ประมวลกฎหมายรัชกาลที่ 1 จุลศักราช 1166 พิมพ์ตามฉะบับหลวงตรา 3/เล่ม 2/ส่วนที่ 7
(เปลี่ยนทางจาก พระไอยการลักษณวิวาทตีด่ากัน)
งานนี้ยังไม่เสร็จ สามารถดูและร่วมพัฒนาได้ที่ดัชนีนี้: 1 |
สารบัญ
- พระไอยการ
- อารัมภบท
- ประกาศพระราชบัญญัติ
- มาตรา
- วิวาทตีด่ากัน 9 กระทง 10 กระทง
- คนเดียวตี 10 คน 10 คนตีคนเดียว
- โจทก์จำเลยกล่าวหากันว่า ตีด่าฟันแทงเป็น 9 กระทง 10 กระทง
- ตีกันตายบนเรือนท่าน
- ญาติด่าตีกัน
- ไม่ห้ามปรามการวิวาทตีด่ากัน
- ถืออาวุธไปคอยทำร้ายท่านในตรอกตลาดถนน
- ยุความ
- ผู้ใหญ่ตีเด็ก
- เด็ก ผู้ใหญ่ หรือผู้ชรา ตีด่ากัน หรือตีด่าท่าน
- เด็กเล่นกันจนบาดเจ็บล้มตาย
- ยุให้เด็กตีกัน
- ทาสตีด่าฟันแทงท่าน
- ตีด่ากันทั้งสองฝ่าย
- คนบ้าตีฟันแทงคนดี
- ตีฟันแทงคนบ้า
- ผัวเมียวิวาทกัน
- ตีฟันแทงคนหรือสัตว์มีครรภ์
- ตบตีข้าไทลูกเมียตน
- ชกตียิงซัดฟันแทงกันจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายในภายหลัง
- การชันสูตรกรณีทวยราษฎร์วิวาทด่าตีกัน
- การพิจารณาคดีชกตีกันบาดเจ็บ
- วิวาทกันโดยมีการทำร้ายกันด้วยมือ
- วิวาทกันโดยมีการเอาของเหลวหรือของเปียกซัดสาดกัน
- วิวาทกันโดยมีการเอาของสกปรกซัดสาดกันหรือถ่มน้ำลายใส่กัน
- ชกตีกันไม่ถึงขั้นบาดเจ็บล้มตาย
- วิวาทตีกันแล้วเอาข้าวของโยนใส่หรือตี ผลักให้โดนข้าวของ จองจำให้ตาย ทำให้จมน้ำ เอากระสุนยิง หยิกด้วยเล็บ กัดด้วยฟัน
- วิวาทกันแล้วเอาของร้อนสาด เอาของไม่มีคมฟันแทง เอาปืนยิง เอาหนังสือตี เอาบาตรตี หรือเอาของมีคมหรือมีไฟทำร้าย
- ทำร้ายถูกอวัยวะสำคัญ
- กรณีที่ถือเป็นบาดเจ็บสาหัส
- วิวาทกันแล้วชกตีฟันแทงถองถีบตบถูกหรือไม่ถูกตัวกัน
- วิวาทตีด่าฟันแทงสมณพราหมณพฤฒาจารย์หรือบิดามารดาปู่ย่าตายาย
- วิวาทกันแล้วจับกันแก้ผ้า
- ทุ่มเถียงกันแล้วชี้หน้ากัน
- ด่าลับหลัง
- ด่าหยาบคายต่าง ๆ
- ด่าเรื่องชู้
- รุกไปด่าตีท่าน รุกไปด่าตีกัน
- วิวาทร้องด่าเถียงกันแล้วรุกเข้าแดนคู่กรณี
- วิวาทด่าตีกันแล้วคุมพรรคพวกไปทำร้ายคู่กรณีถึงที่
- วิวาทด่าตีกันโดยมีการรุกแดน
- ด่าตีฟันแทงผู้หนีเข้าไปพึ่งบ้านอื่น
- กรณีที่ให้ลงโทษโดยทวนลวดหนัง
- ราษฎรวิวาทตีด่าฟันแทงกันนอกเรือน
- ล่วงเขตแดนที่กำหนดตามใจชอบ
- วินิจฉัยเขตแดน
พระไอยการลักษณวิวาท ตี
ด่ากัน[บก 1]
อันว่าลักขณวิวาท | ตี ด่า |
กันแลลักขณรุกไป | ตี ด่า |
ท่านเปน |
มูลคดีมีพระบาฬีในคำภีร์พระธรรมสาตว่า ปหรญฺจ ขุํสา ถานา |
วิติกฺกมฺมพลากเรน เปนอาทิดั่งนี้ จึ่งมีอัฐาธิบายษาขคดีอัน |
โบราณราชกรษัตรบัญญัติสืบ ๆ มาโดยมาตราดั่งนี้ |
ศุภมศดุ ๑๓๖๙[บก 2][วซ 1] ศกสัปสังวัชรเชษฐมาศศุกขปักษยตติย |
ดิถีคุรุวาระ มีพระราชโองการบัญญัติพระราชอาชา สมเดจ์ |
พระเจ้ารามาธิบดีศรีสุนธรราชบรมจักรพรรดิศวรบรมบพิตร |
พระพุทธิเจ้าอยู่หัว มีพระราชหฤๅไทยกรรุณา ปราถนาจ |
ระงับดับทุกขทุระราษฎร จึ่งให้ตราพระราชกฤษฎีกา โฆษนา |
