ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๓๑๗
ฉบับที่ ๓๑๗
โดยที่ได้มีประกาศของคณะปฏิวัติให้จัดตั้งการเคหะแห่งชาติขึ้นเพื่อรับผิดชอบดำเนินงานให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัย และให้โอนบรรดาทรัพย์สิน หนี้สิน และสิทธิต่าง ๆ ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ในส่วนที่เกี่ยวกับการให้เช่าซื้อที่ดินหรืออาคารแก่ผู้ไม่มีที่อยู่อาศัยของตนเองให้แก่การเคหะแห่งชาติแล้วนั้น คณะปฏิวัติเห็นสมควรปรับปรุงกิจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ให้สอดคล้องและประสานกับกิจการของการเคหะแห่งชาติในการนี้จะเป็นต้องแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติธนาคารอาคารสงเคราะห์ พ.ศ. ๒๔๙๖ หัวหน้าคณะปฏิวัติจึงมีคำสั่งดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้ยกเลิกบทนิยามคำว่า ที่ดิน และ อาคาร ในมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติธนาคารอาคารสงเคราะห์ พ.ศ. ๒๔๙๖ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
ที่ดิน หมายความว่า ที่ดินที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัย หรือที่เกี่ยวเนื่องกับการอยู่อาศัย
อาคาร หมายความว่า สิ่งปลูกสร้างที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัย หรือที่เกี่ยวเนื่องกับการอยู่อาศัย หรือเพื่อประโยชน์ในการอยู่อาศัย
ข้อ ๒ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติธนาคารอาคารสงเคราะห์ พ.ศ. ๒๔๙๖ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
มาตรา ๕ ให้จัดตั้งธนาคารขึ้นเรียกว่า ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เพื่อส่งเสริมการนำเงินไปลงทุนเกี่ยวกับการจัดให้มีอาคารและหรือที่ดินตามบทแห่งพระราชบัญญัตินี้ และให้ธนาคารนี้เป็นนิติบุคคล
ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๑๐ แห่งพระราชบัญญัติธนาคารอาคารสงเคราะห์ พ.ศ. ๒๔๙๖ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
มาตรา ๑๐ กำไรสุทธิส่วนที่เหลือภายหลังที่ได้หักตามความในมาตรา ๘ แล้วให้สะสมไว้สำหรับใช้ในกิจการของธนาคาร
ข้อ ๔ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๑๓ แห่งพระราชบัญญัติธนาคารอาคารสงเคราะห์ พ.ศ. ๒๔๙๖ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
มาตรา ๑๓ ให้มีคณะกรรมการธนาคารคณะหนึ่งประกอบด้วยประธานกรรมการหนึ่งคน และกรรมการอื่นมีจำนวนไม่น้อยกว่าสี่คนแต่ไม่เกินเจ็ดคน ในจำนวนนี้ให้มีกรรมการเคหะแห่งชาติหนึ่งคน และผู้แทนกระทรวงการคลังหนึ่งคน ให้ผู้จัดการเป็นกรรมการโดยตำแหน่งประธานกรรมการ กรรมการ และผู้จัดการต้องเป็นผู้มีสัญชาติไทยและให้คณะรัฐมนตรีเป็นผู้แต่งตั้ง
ข้อ ๕ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๑๔ แห่งพระราชบัญญัติธนาคารอาคารสงเคราะห์ พ.ศ. ๒๔๙๖ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
มาตรา ๑๔ ผู้มีลักษณะดังต่อไปนี้ ต้องห้ามมิให้เป็นประธานกรรมการหรือกรรมการ คือ
(๑) มีส่วนได้เสียในสัญญากับธนาคารหรือในกิจการที่กระทำให้แก่ธนาคาร ทั้งนี้ไม่ว่าโดยตรงหรือโดยทางอ้อม เว้นแต่จะเป็นเพียงผู้ถือหุ้นเพื่อประโยชน์ในการลงทุนโดยสุจริตในบริษัทจำกัดที่กระทำการอันมีส่วนได้เสียเช่นว่านั้น
