ประชุมกฎหมายประจำศก/เล่ม 54/ภาค 1/เรื่อง 6

พระราชบัญญัติ
ชื่อบุคคล พุทธศักราช ๒๔๘๔

ในพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล
คณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
(ตามประกาศประธานสภาผู้แทนราษฎร
ลงวันที่ ๔ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๔๘๐)
อาทิตย์ทิพอาภา
พล.อ. พิชเยนทรโยธิน
ตราไว้ ณ วันที่ ๑๐ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๔๘๔
เป็นปีที่ ๘ ในรัชชกาลปัจจุบัน

โดยที่สภาผู้แทนราษฎรลงมติว่า สมควรปรับปรุงบทบัญญัติในเรื่องชื่อบุคคลให้เหมาะสมแก่กาลสมัย

จึ่งมีพระบรมราชโองการให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของสภาผู้แทนราษฎร ดั่งต่อไปนี้

มาตราพระราชบัญญัตินี้ให้เรียกว่า "พระราชบัญญัติชื่อบุคคล พุทธศักราช ๒๔๘๔"

มาตราให้ใช้พระราชบัญญัติตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตราให้ยกเลิกบรรดากฎหมาย กฎ และข้อบังคับอื่น ๆ ในส่วนที่มีบัญญัติไว้แล้วในพระราชบัญญัตินี้ หรือซึ่งแย้งกับบทแห่งพระราชบัญญัตินี้

มาตราในพระราชบัญญัตินี้

"ชื่อตัว" หมายความว่า ชื่อประจำตัวบุคคล

"ชื่อรอง" หมายความว่า ชื่อประกอบถัดจากชื่อตัว

"ชื่อสกุล" หมายความว่า ชื่อประจำวงศ์สกุล

"รัฐมนตรี" หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

มาตราบุคคลต้องมีชื่อตัวและชื่อสกุล และถ้าประสงค์จะมีชื่อรอง ก็ให้มีได้

มาตราการตั้งชื่อตัวหรือชื่อรองนั้น จะต้องไม่มุ่งหมายให้พ้องหรือคล้ายคลึงกับราชทินนามหรือชื่อสกุลของผู้อื่น

มาตราผู้ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ออกจากบรรดาศักดิ์ จะใช้ราชทินนามเป็นชื่อรองก็ได้

มาตราชื่อสกุลนั้น

(๑)อย่าให้พ้องหรือมุ่งหมายให้คล้ายคลึงกับพระนามพระบรมวงศานุวงศ์ตั้งแต่ชั้นพระองค์เจ้าขึ้นไป

(๒)อย่าให้พ้องหรือมุ่งหมายให้คล้ายคลึงกับราชทินนาม

(๓)อย่าให้มีคำหรือความหมายหยาบคาย

(๔)อย่าให้ต้องเขียนเกินกว่าสิบพยัญชนะ เว้นแต่ในกรณีที่ใช้ราชทินนามเป็นชื่อสกุลตามความในมาตรา ๑๘

(๕)อย่าให้ซ้ำกับชื่อสกุลซึ่งได้จดทะเบียนไว้แล้ว

มาตราครอบครัวใดยังไม่มีชื่อสกุล ให้หัวหน้าครอบครัวนั้นเลือกชื่อใดชื่อหนึ่งเป็นชื่อสกุล แล้วยื่นคำขอจดทะเบียนต่อกรมการอำเภอ ณ ที่ว่าการอำเภอท้องที่ซึ่งผู้ขอมีภูมิลำเนา

ให้กรมการอำเภอออกประกาศให้สาธารณชนในท้องถิ่นทราบ มีกำหนดสิบห้าวัน แล้วจึงเสนต่อไปตามลำดับ พร้อมด้วยคำคัดค้าน ถ้ามี

เมื่อได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีให้ใช้ชื่อสกุลนั้นได้แล้ว ให้กรมการอำเภอจดทะเบียนชื่อสกุลนั้น และออกหนังสือแสดงการรับจดทะเบียนให้แก่ผู้ขอ