แก่ชาวเจ้าเหล่าราชนิกุนขุนหมื่นพฤฒามาตย์ราชมนตรีพิริย |
โยธาสมสังกัดพัน อันมีในพระราชอานาจักรประชาราษฎร |
ทังปวง ตั้งแต่นี้สืบไปเมื่อหน้า |
๑ มาตราหนึ่ง วิวาท | ด่า ตี |
กัน โทษ | ๙ ๑๐ |
กทง มิให้ |
เรียงกทงไหม โทษสิ่งใดหนักให้เอาแต่สิ่งหนึ่งตั้งไหม ต่ำนา |
๔๐๐ ลงมาให้เอาบันดาศักดิผู้ | เจบ ได้ |
ตั้งไหม แต่นา ๔๐๐ ขึ้นไป |
ให้เอาบันดาศักดิผู้สูงนาฝ่ายเดียวตั้งไหมให้แก่ผู้ชนะ ถอ้ยที |
ถอ้ยด่าตีกัน ให้ไหมกลบลบกัน เหลือนั้นเปน | สีนไหม พิไนย |
กึ่ง |
๒ มาตราหนึ่ง ๑๐ คนตีคนเดียวบาทเจบก็ดี[วซ 2] คน |
เดียวตี ๑๐ คนบาทเจบก็ดี ใช่มันจตีแต่ทีเดียวหามิได้ |
มันย่อมตีคนละที ให้ไหมมันผู้เดียวให้แก่เขาจงทุกคนโดย |
ยศถาศักดิ ๑๐ คนตีมันคนเดียวมีบาทเจบนั้น ท่านให้ไหม |
๑๐ คนให้แก่มันผู้เดียว ถ้ามัน ๑๐ คนตีมันคนเดียวแตก |
ช้ำบาทเจบหลายแห่ง ให้ไหมมันผู้บันดานโกรธเปนต้นเหตุ |
นั้นไว้แห่งแตกแลบาทเจบทังนั้นให้ไหมรายตัวผู้ตี ถ้าบาท |
เจบแต่แห่งหนึ่ง ๒ แห่ง ให้เอาคนทังนั้นเปนแต่พวกมิได้ลงมือ |
ถ้ามันคนเดียวตี ๑๐ คนบาทเจบหลายแห่ง ให้ไหมผู้เดียว |
ให้แก่เขาจงทุกคนตาม | บาท แผล |
มากแลน้อย |
๓ มาตราหนึ่ง โจทหาว่าจำเลย | ตีด่า ฟันแทง |
ตนเจบปวด |
เปนโทษถึง | ๙ ๑๐ |
กทงก็ดี ฝ่ายจำเลยให้การเกี้ยวแก้กล่าวโทษ |
โจทว่า โจทตีด่าฟันแทงมีบาทเจบถึง | ๙ ๑๐ |
กทงก็ดี ท่านว่าโทษ |
อันใด | ใหญ่ หนัก |
ให้เอาแต่สิ่งหนึ่งตั้งไหมกลบลบกัน เหลือนั้น |
เปน | สีนไหม พิไนย |
กึ่ง |
๔ มาตราหนึ่ง ทวยราษฎรทังหลายวิวาทตีด่ากัน ฝ่าย |
ข้างหนึ่งวิ่งแล่นหนีขึ้นบนเรือนท่าน ฝ่ายข้างหนึ่งบังอาจ์ขึ้น |
ไปตีบนเรือนท่าน แลผู้ต้องตีนั้นตายไซ้ ให้ฆ่าผู้ตีนั้นตายตก |
ไปตามกัน ถ้าทรงฯ บให้ฆ่าตีก็ให้ไหมโดยขนาด ให้ทำสีนไหม |
เปนสองส่วน ให้ได้แก่เจ้าเรือนนั้นส่วนหนึ่ง ได้แก่ | พ่อ แม่ |
พี่ |
น้องผู้ตายนั้นส่วนหนึ่ง ให้ไหมปลูกตัวผู้ตายด้วย ถ้าตีกัน |
ตายพ้นชายคา เจ้าเรือนจกล่าวเอาสีนไหมนั้นมิได้เลย สีน |
ไหมนั้นให้ได้แก่ | พ่อ แม่ |
พี่น้องผู้ตาย |
๕ มาตราหนึ่ง | พ่อตา แม่ยาย |
ด่าตีลูกเขย ๆ ด่าตี | พ่อตา แม่ยาย |
ลูก |
สไภ้ด่าตี | พ่อผัว แม่ผัว |
ๆ ด่าตีลูกสะไภ้ เมียหลวงด่าตีเมียน้อย ๆ ด่าตี |
เมียหลวง | ปู่ญ่า หลาน |
ตายายหลานลุงป้าหลานอาวน้าหลานด่าตีกัน |
ก็ดี พี่เมียน้องเขยด่าตีกันก็ดี ถ้าถึงแตกหักษาหัดจึ่ง |
ให้ปรับไหมให้แก่กันดั่งฉันผู้อื่น ถ้ามิถึงแตกหักษาหัดไซ้ |
ให้นายร้อยแขวงนายบ้านนายอำเพอ บังคับว่ากล่าวกันตาม |
ผิดแลชอบตามผู้ใหญ่ผู้น้อย ให้ตบแต่งเข้าตอกดอกไม้ธูบ |
เทียนสีนนุ่งห่มเล่าเข้าเปดไก่ไปแปลงขวันกัน เพราะเขาเสิย |
กันมิได้ |
๖ มาตราหนึ่ง ผู้ใดวิวาทตีด่ากัน แลผู้ใดอยู่ใกล้ |
รู้เหนมิได้ห้ามปราม ถ้าตีกันถึงมรณภาพไซ้ ให้ไหมผู้มิได้ |
ห้ามปรามนั้นเปนข้อเลมิดพระราชอาชา เหดุตัวรู้เหนแล้ว |
นิ่งเสีย จึ่งเสียไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินท่าน ถ้าผู้มิได้ห้ามปรามนั้น |