(๒) เป็นพนักงานธนาคาร
(๓) เป็นหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลาย
ข้อ ๖ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติธนาคารอาคารสงเคราะห์ พ.ศ. ๒๔๙๖ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
มาตรา ๑๕ ให้ประธานกรรมการและกรรมการ ดำรงตำแหน่งสองปีประธานกรรมการและกรรมการที่พ้นจากตำแหน่งตามวาระจะแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอีกก็ได้
ข้อ ๗ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติธนาคารอาคารสงเคราะห์ พ.ศ. ๒๔๙๖ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
มาตรา ๑๗ ให้คณะกรรมการธนาคารมีอำนาจหน้าที่กำกับ ควบคุมและอำนวยกิจการของธนาคาร อำนาจหน้าที่เช่นว่านี้ให้รวมถึง
(๑) ดำเนินกิจการตามมาตรา ๒๗
(๒) วางข้อบังคับการประชุมและการดำเนินกิจการของคณะกรรมการธนาคารและคณะกรรมการบริหาร
(๓) วางข้อบังคับว่าด้วยระเบียบปฏิบัติงานของพนักงานธนาคาร
(๔) วางข้อบังคับเกี่ยวกับการดำเนินงานของธนาคาร
(๕) แต่งตั้งและถอดถอนพนักงานธนาคาร และกำหนดอัตราเงินเดือนผู้จัดการและพนักงานธนาคาร ตลอดจนเรียกประกันจากพนักงานธนาคารเพื่อจะได้ปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริตข้อบังคับตาม (๓) และ (๔) และการกำหนดอัตราเงินเดือนผู้จัดการและพนักงานธนาคาร ต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรี
ข้อ ๘ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๑๘ แห่งพระราชบัญญัติธนาคารอาคารสงเคราะห์ พ.ศ. 2496 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
มาตรา ๑๘ ในการปฏิบัติหน้าที่ ให้คณะกรรมการธนาคารดำเนินตามนโยบายซึ่งรัฐมนตรีกำหนด
ข้อ ๙ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๒๑ แห่งพระราชบัญญัติธนาคารอาคารสงเคราะห์ พ.ศ. ๒๔๙๖ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
มาตรา ๒๑ คณะกรรมการธนาคารมีอำนาจแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารคณะหนึ่ง ประกอบด้วยผู้จัดการและกรรมการอย่างน้อยสองคนแตไม่เกินสี่คน ในจำนวนนี้ให้มีกรรมการเคหะแห่งชาติหนึ่งคนให้คณะกรรมการธนาคารเลือกตั้งกรรมการบริหารคนหนึ่งเป็นประธานกรรมการบริหารให้ผู้ที่ได้รับเลือกตั้งเป็นกรรมการบริหารดำรงตำแหน่งหนึ่งปีและอาจได้รับเลือกตั้งใหม่ได้ แต่การดำรงตำแหน่งจะต้องสิ้นสุดลง ในเมื่อออกจากตำแหน่งกรรมการธนาคาร
ข้อ ๑๐ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๒๓ แห่งพระราชบัญญัติธนาคารอาคารสงเคราะห์ พ.ศ. 2496 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
มาตรา ๒๓ ให้ผู้จัดการมีอำนาจหน้าที่ตามที่คณะกรรมการธนาคารหรือคณะกรรมการบริหารจะมอบหมาย และให้ได้รับเงินเดือนตามที่คณะกรรมการธนาคารกำหนดในกิจการที่เกี่ยวกับบุคคลภายนอก ผู้จัดการเป็นผู้แทนธนาคารเพื่อการนี้ผู้จัดการจะมอบอำนาจให้พนักงานของธนาคารผู้ใดปฏิบัติกิจการใดแทนก็ได้ แต่ทั้งนี้ต้องเป็นไปตามข้อบังคับของธนาคาร