มาตรา๑๐ชื่อสกุลที่ได้จดทะเบียนแล้วนั้น ให้ใช้เป็นชื่อสกุลของผู้สืบสาโลหิตในสกุลนั้น

มาตรา๑๑หัวหน้าครอบครัวที่ได้จดทะเบียนชื่อสกุลไว้แล้ว จะอนุญาตให้พี่หรือน้องร่วมบิดาเดียวกันใช้ชื่อสกุลนั้นก็ได้

มาตรา๑๒หัวหน้าครอบครัวใดยังไม่มีชื่อสกุล ย่อมมีสิทธิใช้ชื่อสกุลซึ่งหัวหน้าครอบครัวที่เป็นพี่ชายหรือน้องชายร่วมบิดาเดียวกับตนได้จดทะเบียนไว้แล้วนั้นได้

มาตรา๑๓หญิงมีสามี ให้ใช้ชื่อสกุลของสามี

มาตรา๑๔เมื่อบิดาของบุคคลใดไม่ปรากฏอยู่ชั่วกาลใด บุคคลนั้นจะใช้ชื่อสกุลฝ่ายมารดาชั่วกาลนั้นก็ได้

มาตรา๑๕ผู้ปกครองโรงพยาบาลหรือสถานที่รับเลี้ยงดูเด็กอาจขอจดทะเบียนชื่อสกุลเพื่อให้บรรดาเด็กที่ไม่ปรากฏนามบิดมารดาในโรงพยาบาลหรือสถานที่รับเลี้ยงดูเด็กนั้นใช้ก็ได้

มาตรา๑๖การเปลี่ยนชื่อตัว ชื่อรอง หรือชื่อสกุลของตน หรือของผู้ที่อยู่ในความปกครอง ความอนุบาล หรือความพิทักษ์ของตน จะกระทำได้ก็ต่อเมื่อได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรี

มาตรา๑๗การเปลี่ยนชื่อตัว ชื่อรอง หรือชื่อสกุล ให้ยื่นคำร้องขอเปลี่ยนต่อกรมการอำเภอ ณ ที่ว่าการอำเภอท้องที่ซึ่งผู้ยื่นคำร้องมีภูมิลำเนา พร้อมด้วยเหตุผล

ในกรณีการขอเปลี่ยนชื่อสกุลนั้น ให้กรมการอำเภอออกประกาศให้สาธารณชนในท้องถิ่นทราบ มีกำหนดสิบห้าวัน แล้วจึงเสนอต่อไปตามลำดับ พร้อมด้วยคำคัดค้าน ถ้ามี

มาตรา๑๘ผู้ใดประสงค์จะขอใช้ราชทินนามของตนทั้งหมดหรือแต่บางส่วนเป็นชื่อสกุล ให้ยื่นเรื่องราวต่อรัฐมนตรีเพื่อถวายต่อพระมหากษัตริย์ ถ้าได้รับพระบรมราชานุญาตและได้นำหลักฐานไปจดทะเบียนต่อกรมการอำเภอ ณ ที่ว่าการอำเภอท้องที่ซึ่งผู้ยื่นเรื่องราวมีภูมิลำเนาแล้ว จึงให้ถือว่า เป็นชื่อสกุลอันชอบด้วยกฎหมาย

มาตรา๑๙ให้เรียกค่าธรรมเนียมแก่ผู้ที่ร้องขอเปลี่ยนชื่อสกุลใหม่ตามอัตราที่กำหนดในกฎกระทรวง แต่ไม่เกินรายละสิบบาท

มาตรา๒๐การใช้ชื่อบุคคลในัหนังสือราชการนั้น ให้ใช้ชื่อตัว ชื่อรอง ถ้ามี และชื่อสกุล ประกอบกัน เว้นแต่ในกรณีที่บุคคลมีราชทินนาม

มาตรา๒๑ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรักษาการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจออกกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมและกำหนดกิจการอย่างอื่นเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้

กฎกระทรวงนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ให้ใช้บังคับได้

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พิบูลสงคราม
นายกรัฐมนตรี
(๕๘ ร.จ. ๑๓๘๕ ตอนที่ ๗๒ ลงวันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๔๘๔)