เปนญาติพี่น้องภักพวกผู้ตีไซ้ ให้ไหมญาติพี่น้องภักพวกนั้น |
ทำ ๓ ส่วน ยก ๒ ส่วนเอาส่วนหนึ่ง |
๗ มาตราหนึ่ง เขาทังสองวิวาท | ตี ด่า |
กัน แล้วจับ |
หอกดาบเครื่องสรรพสาตราวุธแลไม้ค้อนก้อนดิน อวด |
กล้าหารไปอยู่ในตรอกแลตลาดถนนแห่งใด ๆ คอยทำร้ายแก่ |
ท่าน ๆ มีบาทเจบประการใด ให้ไหมทวีคูน ถ้าถึงตายให้ฆ่า |
คนร้ายตกไปตามกัน |
๘ มาตราหนึ่ง ถ้าผู้ใดวิวาท | ด่า ตี |
ฟันแทงกันแลสมัก |
ภักพวกญาติพี่น้องร้องว่าให้ | ด่า ชกตี ฟันแทง |
ท่าน ๆ ว่าผู้นั้นยุความ | |
ให้ไหมดุจพวกกึ่งต้นเหดุ |
๙ มาตราหนึ่ง | บุรุศ สัตรี |
ก็ดีเปนผู้ใหญ่บันดานโทโสตีทารก |
ท่านให้ไหมทวีคูนโดยโทษาณุโทษ เหดุมิควรจโกรธจตี |
d ๑๐ มาตราหนึ่ง เดกต่อเดกวิวาทตีกัน ให้ |
พ่อ แม่ |
ห้าม |
ปราม ถ้า | พ่อ แม่ |
เดกฝ่ายข้างหนึ่งไปตีบุตรท่านฝ่ายข้างหนึ่ง |
ไซ้ ให้ไหมผู้ตีนั้นโดยกรมศักดิทวีคูน เหตุว่าเดกมิรู้ผิด |
แลชอบ ถ้าเดกตีกันมีบาทเจบไซ้ ให้พิเคราะห์ดูเดกผู้ | ตี เจบ |
นั้น ถ้าเท่ากันอย่าให้มีโทษแก่มันเลย เหดุเปนเดกด้วย |
กัน ถ้าเดกผู้ตีใหญ่ไซ้ ให้ทำขวันเสียค่าน้ำมันให้แก่มันผู้น้อย |
d อนึ่งเดก ๗ เข้าเถ้า ๗๐ เปนคนหลงไหลไป |
ด่า ตี |
ท่าน ๆ |
มิให้ปรับไหมมีโทษ แต่ให้นายบ้านนายเมืองช่วยว่ากล่าว |
ให้สมักสมาผู้เจบนั้นโดยควร |
๑๑ มาตราหนึ่ง เดก ๗ ขวบเหล้นด้วยกันผลักไส |
กันตก | เรือน ศาลา ต้นไม้ ร้าน น้ำ |
ตายไซ้ ให้ | พ่อ แม่ |
แห่งเดกผู้ผลักนั้นปลูกตัวลูก |
ท่าน ถ้ามิถึงตายแต่บาทเจบช้ำหักค่นบอดไซ้ ให้ช่วย |
เสียค่าน้ำมันโดยควรแก่บาดเจบ ท่านมิให้ไหมโดยบันดา |
ศักดิ เพราะต่างคนต่างน้อยมิรู้ถ้อยความเสมอใจบ้า |
๑๒ มาตราหนึ่ง ผู้ใดยุให้เดกตีกันศีศะแตกคางหัก |
แฃน เท้า มือ |
หักก็ดี ท่านให้ไหมผู้ยุนั้นตามบาทแผลเดกซึ่งเจบนั้น |
ถ้าถึงตายให้ไหมโดยตีตาย |
๑๓ มาตราหนึ่ง ทาษตนตีด่าฟันแทงท่าน นายเงีน |
อยู่นั่นด้วยมิได้ห้าม ให้ไหมทังนายทังทาษเสมอกัน เหตุ |
นิ่งเสียให้เกิดความในเมืองท่าน |
๑๔ มาตราหนึ่ง ผู้หนึ่งตีผู้หนึ่งด่าสวนสับขับแท้ดั่งนี้ไซ้ |
ท่านให้ทอดสีนไหมพิไนยโดยเบี้ยกรมศักดิกลบลบกันทีหนึ่ง |
เพราะตีมันก่อนมันจึ่งด่า ๆ มันก่อนมันจึ่งตี ถ้าผู้ใดก่อ | ตี ด่า |
ก่อนก็ดี ให้ไหมผู้ตั้งกรณีนั้นอีกโสดหนึ่ง เปนสีนไหมกึ่ง |
พิไนกึ่ง เหดุมันก่อความให้ยากแก่เมืองท่าน |
๑๕ มาตราหนึ่ง คนบ้าเข้าบ้านท่านตีฟันแทงคนดี |
ตาย จะไหมบ้าไซ้ท่านว่ามิชอบ เพราะว่าบ้านหาตำแหน่งแบ่ง |
สัจมิได้ ท่านว่าให้พ่อแม่พี่น้องเผ่าพันธุบ้าใช้กึ่งเบิ้ยปลูกตัว |
ผู้ตาย ให้เวนบ้านั้นไปให้แก่พ่อแม่พี่น้องเผ่าพันธุบ้านั้น |
จึ่งชอบ ถ้ามันตีมีบาทเจบไซ้ หาโทษมิได้ ถ้าที่เปนที่ไร่นา |
ป่าดงพงแขมเปนที่อยู่แห่งคนผู้สูงอายุศม์แลคนพิกลจริตบ้าใบ้ |
ผู้ใดเข้าไปในที่มันอยู่มันฟันแทงมีบาทเจบแลตายก็ดี ถ้าพบ |
ปะมันกลางถนนหนทางมิได้หลีกแลมันฟันแทงบาทเจบถึงตาย |
