คำสั่งนายกรัฐมนตรี

โดยที่สภาผู้แทนราษฎรได้ลงมติเมื่อวันที่ ๒๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ผ่านร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายลักษณะอาญา พุทธศักราช ๒๔๗๗ (ฉะบับที่ ๖) และพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปก พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ไม่ทรงเห็นชอบด้วย

โดยที่สภาผู้แทนราษฎรได้ยืนยันตามมติเดิมณวันที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๗ และพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปก พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว มิได้ทรงลงพระปรมาภิไธยภายในกำหนดเวลาที่บัญญัติไว้

โดยที่ตามความในมาตรา ๓๙ แห่งรัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัตินั้นเป็นอันประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายได้ และ

โดยที่ปรากฏตามหนังสือของประธานสภาผู้แทนราษฎร ลงวันที่ ๑๗ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๘ ว่า การประกาศเช่นว่านี้พึงดำเนินการต่อไป

นายกรัฐมนตรีอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๙ แห่งรัฐธรรมนูญ จึ่งมีคำสั่งนี้ว่า ให้ประกาศพระราชบัญญัติที่ว่านั้นในราชกิจจานุเบกษาเพื่อใช้บังคับเป็นกฎหมายต่อไป

สั่งมาณวันที่ ๒๙ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๗๘
นายพันเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา
นายกรัฐมนตรี
(ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๕๒ วันที่ ๕ พฤษภาคม หน้า ๓๒๓)

พระราชบัญญัติ
แก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายลักษณะอาชญา
พุทธศักราช ๒๔๗๗ (ฉะบับที่ ๖)

 
ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
(ตามพระราชกฤษฎีกา ลงวันที่ ๑๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๖)

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปก พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการดำรัสเหนือเกล้าฯ สั่งว่า

โดยที่สภาผู้แทนราษฎรถวายคำปรึกษาว่า สมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายลักษณะอาชญา

จึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของสภาผู้แทนราษฎร ดั่งต่อไปนี้

มาตราพระราชบัญญัตินี้ให้เรียกว่า “พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายลักษณะอาชญา พุทธศักราช ๒๔๗๗ (ฉะบับที่ ๖)”

มาตราให้ใช้พระราชบัญญัตินี้ตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตราให้ยกเลิกมาตรา ๑๓ แห่งกฎหมายลักษณะอาญา ร.ศ. ๑๒๗ (พ.ศ. ๒๔๕๑) และให้ใช้ข้อความต่อไปนี้แทน

มาตรา๑๓ผู้ใดต้องคำพิพากษาให้ลงอาชญาประหารชีวิต ท่านให้เอาไปยิงเสียให้ตาย”

มาตราให้ยกเลิกมาตรา ๑๔ แห่งกฎหมายลักษณะอาญา ร.ศ. ๑๒๗ (พ.ศ. ๒๔๕๑) และให้ใช้ข้อความต่อไปนี้แทน

มาตรา๑๔ถ้าจะลงอาชญาประหารชีวิตแก่ผู้ใด ท่านให้เอาตัวไปประหารชีวิตณตำบลและในเวลาที่เจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ในการนั้นจะเห็นสมควร แต่ห้ามมิให้เอาตัวไปประหารชีวิตภายในกำหนด ๖๐ วันนับแต่วันคำพิพากษาถึงที่สุด”

มาตราบรรดาอรรถคดีที่ได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดก่อนวันใช้พระราชบัญญัตินี้ ให้บังคับไปตามกฎหมายเดิม

ประกาศมาณวันที่พุทธศักราช ๒๔๗๗ เป็นปีที่ ๑๐ ในรัชชกาลปัจจุบัน

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
 
นายกรัฐมนตรี
(ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๕๒ วันที่ ๕ พฤษภาคม หน้า ๓๒๕)