คำนำ

ในการฌาปนกิจศพนายอาจิณ ลิมปิชาติ ณวัดมกุฏกษัตริยาราม วันที่ 27 กันยายน 2491 นางจือ ลิมปิชาติ ผู้มารดา และพลตำรวจโท หลวงชาติตระการโกศล ผู้พี่ เป็นเจ้าภาพ บอกความประสงค์มายังกรมศิลปากรขอเรื่องหนังสือสำหรับพิมพ์แจกเป็นมิตรพลีแก่ผู้ที่ไปในงานนี้สักเรื่องหนึ่ง และใคร่จะได้เรื่องที่เนื่องด้วยจังหวัดนครศรีธรรมราช เพราะเป็นชาติภูมิของผู้วายชนม์ กรมศิลปากรเห็นว่า ถ้าพิมพ์เรื่องตำนานเมืองนครศรีธรรมราชจะเหมาะ ด้วยเป็นเรื่องเก่า ต้นฉะบับเดิมเป็นสมุดไทยชำรุดคร่ำคร่า เขียนด้วยเส้นหมึกดำ เป็นอักษรไทยย่อ ลบเลือนหลายแห่ง เคยตีพิมพ์ครั้งหนึ่งแล้ว แต่ยังไม่สู้แพร่หลาย หากตีพิมพ์ขึ้นอีกครั้งหนึ่ง จะเป็นประโยชน์แก่ผู้สนใจในประวัติศาสตร์ และเป็นการช่วยรักษาเรื่องราวสมัยโบราณอันเป็นสมบัติของชาติไว้ให้ยั่งยืนสืบไป จึงแนะนำให้พิมพ์หนังสือเรื่องนี้ ซึ่งเจ้าภาพก็เห็นชอบด้วย และขอรับฉะบับไปพิมพ์ดังปรากฏในสมุดนี้

เรื่องตำนานเมืองนครศรีธรรมราชนี้ ถ้าอ่านกันธรรมดา ก็อาจนึกว่า เป็นนิยายนิทานก็ได้ แต่ถ้าอ่านด้วยพินิจพิเคราะห์ จะเห็นว่า ไม่ใช่นิทานธรรมดา คงเป็นเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ครั้งโบราณ มีผู้เล่าสืบต่อปากคำกันมา ที่มีผู้จดปะติดปะต่อไว้ได้เท่านี้ ก็น่าจะขอบใจผู้จดบันทึกอย่างมาก เพราะถ้าไม่จดเอาไว้ ป่านนี้เรื่องก็คงสูญเสียแล้ว

ข้อที่ว่า เกี่ยวกับเรื่องเหตุการณ์ซึ่งเกิดขึ้นในสมัยโบราณ คือ ตอนที่ว่า พระพุทธสิหิงค์เสด็จมาจากเมืองลังกา ก็ตรงกับตำนานพระพุทธสิหิงค์ และมีตอนหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่า เมืองอู่ทองกับเมืองนครศรีธรรมราชเป็นไปมตรีกัน คือ ตอนที่พระเจ้าอู่ทองกับพระเจ้าศรีธรรมโศกราชมาพบกัน และแบ่งเขตต์แดนเมืองทั้งสอง โดยพระเจ้าอู่ทองชี้ว่า ตั้งแต่เทียมแท่นศิลาไป ฝ่ายใต้เป็นดินแดนของพระเจ้านครศรีธรรมราช ส่วนทางฝ่ายทิศเหนือนั้นเป็นแดนของพระองค์ ดั่งนี้ และมีอีกตอนหนึ่งว่า หลานของพระเจ้าศรีธรรมโศกราชแยกออกไปตั้งอยู่ณเมืองเพ็ชรบุรี จึงทำให้เข้าใจว่า เขตต์แดนเมืองอู่ทองกับเมืองนครศรีธรรมราชคงจะต่อกันที่เมืองเพ็ชรบุรี เช่นนี้เป็นต้น และยังมีข้อความอื่น ๆ ที่เมื่ออ่านโดยพินิจพิเคราะห์แล้ว อาจจะได้ความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์และโบราณคดีมาก

กรมศิลปากรขออนุโมทนาในกุศลสาธารณประโยชน์ซึงเจ้าภาพพิมพ์หนังสือนี้แจกให้แพร่หลาย และหวังใจว่า หนังสือนี้จะสำเร็จประโยชน์แก่ผู้รับไปอ่านตามสมควร

  • กรมศิลปากร
  • 22 กันยายน 2491