่พาทย์ ๒๒ คน (๓) แล้วเยนเนอรัลกัศต์เชิญพวกราชทูตลงจากรถขึ้นไปพักอยู่ในห้องแห่งหนึ่งบน ตึกที่กวีนเสด็จอยู่ ตึกนั้นใหญ่โตกว้างขวาง มีห้องหลายสิบห้อง กั้นลดเลี้ยวไปมาเดินถึงกันได้ตลอด เยนเนอรัลกัศต์ชวนราชทูตพูดจา อยู่จนบ่ายโมงหนึ่ง (๔) ได้ยินเสียงปี่พาทย์ประโคมขึ้น แล้วมีขุนนาง มาบอกว่า กวีนเสด็จออกแล้ว ให้เชิญราชทูตเข้าเฝ้าเถิด

เยนเนอรัลกัศต์ก็กำกับนำทูตานุทูตไปสู่ห้องที่เฝ้า เมื่อถึงประตู มีทหารแต่งตัวใส่เสื้อปักทอง ถือขวานด้ามยาวปลายเปกฤช ยืนรักษา อยู่ทั้งสองข้างประตู ราชทูตจึงเชิญพระราชสาส์นแลพระบวรราช สาส์นรวมลงพานเดียวกัน แล้วเชิญเดินเข้าไปในที่เฝ้า เมื่อถึงประตู ชั้นใน อุปทูต ตรีทูต หม่อมราโชทัย จมื่นราชมาตย์ นายพิจารณ์ สรรพกิจ ขุนจรเจนทเล ขุนปรีชาชาญสมุท ๗ คนพร้อมกันถวาย บังคม แล้วคลานตามเข้าไปจนถึงที่เฝ้า ราชทูตจึงเชิญพานพระราช สาส์นขึ้นวางบนโต๊ะที่ตั้งอยู่ตรงหน้าพระที่นั่งโธรน ห่างประมาณ ๘ ศอกแล้วคลานถอยออกมาถึงที่เฝ้าไกลกวีนประมาณ ๑๐ ศอก พร้อมกันถวายบังคม แล้วราชทูตก็อ่านคำทูลเบิกตามภาษาไทย ใจความว่า คือ คนนั้นเปนที่นั้น ๆ ได้รับพระราชโองการแลพระบวรราชโองการเชิญ พระราชสาส์นนำเครื่องมงคลราชบรรณาการ แต่พระเจ้ากรุงสยาม ทั้งสองพระองค์ ออกมาจำเริญทางพระราชไมตรีในพระเจ้ากรุงลอนดอน ครั้นจบ มิศเตอร์เฟาล์จึงอ่านคำที่แปลออกจากไทยเปนภาษาอังกฤษถวายจนจบสิ้นข้อความ แล้วพวกราชทูตพร้อมกันถวายบังคมอีกครั้งหนึ่งราชทูตจึงคลานไปเชิญพานพระราชสาส์นซึ่งตั้งไว้บนโต๊ะ เดินเข้าไป ถึงหน้าพระที่นั่งโธรน แล้วคุกเข่าชูพานพระราชสาส์นขึ้นถวาย กวีน ก็รับเอาด้วยพระหัตถ์วางไว้ริมพระองค์ ราชทูตก็คลานถอยออกมา พร้อมกันถวายบังคมอีกครั้งหนึ่ง

กวีนจึงทรงอ่านคำตอบ ใจความว่าเรามีความยินดีในการที่รับราชทูตซึ่งมาแต่พระเจ้ากรุงสยามทั้งสองพระองค์ เราหมายใจว่าพระองค์ จะเป็นที่ยั่งยืน ด้วยเราเห็นราชทูตนั้นเหมือนเปนของสำคัญแห่งไมตรี ของพระเจ้ากรุงสยามทั้งสองพระองค์ แลหมายว่าพระองค์ท่านทั้งสอง จะเปนญาติสัมพันธมิตรรักษาอาณาจักรแลราษฏรให้ดียิ่งขึ้นไป จึงได้เปลี่ยนทำหนังสือสัญญาแก่เรา เราก็เอาใจใส่มาก ด้วยหมายว่า หนังสือสัญญาที่ทำใหม่นี้จะให้เปนที่มั่นคงในทางพระราชไมตรี แลมี คุณยิ่งขึ้นไปทั้งสองพระนคร แลลูกค้าวานิชได้ค้าขายต่อกันทั้งสองฝ่าย อนึ่งเรายินดีนัก ด้วยรู้ว่าพวกขุนนางที่ให้ไปรับท่านทั้งปวง ได้เอาใจ ใส่ในพวกราชทูตให้มีความสุขจนตลอดถึงเมืองอังกฤษ โดยความ ชอบธรรม