ข้อ ๑๑ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๒๗ แห่งพระราชบัญญัติธนาคารอาคารสงเคราะห์ พ.ศ. 2496 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
มาตรา ๒๗ เพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามบทแห่งพระราชบัญญัตินี้ให้ธนาคารประกอบธุรกิจเพื่อส่งเสริมและช่วยเหลือให้นำเงินไปลงทุนเกี่ยวกับการจัดให้มีอาคารและหรือที่ดินต่อไปนี้
(1) ให้กู้ยืมเพื่อประโยชน์ดังต่อไปนี้
(ก) เพื่อผู้กู้จักได้ใช้ซื้อที่ดินหรืออาคารเป็นของตนเอง
(ข) เพื่อผู้กู้จักได้ใช้สำหรับสร้าง ขยายหรือซ่อมแซม
อาคารของตนเอง
(ค) เพื่อผู้กู้จักได้ใช้ไถ่ถอนจำนองอันผูกพันที่ดินหรืออาคาร
ของตนเอง
(ง) เพื่อผู้กู้จักได้ใช้ไถ่ถอนซึ่งการขายฝากที่ดินหรืออาคาร
ของตนเอง
(จ) เพื่อผู้กู้จักได้ใช้ในการลงทุนจัดกิจการและ
(2) รับจำนำหรือจำนองทรัพย์สินเพื่อเป็นประกันเงินกู้ยืม
(3) รับฝากเงินที่ต้องจ่ายคืนเมื่อทวงถาม หรือเมื่อสิ้นระยะเวลา
อันกำหนดไว้
(4) กิจการอันพึงเป็นงานธนาคารตามที่จะมีพระราชกฤษฎีกากำหนดไว้
ทั้งนี้ให้ประกอบได้ตามข้อกำหนดและเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง'
ข้อ 12 ให้ยกเลิกความในมาตรา 30 แห่งพระราชบัญญัติ
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ พ.ศ. 2496
ข้อ 13 ให้ยกเลิกความในข้อ 34 แห่งพระราชบัญญัติ
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ พ.ศ. 2496 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
`มาตรา 34 ทุกปี ให้คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินเป็นผู้สอบ
บัญชีธนาคาร'
ข้อ 14 ให้ยกเลิกความในมาตรา 36 และมาตรา 37
แห่งพระราชบัญญัติธนาคารอาคารสงเคราะห์ พ.ศ. 2496
ข้อ 15 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา 38 ทวิ แห่ง
พระราชบัญญัติธนาคารอาคารสงเคราะห์ พ.ศ. 2496
`มาตรา 38 ทวิ ให้ธนาคารจัดให้มีกองทุนสงเคราะห์หรือการ
สงเคราะห์อื่น ๆ เพื่อสวัสดิการของผู้ปฏิบัติงานในธนาคารและครอบครัว
ตามข้อบังคับที่คณะกรรมการธนาคารวางไว้'
ข้อ 16 ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด
หกสิบวันนับแต่วันวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
จอมพล ถ. กิตติขจร
หัวหน้าคณะปฏิวัติ
งานนี้ไม่มีลิขสิทธิ์ เพราะเป็นงานตาม แม่แบบผิดพลาด: โปรดระบุประเภทของงานนี้ (ดูวิธีใช้) แห่งพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ของประเทศไทย ซึ่งบัญญัติว่า
- "มาตรา 7 สิ่งต่อไปนี้ไม่ถือว่าเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัตินี้
- (1)ข่าวประจำวัน และข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่มีลักษณะเป็นเพียงข่าวสาร อันมิใช่งานในแผนกวรรณคดี แผนกวิทยาศาสตร์ หรือแผนกศิลปะ
- (2)รัฐธรรมนูญ และกฎหมาย
- (3)ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คำสั่ง คำชี้แจง และหนังสือโต้ตอบของกระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐหรือของท้องถิ่น
- (4)คำพิพากษา คำสั่ง คำวินิจฉัย และรายงานของทางราชการ
- (5)คำแปลและการรวบรวมสิ่งต่าง ๆ ตาม (1) ถึง (4) ที่กระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐหรือของท้องถิ่น จัดทำขึ้น"