พระราชสาส์นในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานไปยังประเทศอังกฤษ/คำนำ

คำนำ

เนื่องในการพระราชทานเพลิงศพหลวงรัตนเทพ (นพวรรณ บุรณศิริ) กำหนดงานวันที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๐๒ ณ เมรุวัดมกุฏกษัตริยาราม นางละออ รัตนเทพ ผู้เป็นภรรยา ได้แจ้งแก่เจ้าหน้าที่แผนกค้นคว้า กองวรรณคดีและประวัติศาสตร์ ว่า ประสงค์จะขออนุญาตจัดพิมพ์หนังสือเรื่องพระราชสาส์นในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อแจกเป็นอนุสรณ์ในงานนี้ กรมศิลปากรยินดีอนุญาตให้จัดพิมพ์ได้

หนังสือพระราชสาส์นในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ตีพิมพ์ในฉบับนี้ ได้คัดเฉพาะแต่ที่ทรงมีไปติดต่อกับประเทศอังกฤษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชสาส์นติดต่อกับต่างประเทศหลายประเทศ ในทวีปยุโรป เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส ปรุสเซีย ออสเตรีย เดนมารค ฮอลันดา และในทวีปอเมริกาก็ทรงมีพระราชสาส์นติดต่อกับประธานาธิบดีอเมริกัน ในทวีปเอเซียก็ทรงติดต่อกับประเทศจีน ร่างพระราชสาส์นที่พระราชทานไปยังประเทศต่าง ๆ นั้นมีปรากฎอยู่ในสมุดข่อยซึ่งกรมศิลปากรได้รับมาจากกรมเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเป็นส่วนมาก และผู้อื่นให้แก่หอสมุดแห่งชาติบ้าง ๒–๓ เล่ม กรมศิลปากรได้คัดต้นร่างจากสมุดข่อยเหล่านี้รวบรวมขึ้นอนุญาตให้จัดพิมพ์เผยแพร่แล้วครั้งหนึ่งเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๑ โดยแบ่งออกเป็น ๒ ภาค แต่การจัดพิมพ์ในคราวนั้นก็เพียงแต่เพื่อให้มีฉบับสำหรับตรวจสอบชั้นหนึ่งก่อนเท่านั้น เพราะปรากฏว่า พระราชสาส์นบางฉบับเป็นแต่ฉบับร่าง บางฉบับความซ้ำกัน และบางฉบับใจความขาดไม่จบความ ต่อมาได้พบสำเนาพระราชสาส์นในสุมดฝรั่ง ลายมือตัวเขียน ซึ่งเก็บรักษาไว้ที่กองจดหมายเหตุ กรมศิลปากร และนายขจร สุขพานิช ผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมการชำระประวัติศาสตร์ไทย ซึ่งได้เดินทางไปศึกษาต่อและผ่านไปทางทวีปยุโรป ได้เอื้อเฟื้อรับภาระขออนุญาตคัดสำเนาพระราชสาส์นต่าง ๆ ที่หอจดหมายเหตุกรุงลอนดอนส่งมาให้ กรมศิลปากรจึงได้ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบทานคัดฉบับที่ความซ้ำกัน ตลอดจนฉบับร่างที่ไม่จบความ และพระราชสาส์นที่มิได้มีมาถึงพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ออกเสีย และได้ทำเชิงอรรถเพิ่มเติมขึ้นเท่าที่เวลาจะอำนวยให้

กรมศิลปากรขออนุโมทนากุศลราศีทักษิณานุปทานซึ่งเจ้าภาพได้บำเพ็ญอุทิศแด่หลวงรัตนเทพ (นพวรรณ บุรณศิริ) ผู้ล่วงลับไปแล้ว และได้มีจิตศรัทธาจัดพิมพ์หนังสือนี้ขึ้นเผยแพร่เป็นวิทยาทาน ขอกุศลทั้งปวงจงดลบันดาลให้หลวงรัตนเทพได้ประสบแต่สุขสงบในสัมปรายภพตามสมควรแก่ฐานะทุประการเทอญ.

กรมศิลปากร
๒๙ เมษายน ๒๕๐๒