ก็ดี จะเอาโทษแก่มันมิได้เลย ให้โฆษนาแก่นครบาลให้จับ |
เอาตัวมันจำจองไว้กว่าจะสิ้นกำม์ |
๑๖ มาตราหนึ่ง ผู้ร้ายตีฟันแทงคนบ้าตายไซ้ ให้ |
ทอดรางวัดเปนเบี้ยปลูกตัวผู้ตายโดยขนาด ให้แก่ญาติพี่น้อง |
แห่งบ้า ถ้าบ้าหาญาติพี่น้องมิได้ ให้เอาเบี้ยรางวัดเปนค่า |
หญ้าช้างหลวง |
๑๗ มาตราหนึ่ง ผัวเมียวิวาทกันชายผัวทุบตีฟันแทง |
หญิงผู้เมียตาย ให้ลงโทษดั่งฉันผู้อื่น ถ้าหญิงทุบตีฟันแทง |
ชายผู้ผัวตาย ให้ลงโทษดุจกัน ถ้าบแกล้งตีฟันแทงให้ตาย |
ท่านว่าให้ไหมโดยศักดิ | มือ ไม้ เหลก |
สีนไหมให้เอาเข้าพระคลัง |
หลวงจงสิ้น |
๑๘ มาตราหนึ่ง คนทังหลายมีครรภก็ดี สัตวของ |
เลี้ยงมีครรภก็ดี มีผู้ตีฟันแทงให้ตายไซ้ ท่านให้พิกัดค่าแม่ |
มันเท่าใด ใช้ค่าลูกในท้องกึ่งค่าแม่มันด้วย แลจบาทไหม |
นั้นให้ไหมโดยพระราชกฤษฎีกา |
๑๙ มาตราหนึ่ง ผู้ใดตบตีข้าไทลูกเมียตน มันแล่น |
หนีไปขึ้นบนเรือนท่านแลเลือดตกลงที่เรือนท่าน ให้ผู้ตบตี |
นั้นพลีเรือนท่าน ให้นิมนพระสงฆ์ ๗ รูปสวดมนซัดน้ำแต่งบัด |
พลี ๆ เรือนท่าน |
๒๐ มาตราหนึ่ง ชกตียิงซัดฟันแทงกันมีบาทเจบบอบ |
ช้ำลำบากด้วยเขาตี เปนใข้ผอมจึ่งตายใน ๑๕ วัน ท่านให้ |
ทอดพิไนยโดยตีตาย ให้ฆ่าผู้ร้ายตกไปตามกัน ถ้าทรง |
พระกรรุณาบให้ฆ่าตีไซ้ ถ้าผู้ตายสูงนา ๔๐๐ ขึ้นไป อย่าให้ |
ปลูกตัวเลย ถ้าต่ำนา ๔๐๐ ลงมา ให้ปลูกตัวผู้ตายส่งให้ |
บุตรภรรยาญาติพี่น้องทำบุญไป แล้วให้เอาค่าตัวผู้ตาย |
ตั้งไหมตามกระเสิยนอายุศม์ โดยศักดิมือศักดิไม้ศักดิเหลก |
สีนไหมให้แก่บิดามานดาพี่น้องผู้ตาย ถ้าพ้นกว่า ๑๕ วัน |
ถึงเดือนหนึ่งจึ่งตาย ท่านว่าเปนกำม์แห่งสัตว ให้ปรับไหม |
แต่โดยบาทเจบนั้น เปนสีนไหมกึ่งเปนพิไนยกึ่ง |
๒๑ มาตราหนึ่ง ทวยราษฎรวิวาทด่าตีกัน มายังแพ่ง |
ให้กฎหมายบาทเจบไซ้ ให้นายพะทำมะรงดูบาทเจบจงถ่อง |
แท้ ถ้าแลเจบปวดด้วยมือไม้เหลกอิด แคลงประการใดก็ดี |
ให้ดูจงถ่องแท้ ถ้ามิเข้าใจไซ้ให้บอกกล่าวร่ำเรียน ถ้าอวดรู้ |
ดูผิดไซ้ บาทเจบเขานั้นตกอยู่แก่นายพะทำมะรงผู้คุมนั้น |
สองส่วน ตกแก่ภูดาดผู้ตราคำนั้นส่วนหนึ่ง ถ้าตีฟันแทงกัน |
มิตาย ให้นายพะทำมะรงเอาตัวมาตราบาทเจบไว้ ถ้าตายไซ้ |
ให้ไปดูถึงที่นั้น |
๒๒ มาตราหนึ่ง สองชกตีกันแลข้างหนึ่งมีบาทเจบ |
เอามาให้กระลาการตราบาทเจบไว้ ข้างหนึ่งหาบาทเจบมิได้ |
สักอันสาระพะทำเอาให้มีบาทเจบแล้วจึ่งเอามาให้ตราบาทเจบ |
ไว้ด้วยว่ามีบาทเจบบ้าง เมื่อพิจารณามิสมอ้างก็ดี แลมันต่อ |
ถึงพิสูดแพ้แก่บนจนแก่พิจารณาก็ดี ท่านให้ไหมมันเท่า |
ใส่โทษท่าน แลส่วนบาทเจบข้างผู้บาทเจบจริงนั้น สิ่ง[วซ 3] ใดหนัก |
เอาแต่สิ่งหนึ่งตั้งไหมมันผู้ชกตี ให้แก่ผู้เจบนั้นอีกโสดหนึ่ง |
โดยขนาด |
๒๓ มาตราหนึ่ง วิวาทชกตีทุบถองตบบิดข่วนด้วยมือ |
ก็ดี เอา | ถุง ผ้า |
ฟาดตีท่านก็ดี แลผลักไสท่านให้กะทบกะเบื้อง |
ไม้หนามอิดสินลาแลงก็ดี ประการเท่านี้ให้ไหมเสมอศักดิมือ |
๒๔ มาตราหนึ่ง วิวาทกันจับเอาดินเปียกเข้าเปียก |