ครั้นทรงอ่านจบแล้วส่งให้เลอรด์กลาเรนดอนเอามาประทานราชทูตแล้วรับสั่งให้บอกว่า กวีนมีพระทัยยินดีที่ได้รับเครื่องราชบรรณาการ แลพระราชสาส์นของพระเจ้ากรุงสยามทั้งสองพระองค์นั้น ขอบพระทัย นัก ราชทูตยังไม่ทันทูลตอบประการใด เลอรด์กลาเรนดอนจึงบอกว่า เวลานี้เสด็จออกรับแขกเมืองเปนการยศ ซึ่งพูดจาพิดทูลสิ่งใดของด ไว้ก่อน ยังจะโปรดให้เฝ้าอิก จึงค่อยพิดทูลต่อภายหลัง วันนี้เชิญ กลับไปก่อนเถิด พวกราชทูตพร้อมกันถวายบังคมแล้วคลานถอยหลัง ออกมาจากที่เฝ้า

แลเมื่อกวีนเสด็จออกรับราชทูตนั้น ทรงเครื่องประดับแล้วไป ด้วยเพ็ชร แต่เพ็ชรใหญ่ที่เลื่องฦๅ (๕) ทำเปนเครื่องห้อยพระสอ ริมพระกรรณซ้ายขวาเสียบดอกไม้เพ็ชร มีระย้าห้อยลงมาถึงพระอังษา ทรงฉลองพระองค์ดำ ด้วยเปนการเศร้าโศกถึงพระญาติที่ถึงแก่กรรม เมื่อเสด็จออกมีขุนนางผู้ใหญ่แลหญิงที่เปนผู้ดียืนเฝ้าอยู่ประมาณ ๓๐ คน แต่ปรินส์อาลเบิต ซึ่งเปนเจ้าราชสามี แต่งพระองค์ทรงเครื่องพร้อม อย่างนายทหาร ทรงกางเกงแดง ทรงเสื้อสักหลาดดำ (๖) ขัด พระแสงกระบี่ยืนอยู่ริมพระที่นั่งโธรนข้างซ้าย เครื่องราชบรรณาการนั้น เจ้าพนักงานจัดแจงมาตั้งเรียงถวายพร้อมทุกสิ่ง

เมื่อพวกราชทูตออกจากที่เฝ้าแล้ว เจ้าพนักงานพาไปให้กินโต๊ะที่ห้องสำหรับเลี้ยงขุนนาง(๗) โต๊ะที่เลี้ยงประมาณยาว ๗ วากว้าง ๔ ศอกเครื่องที่ใช้บนโต๊ะเปนเครื่องทองบ้างเงินบ้าง ขุนนางอังกฤษที่กินโต๊ะด้วยราชทูต ๒๗ คน ครั้นกินโต๊ะแล้วเจ้าพนักงานจึงพาราชทูตไปดู เครื่องอาวุธใหญ่น้อยต่าง ๆ ที่จัดแจงเรียบเรียงไว้ตามผนัง แล้ว กลับมาพักอยู่ในห้องที่พักเดิม เยนเนอรัลกัศต์จึงให้พวกมโหรีมาทำให้ ราชทูตฟังอยู่ประมาณ ๑๐ นาที ถึงเวลาบ่าย ๓ โมง ราชทูตก็พากันขึ้นรถไฟกลับมากลาริชโฮเต็ล

วันศุกร เดือนอ้าย ขึ้น ๔ ค่ำ ราชทูตไปหาเลอรด์กลาเรนดอน ถามไถ่การซึ่งจะไปเยี่ยมเยียนใครบ้าง เลอรด์กลาเรนดอนว่าควรจะไป หาแต่เจ้าน้าของกวีน ซึ่งเปนมารดาดุกแกมบริช กับตัวดุกแกมบริช ขุนนางนอกจากนั้นถ้ามาเยียนท่านก่อน ท่านจึงไปเยียนตอบบ้างจึงจะควรด้วย (เอกอรรค) ราชทูตเปนใหญ่ ได้เชิญพระราชสาส์นแลถือรับสั่ง มาด้วย

วันเสาร์ เดือนอ้าย ขึ้น ๕ ค่ำ พวกราชทูตพากันไปหาดัชเชส แกมบริช น้าของกวีน กับดุกแกมบริช พูดจาไถ่ถามกันตามธรรมเนียม แล้วก็ลากลับมา

(ความแทรก) เมื่อตรวจสอบระยะทางราชทูตที่หม่อมราโชไทย แต่งกับหนังสือพิมพ์อังกฤษซึ่งออกในครั้งนั้น ในตอนทูตไทยเข้าเฝ้ากวีน มีเรื่องแปลกปรากฎในหนังสือพิมพ์อังกฤษ ๒ ข้อ เห็นควรจะคัดเนื้อความ มาลงไว้ในหนังสือนี้ ไม่เห็นที่จะเอาเข้าตรงไหนเหมาะกว่า ข้าพเจ้าจึง แทรกลงตรงนี้ ความ ๒ ข้อนั้น คือว่าด้วยกิริยาที่หมอบคลานเข้าเฝ้า อย่าง ๑ กับเรื่องเลี้ยงราชทูตในห้องวอเตอรลู แคลเลอรีอิกเรื่อง ๑