ชิ้น | เนื้อ ปลา |
สดทรายเปียกทิ้งซัดท่านก็ดี ให้ไหมเสมอศักดิมือ |
ถ้าสาตซัดท่านด้วยน้ำผึ้งน้ำอ้อยน้ำมันแลเมดเข้าเปลือกก็ดี | ||
ให้ไหมกึ่งศักดิมือ | ||
๒๕ มาตราหนึ่ง วิวาทด่าตีกันแลมันเอาสิ่งอันโสโครก | ||
ทิ้งซัดต้องท่านก็ดี ถ่มน้ำลายรดท่านต้องท่านก็ดี ให้ไหม | ||
เสมอศักดิไม้ | ||
๒๖ มาตราหนึ่ง ชกตีกันบช้ำแลฟกช้ำดำซับแตก | ||
ฉลาย ค่นหักบอดตายก็ดี ถ้าตีด้วยไม้ ให้บวกกึ่งมือ | ||
ถ้าฟันแทงด้วยเหลก ให้ไหม ๒ เท่ามือ | ||
๒๗ มาตราหนึ่ง วิวาทตีกันจับเอาสันมีตสันพร้า | ||
สันหอกสันดาบ ก้อนอิดก้อนดินกระเบื้องเมดกรวดหินสินลา | ||
แลงนองาเขี้ยวกะดูกหอยเอนก็ดี เข้าก้อนแห้งขนมแห้ง | ||
เข้าตังแห้งน้ำตานปึกน้ำอ้อยงบ แลสรรพฟองแลต้นเข้า | ||
ต้นหญ้าหยากเยื่อ ก้อนเนี้อแห้งปลาแห้งตัวปลาสดเบี้ย | ||
ชันหนังด้ายเขดจุกกะเทียม[บก 3] จุกหอมฃ่าขิงกล้วยท่อนอ้อย | ||
แลขี้ม้าขี้วัวขี้ควายขี้ช้าง ลูกไม้ใบไม้ทังกิ่งกะลาเชือก | ||
เถาวัลหวายฟาดตีทิ้งซัดท่านก็ดี แลจำท่านให้ตายด้วยฃื่อคา | ||
โซ่รตรวนก็ดี ผลักท่านให้กะทบหอกดาบมีตพร้าขวานสี่ว | ||
แหลนเหลกหลาวเหลกฉมวกกตักมีบาทเจบก็ดี แลทำท่าน | ||
ให้จมน้ำก็ดี เอากสุนยิงท่านก็ดี หยิกด้วยเลบกัดด้วยฟันก็ดี | ||
ประการเท่านี้ ให้ไหมเสมอศักดิไม้ | ||
๒๘ มาตราหนึ่ง วิวาทกันจับเอาไฟจุดน้ำร้อนรดสาด | ||
ท่านก็ดี เอาทองคำเงินทองแดงสำริด ทองเหลืองทองขาว | ||
สังกะสีดีบุก ชันร้อนหอกดาบมีดพร้า ขวานสี่วแหลนเหลก | ||
หลาวเหลกฉมวก อันมิได้คมมิได้แหลม ฟันแทงท่านต้อง | ||
เนิ้อหนังแตกพังบาทเจบก็ดี เอาปืนยิงท่านก็ดี ประการเท่านี้ | ||
ให้ไหมเสมอศักดิเหลก ถ้าเอาหนังสือตีท่านให้ไหมเท่าเหลก |
เหดุทำให้เปนจันไรแก่ท่าน ถ้าเอาบาต | โขก ตี |
ท่าน ให้ไหม |
๒ เท่าเหลก อนึ่งเอาเหลกมีคมมีแหลมแลเครื่องสาตราวุธ |
เปนไฟไปต้องไปตีฟันแทงท่าน ให้ไหม ๒ เท่าเหลก |
๒๙ มาตราหนึ่ง วิวาทตีกันถูกที่สำคัญตายนั้นมี ๘ แห่ง |
คือตีถูกที่กำด้น ๑ ต้นฅอ ๑ จมูกหัก ๑ แสกหน้า ๑ เพรียง |
หู ๑ ปลายคาง ๑ ชายโครง ๑ ขากันไตร ๑ ฟันแทงกัน |
ถูกที่สำคัญตายนั้นมี ๘ แห่ง คือฅอ ๑ ฅอหอย ๑ ไหล่รวบ ๑ |
รักแร้ ๑ ราวนม ๑ ทรวงอก ๑ พุง ๑ ไข่ดัน ๑ ถ้าตีกัน |
ด้วยไม้ตบองไม้คลีไม้ด้ำจอบไม้ด้ำขวานไม้ศอก แลสรรพไม้ |
อันใหญ่ก็ดี ต้องที่สำคัญที่ตาย ให้เอาเปนตีตายด้วย |
เหลก ถ้าผิดที่สำคัญที่ตายแลตายนั้น ให้เอาเปนตีตาย |
ด้วยไม้ ต่ำนา ๔๐๐ ลงมาให้ไหมปลูกตัว แล้วให้เอา |
บันดาศักดิผู้ตายตั้งไหมโดยตีฟันแทงท่านตาย เปนสีนไหม |
กึ่งเปนพิไนยกึ่ง |
๓๐ มาตราหนึ่ง วิวาทตีฟันแทงกันถูกหูขาดทังสอง |
ข้างก็ดี ตาบอดทังสองข้างก็ดี ข้อมือหักข้อแขนหักทังสอง |
ข้างก็ดี แข้งขาหักทังสองข้างก็ดี ลิ้นด้วนจมูกด้วนก็ดี |
ได้ชื่อว่าษาหัด ให้ไหมจัตุรคูน ถ้าขาดข้างหนึ่งวิ้นข้างหนึ้ง |
ลิ้นแหว่งก็ดี ได้ชื่อว่าษาหัด ให้ไหมตรีคูน ถ้าช้ำน่วมทังตัว |
ลำบากปางตายก็ดี หนังตาขาดวิ้นจมูกขาดแหว่งก็ดี ให้ไหม |
ทวีคูน ถ้าที่แจ้งเปนแผลเสียโฉมให้ไหมทวีคูน ถ้าบาทเจบ |
แตกที่ลับมิได้เปนที่แจ้งเสียโฉม ให้ไหมแต่ลาหนึ่ง |
๓๑ มาตราหนึ่ง วิวาทชกตีฟันแทงถองถีบตบท่านถูก |
ให้ไหมโดยศักดิมือศักดิไม้ศักดิเหลก ถ้าชกตีฟันแทงถอง |
ถีบตบท่านผิดก็ดี แล่นหนีรอดก็ดี มีผู้ชิงได้ก็ดี ให้ไหม |
โดยชกตีฟันแทงถองถีบตบถูกตามพระราชกฤษฎีกาเดิมแล้ว |
ทำ ๔ ส่วน ยกเสียส่วน ๑ เอา ๓ ส่วน ถ้าเงือดเงื้อจะชก |
จะตีจะ | ถอง ถีบ |
จฟันจแทงท่านไซ้ ให้ไหมกึ่งชกตีฟันแทง |
ถูก ถ้าว่าแต่วาจาจชกจตีจ | ถอง ถีบ |
จฟันแทงท่าน ให้ไหม |
กึ่งเบี้ยเงือดเงื้อ ถ้าฉุดคร่าผลักไสกัน ในลักษณวิวาทนั้น |
หาบาทแผลมิได้ ให้ไหมโดยเบี้ยบช้ำ |
๓๒ มาตราหนึ่ง ผู้ใดวิวาทตีด่าฟันแทงสมณพราหมณ |
พุทฒาจาริย แลบิดามานดาปู่ย่าตายายแห่งตน มีบาทเจบ |
ด้วยเหลกษาหัดไซ้ ให้เฆี่ยร ๓ ยกทเวนบก ๓ วันทเวนเรือ |
๓ วันตัดนิ้วมือเสียให้สิ้นนิ้วทัง ๒ ข้าง ให้ทำแพลอยมันเสีย |
ให้ปรากฎแก่ตาคนทังหลาย ถ้าตีเจบปวดด้วยไม้ษาหัดไซ้ |
ให้เฆี่ยร ๓ ยกทเวนบก ๓ วันทเวนเรือ ๓ วันให้ตัดนิ้วมือขวา |
เสียจงสิ้นนิ้ว แล้วให้ทำแพลอยเสีย ถ้าตีเจบปวดด้วยมือ |
ษาหัดไซ้ ให้ปอกเลบมือเสียทังสิ้บนิ้ว จำไว้ ๖ เดือนแล้ว |
เอาขึ้นขาหย่างประจาน ๓ วัน ให้ทวนด้วยลวดหนัง ๓๐ ทีแล้ว |
ให้สักอกไว้ว่าตีพ่อตีแม่ ถ้าตีด้วยไม้เจบปวดมิได้ถึงษาหัด |
ให้ปอกเลบมือเสียทัง ๑๐ นิ้วแล้วให้จำไว้ ๖ เดือน เอาขึ้น |
ขาหย่างประจาน ๓ วันแล้วให้ทวนด้วยลดหนัง ๓๐ ที ถ้า |
ตีด้วยมือมิได้ถึงษาหัด ให้ปอกเลบเสีย ๕ นิ้วจำไว้ ๓ เดือน |
แล้วทวนด้วยลวดหนัง ๒๕ ที ถ้าตายไซ้ให้ฆ่ามันตกไปตามกัน |
๓๓ มาตราหนึ่ง วิวาทด่าตีกันแลแก้ผ้านุ่ง[วซ 4] ท่านเสียให้เปน |
ทุราจาน ถ้าหญิงสาวหาผัวมิได้ ให้ไหมผู้ทำเปนเบี้ย ๗๐๐๐๐ |
ทวีคูน ถ้าชายดุจหญิงสาวนั้น ถ้าแก้ผ้านุ่งหญิงม่าย ให้ไหม |
เปนเบี้ย ๘๐๐๐๐ ทวีคูน ถ้าหญิงนั้นมีผัว ให้ไหมเปนเบี้ย |
๑๗๐๐๐๐ ทวีคูน เหตุมันทำทุราจารแก่ท่านให้ได้อาย ถ้า |
แลมีเจบปวดษาหัดด้วยไซ้ โทษอันใดหนักให้เอาแต่สิ่งหนึ่ง |
ตั้งไหมโดยพระราชกฤษฎีกา |
๓๔ มาตราหนึ่ง วิวาทถุ้มเถียงกันด้วยเนิ้อความ |
ประการใด แลเอาตีนชี้หน้าท่าน ให้เอาเบี้ยบช้ำทำ ๓ ส่วน |
ยกส่วน ๑ ไหมสองส่วน ถ้าเอามือชี้หน้าท่าน ให้ไหม |
ส่วน ๑ ยก ๒ ส่วน |
กล่าวลักษณวิวาทชกตีฟันแทงให้ปรับไหมโดยสังเขป |
แต่เท่านี้ |
๓๕ มาตราหนึ่ง ผู้ใดมีบันดาศักดิแลหาบันดาศักดิ |
มิได้ก็ดี แลมีผู้ใดด่าลับหลัง มิได้ยินแก่โสตประสาทตน |
แลมีผู้มาบอกเล่าไซ้ ท่านว่ามิควรให้ฟังถ้อยคำผู้บอกนั้น |
เอาเปนถ้อยเปนความเลย ถ้าเมื่อเฃาด่านั้นตนได้ยินไซ้ |
จึ่งควรให้เอาเปนถ้อยเปนความ ให้ร้องฟ้องกันได้ตาม |
กฎหมาย |
๓๖ มาตราหนึ่ง ด่าท่านว่าไอ้อี่ขี้ | ตรุ เมา |
ขี้ | โขมย ช่อ |
ขี้ | ฉกลัก ลวงคนฃาย |
ขี้ | โซ่ขี้ตรวน ขื่อขี้[บก 4] คา |