เรื่องกิริยาที่ไทยหมอบคลานเข้าเฝ้ากวีน หนังสือพิมพ์อังกฤษ พากันสรรเสริญทุกฉบับ ว่าราชทูตไทยมีอัธยาศรัยซื่อตรง เคยเคารพนบนอบเจ้านายของตนอย่างไร เมื่อมาเฝ้ากวีนก็เคารพนบนอบต่อกวีนเหมือนกับเจ้านายของตน ไม่เย่อหยิ่งเหมือนกับพวกแขกอินเดียที่ไป เมืองอังกฤษ เวลาเข้าเฝ้าแหน พวกนั้นกิริยากระด้างกระเดื่อง จะ เอาอย่างฝรั่งก็ใช่ จะเอาอย่างเพศภาษาของตนก็ไม่เอา ดูไม่เปนการ เคารพนบนอบโดยเต็มใจ

เรื่องเลี้ยงทูตที่ห้องวอเตอร์ลู แคลเลอรี เมื่อเฝ้าแล้วนั้น มี หนังสือพิมพ์ในเมืองไอร์แลนด์ลงว่า กวีนเสด็จมาประทับเสวยด้วย ราชทูตไทยเอาบุหรี่ออกสูบต่อหน้าพระที่นั่ง รัฐบาลอังกฤษให้ลงพิมพ์ แก้โดยทันทีว่า ที่หนังสือพิมพ์ลงนั้นหาจริงไม่ วันนั้นกวีนไม่ได้ ประทับเสวยที่นั้น ราชทูตไทยก็ไม่ได้เอาบุหรี่ออกสูบอย่างว่า

เชิงอรรถ

แก้ไข

(๑) นายพลตรี เซอ เอดวาดคัสต์ เจ้าพนักงานการพระราชพิธี.

(๒) คือ ห้องที่ประทับที่สถานีรถไฟ.

(๓) ทหารราบรักษาพระองค์กรมสก๊อตฟสเลีย เปนกองเกียรติยศ.

(๔) ทูตพักคอยที่ในห้อง เตเปสตรี

(๕) เพ็ชรเม็ดนี้ชื่อว่า “ โกอินัวร์”

(๖) เข้าใจว่าแต่งพระองค์เครื่องยศนายพลอังกฤษ เสื้อแดงกางเกงดำ เจ้านายที่ออกแขกเมืองวันนั้น นอกจากปรินส์อาลเบิต ยังมีปรินส์เซสรอแยล พระราชธิดาพระองค์ใหญ่ กับปรินส์เฟรดเดอริกวิลเลียม กรุงปรุสเซีย ที่ภายหลังเปน เอมเปอเรอเฟรเดอริก เวลานั้นจะไปทำงานวิวาหะกับราชธิดาพระองค์ใหญ่

(๗) ห้องที่เลี้ยง เรียก “ วอเตอลู แคลเลอรี “


 

งานนี้เป็นสาธารณสมบัติ เนื่องจากต้องด้วยหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗

  • (๑) เป็นภาพถ่าย โสตทัศนวัสดุ ภาพยนตร์ สิ่งบันทึกเสียง หรืองานแพร่เสียงแพร่ภาพ ที่มีอายุมากกว่าหรือเท่ากับห้าสิบปี นับแต่วันสร้างสรรค์ขึ้นครั้งแรก (หรือวันที่มีการเผยแพร่งานครั้งแรก) แล้วแต่ว่ากรณีใดปรากฏก่อน
  • (๒) เป็นงานศิลปประยุกต์ ที่มีอายุมากกว่าหรือเท่ากับยี่สิบห้าปี นับแต่วันสร้างสรรค์หรือเผยแพร่ครั้งแรก
  • (๓) เป็นงานโดยผู้ไม่เปิดเผยชื่อหรือผู้ใช้นามแฝง ที่มีอายุมากกว่าหรือเท่ากับห้าสิบปี นับแต่วันสร้างสรรค์หรือเผยแพร่ครั้งแรก
  • (๔) เป็นงานในหมวดหมู่อื่น ๆ ที่ไม่เข้าเกณฑ์ข้างต้น และผู้สร้างสรรค์คนสุดท้ายถึงแก่ความตายมากว่าห้าสิบปีแล้ว
  • (๕) เป็นกรณีที่ผู้สร้างสรรค์งานนี้ไม่ปรากฏ ผู้สร้างสรรค์งานนี้เป็นนิติบุคคล หรือตายก่อนการเผยแพร่งาน ประกอบกับงานนี้มีอายุอย่างน้อยห้าสิบปี นับแต่วันเผยแพร่งานครั้งแรก