ขี้ | ถอง ทุบ |
ขี้ | ตบ คุก เค้า |
ขี้ | ประจานคนเสีย ฃายคนกินทังโคด |
ขี้ | ครอก ข้า ถ้อย |
แลด่าว่าไอ้อี่คน | เสีย กระยาจก อัประหลัก |
คน | บ้า ใบ้ |
ก็ดี แล |
ด่าว่า | ไอ้ อี่ |
สับปลับอี่มัก | ชู้ ผัว |
มึงทำชู้เหนือผัวกูก็ดี แลด่า |
ท่านว่าอี่แสนหกแสนขี้จาบอี่ | ดอกทอง เยดซ้อน |
ก็ดี สรรพด่ากันแต่ตัว |
ประการใด ๆ ท่านให้ปรับไหมโดยยศถาศักดิลาหนึ่ง ถ้าด่า |
ถึงโคตเค้าเถ้าแก่ ให้ไหมทวีคูน |
d ๓๗ มาตราหนึ่ง ด่าสบประมาทท่านให้ได้ความอาย
|
ว่ามึงทำชู้ด้วยแม่มึง ๆ ทำชู้ด้วยพ่อมึง ๆ ทำชู้ด้วยลูกมึง ๆ ทำ |
ชู้ด้วยหลานมึง ถ้าเปนสัจดั่งมันด่า อย่าให้มีโทษแก่ผู้ด่านั้น |
เลย ให้ลงโทษแก่มันผู้ทำกระลีลามกนั้นโดยบทพระอายการ |
ถ้าพิจารณาเปนสัจว่ามันแกล้งด่าท่านให้ได้อาย ให้ไหมกึ่ง |
ค่าตัวตามกระเศียรอายุศม์ผู้ต้องด่า |
d อนึ่งด่าท่านว่ามึงเปนชู้กูก่อนมึงเปนข้ากูก่อนก็ดี พิจารณา
|
เปนสัจว่ามันแกล้งด่าท่านให้ได้ความอายอดสูดั่งนั้น เปน |
สบประมาทให้ไหมกึ่งค่า ถ้าจริ่งดุจมันด่าไซ้ก็ให้ไหมกึ่งนั้น |
ลงมาเล่า ถ้าด่าสิ่งอื่นเปรียบเทียบท่าน พิจารณาเปนสัจ |
ท่านว่ามันด่าหมูประทามันด่าหมาประเทียบ ให้ไหมโดยเบี้ย |
ค่าตัวเอาแต่กึ่งหนึ่ง |
กล่าวลักษณวิวาทด่ากันให้ปรับไหมโดยสังเขปแต่เท่านี้ |
๓๘ มาตราหนึ่ง รุกไปด่าตีท่านก็ดี สองรุก | ด่า ตี |
กันก็ดี |
ให้พิจารณาจงรู้ทางบกทางน้ำห้วยบาง ทางลุ่มดอนขี่ขอนไม้ |
ขี่เรือขี่แพขี่ช้าง ผู้อยู่หัวมาท้าย ๆ มาหัว อยู่เรือขึ้นบก |
อยู่บกลงมาเรือ อยู่เรือลำหนึ่งค่ามไปเรือลำหนึ่งก็ดี ค่าม |
ฟากคลองที่แดนตนไปถึงที่แดนบ้านเรือนท่านก็ดี แลอยู่ |
เรือนทัพทึมแลบนต้นไม้ก็ดี ผู้อยู่ไต้ต้นไม้ขึ้นไปถึงบน ผู้อยู่ |
บนลงมาถึงล่างก็ดี ปักกันปันแดนไว้ล่วงเข้าไปก็ดี อยู่เหนือ |
น้ำลงมาไต้น้ำ อยู่ไต้น้ำขึ้นไปเหนือน้ำก็ดี ท่านว่าให้เอา |
เปนรุก |
๓๙ มาตราหนึ่ง วิวาทร้องด่าเถียงกัน ผู้ใดออกไป |
จากที่แดนตน รุกเข้าไปถึงที่แดนท่านด่าตีกันไซ้ ท่านว่า |
ผู้นั้นรุก ให้ไหมโดยพระราชกฤษฎีกา |
๔๐ มาตราหนึ่ง วิวาทด่าตีกันแลบันดานโกรธภา |
พวกผู้คนข้าไทพี่น้องพ้องพันธุญาติลูกหลาน ถือไม้ค้อน |
ก้อนอิดดิน แลเครื่องสรรพสาตราวุธรุกไป | ตีด่า ฟันแทง |
ท่านถึง |
ที่แดนที่บ้านที่เรือนท่าน เจ้าบ้านบาทเจบ ให้ไหมทวีคูน |
พวกไปด้วยมิได้ลงมือ ให้ไหมกึ่งต้นเหดุจงทุกคน ถ้า |
เจ้าบ้านตีผู้รุกนั้นบาทเจบไซ้ ให้ยกบาทเจบผู้รุกนั้นเสีย ถ้า |
เจ้าบ้านตีฟันแทงผู้รุกถึงตาย จเอาโทษเจ้าบ้านเจ้าเรือนนั้น |
มิได้ เพราะมันสำหาวธรนงศักดิรุกที่รุกแดนท่าน ๆ ว่าตาย |
เสียอย่าให้คนทังปวงดูเยี่ยงหย่างกัน |
d ๔๑ มาตราหนึ่ง วิวาทด่าตีกันแลมันคุมพักพวกก็ดี
|
ผู้เดียวก็ดี รุกไปถึงที่แดนบ้านเรือนท่าน จด่าจตีฟันแทงท่าน |
แลไปยังมิได้ด่าตีฟันแทงท่าน ๆ ว่าให้ไหมมันลาหนึ่งเปนพิไนย |
หลวง |
d อนึ่งวิวาทด่าตีกันแล้วต่างคนต่างมาเรือน ยังผูกใจ
|
โกรธคุมนุมโทษไว้วัน | ๑ ๒ ๓ |
วันเดือนหนึ่ง จึ่งคุมพักพวกพี่น้อง |
ไป | ตี ด่า |
ท่านเล่า ให้พิเคราะดูโทษ ให้ไหมทวีคูนตรีคูน | |
๔๒ มาตราหนึ่ง ญาติพี่น้องลูกหลานเผ่าพันธุ อัน |
เขาเปนงานเดียวกัน แลต่างคนต่างไปอยู่ต่าง | ที่ แดน |
ต่าง |
บ้าน เรือน |
รั้วคั่นกัน แลมีผู้ใดตีด่าฟันแทงมัน ๆ แล่นหนีเข้าไป |
ผึ้งบ้านอื่นนั้น แลมันด่าผู้ตีนั้นตามเข้าไปด่าตีฟันแทงถึง |
ในที่แดนที่บ้านนั้น ท่านว่าใช่บ้านใช่เรือนมันอยู่เอง จเอา |
เปนรุกมิได้ ถ้ามันหนีขึ้นไปถึงบนเรือนแล้ว ผู้ตีตามขึ้นไป |
ตีฆ่าฟันแทงถึงบนเรือนดั่งนั้น ท่านว่ามันบังอาจ์ให้เอาเปนรุก |
๔๓ มาตราหนึ่ง ลักษณจลงโทษด้วยลวดหนังนั้น |
ถ้ามันลัก | ฟันแทง ทรัพย |
แลรุกที่รุกแดนบ้านเรือนท่าน ว่าจะฟันจะ |
แทงท่านก็ดี จึ่งให้ทวนด้วยลวดหนัง ถ้าวิวาทชะเลาะทุ่มเถียง |
ตีด่าฟันแทงกันบาดเจบก็ดี อย่าให้ลงโทษทวนแก่มันเลย |
เหตุว่าวิวาทกันเหมือนช้างต่องาควายต่อเขา ต่างคนต่างด่า |
ตีฟันแทงต่อกัน จลงโทษทวนด้วยนั้นมิชอบ ท่านให้ไหมให้ |
แก่กันแต่โดยบาดเจบโดยขนาด |
๔๔ มาตราหนึ่ง ราษฎรทังหลายวิวาทตีด่าฟันแทงกัน |
ในรัถยาตรอกถนนมรคาตลาดพิสาน ในสระท่าน้ำศาลากลาง |
ไร่นาป่าสถานไพรแห่งใด ๆ ก็ดี ท่านมิให้ว่ารุกสักอันเลย |
เพราะแห่งนั้นใช่ที่บ้านเรือนตน ให้พระสุภาวดีพิภากษาคดี |
นั้นดู ถ้าแลจควรเอาเปนโทษ ให้เอาเปนสองด่าตีฟันแทงกัน |
๔๕ มาตราหนึ่ง ทังสองวิวาทด่าตีฟันแทงกันในสถานที่ |
ใด ๆ แล้วต่างคนต่างย่างตีนเดิรไปจากที่วิวาทจมาเรือน แล |
ขีดหนทางเปนรูปงูเลื้อยปันเปนแดนไว้มิให้ล่วงแดนเข้ามา ถ้า |
ผู้หนึ่งกลับล่วงค่ามรอยขีดตาม[วซ 5] ไปตีด่าฟันแทงกันก็ดี จเอาเปน |
รุกนั้นมิได้ เหตุใช่ที่ | บ้าน แดน เรือน |
ตน ขีดรอยปันแดนเอาโดยใจนั้น |
ไม่ชอบ |
๔๖ มาตราหนึ่ง ผู้ใดอยู่บ้านอยู่เรือนในที่ทำเนเปล่า |
หารั้วกั้นเปนสำคัญมิได้ กำหนดเขดบ้านเขดเรือนไว้ให้รู้ |
ดั่งนี้ คือให้หญิงสกันยืนตรงชายคาเรือนเอาน้ำสาดออกไป |
น้ำตกถึงไหนชื่อว่าเขดเรือนถึงนั่น ถ้านอกจากเขดเรือนนั้น |
มีรั้ววงกั้น เพื่อจะป้องกันโคกระบือเข้าออกเพียงใด ๆ ชื่อ |
ว่าเขดบ้านผู้นั้นเพียงนั้น อนึ่งให้ชายสกันยืนขอกรั้วแลประตู |
รั้วทัง ๔ ทิศ ทิ้งดินไปตกถึงไหน ได้ชื่อว่าแดนบ้านถึงนั่น ถ้า |
ราษฎรอยู่เรือนใกล้กันหารั้วกั้นมิได้ ก็ให้กระลาการพิจารณา |
กำหนดเอาแต่ที่พ้นจากเรือนออกไป เปนของเจ้าเรือน |
เท่าใด ก็ให้เอาแต่เท่านั้นเปนแดน ถ้าผู้มีชื่อวิวาทกัน |
มิได้รุกเข้าไปถึงในที่อันท่านกล่าวไว้นี้ จะเอาเปนรุกนั้น |
มิได้สักอันเลย |
กล่าวลักษณมูลวิวาทกันจเอาเปนรุกได้มี[วซ 6] ได้โดยสังเขปแต่ |
เท่านี้ |
อ้างอิงผิดพลาด: มีป้ายระบุ <ref>
สำหรับกลุ่มชื่อ "บก" แต่ไม่พบป้ายระบุ <references group="บก"/>
ที่สอดคล้องกัน
อ้างอิงผิดพลาด: มีป้ายระบุ <ref>
สำหรับกลุ่มชื่อ "วซ" แต่ไม่พบป้ายระบุ <references group="วซ"/>
ที่สอดคล้องกัน