ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พงศาวดารเมืองหัวพันห้าทั้งหก"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
บรรทัดที่ 130:
== ที่ ๔ เรื่องเมืองซำใต้ ==
 
<p align=right>
'''ที่ตั้งกองทัพณเมืองซ่อน'''<br />
ณวัน ๖๑๑ ค่ำ ปีจออัฐ ๑๒๔๘
ณวัน {{จันทรคติ|วัน=๕|แรม=๑๐|เดือน=๖}} ค่ำ ปีจออัฐศก<sup>๑๘</sup> ๑๒๔๘
</p>
 
ข้าพเจ้า องเวียน ท้าวขุนในเมืองซำใต้ ให้ถ้อยคำว่าเดิมเมื่อปีจอฉศก ๑๒๓๖ (พ.ศ. ๒๔๑๗) ข้าพเจ้าทราบว่านายจีนฮ่อชื่อกวานเหียบ มีธงแดงคุมไพร่พล ๕๐๐ คน ยกมาแต่เมืองมูลหัวเมืองขึ้นเมืองญวนลงมาตั้งมั่นอยู่ในเขตรแดนแขวงเมืองซำใต้ องเวียนเจ้าเมืองซำใต้ได้ทราบข่าวว่าพวกฮ่อมาตั้งอยู่ ดังนั้นจึงได้เรี่ยไรเงินท้าวขุนกรมการแลราษฎรได้แล้ว แต่งให้แสนพรหมกรมการคุมเอาเงิน ๓๐๐ ขัน ๆ ละ ๒๔ บาท คิดเปนเงิน ๙๐ ชั่ง เอาไปให้กับกวานเหียบนายฮ่อขอยอมเข้าทู้กวานเกียนนายฮ่อก็รับเอาเงิน ๓๐๐ ขันไว้
 
ครั้นอยู่มาได้ประมาณ ๙ เวลา ๑๐ เวลา พอดึงสองยามเศษเกิดเพลิงไหม้ขึ้นที่เรือนราษฎรในเมืองซำใต้ เพลิงไหม้ลุกลามติดเรือนต่อไปประมาณ ๕๐ หลังเรือนเศษหมดทั้งเมืองซำใต้ เจ้าเมืองท้าวขุนกรมการแลราษฎรแตกตื่นวุ่นวายกัน ฝ่ายกวานเหียบนายฮ่อสงไสยว่าพวกลาวหายอมเข้าทู้โดยสุจริตไม่ คิดอุบายแกล้งเอาเพลิงเผาเรือนเสียทั้งสิ้น ไม่เปนที่ไว้วางใจกลัวว่าพวกฮ่อจะรบกวนอิกต่อไป ฝ่ายพวกลาวก็มีความสงไสยพวกฮ่อว่าแกล้งเอาเพลิงมาเผาเรือนเสียทั้งนี้ เพื่อความประสงค์ของพวกฮ่อจะให้ ไพร่พลเมืองแตกตื่นหนีไป จะได้ยกเข้ามาครอบครองตั้งมั่นอยู่ในเมืองซำใต้ แต่เมื่อเพลิงเกิดขึ้นนั้นจะพิเคราะห์เอาเหตุกับผู้ใดเปนแน่หาได้ความชัดไม่ ต่างคนต่างมีความสงไสยกันอยู่ทั้งสองฝ่ายดังนี้ แล้วพวกฮ่อก็กวาดเอาคนเมืองซำใต้ไป ๒๐ คน ยกออกจากเมืองซำใต้ไปตั้งมั่นอยู่นาเริมแขวงเมืองแวน แต่ฮ่อจะยกไพร่พลต่อไปบ้านใดเมืองใดหาทราบไม่ เจ้าเมืองซำใต้กับท้าวขุนกรมการแลไพร่พลเมืองหนีไปซุ่มซ่อนอยู่ในป่า ซึ่งพวกลาว ๒๐ คนที่ฮ่อกวาดต้อนไปนั้นหนีกลับมาเมืองซำใต้ได้ทั้ง ๒๐ คน ก็รวบรวมกันอยู่ในป่าประมาณได้ ๗ เวลา จึงพากันยกครอบครัวออกจากป่าเข้ามาตั้งอยู่ในเมืองซำใต้ดังเก่า
เส้น 149 ⟶ 151:
เมื่อถึงณปีวอกฉศก ๑๒๔๖ (พ.ศ.๒๔๒๗) องเวียนเจ้าเมืองซำใต้กับท้าวขุนกรมการแลไพร่ราษฎรพากันยกครอบครัวออกจากเมืองกิจู๊ ขึ้นมาตั้งอยู่ณเมืองซำใต้ ดังเก่าซึ่งเปนบ้านเมืองของตัวมาแต่เดิม
 
ครั้นอยู่มาถึงณปีรกาสัปตศก ๑๒๔๗ (พ.ศ.๒๔๒๘ ) กวานกอยี่นายฮ่อธงเหลืองคุมไพร่พล ๗๐๐ คน ยกออกจากเมืองโสยเดินลงไปตั้งมั่นอยู่วังหวายแขวงเมืองซำใต้ แล้วองเวียนเจ้าเมืองซำใต้ได้ทราบข่าวว่ากวานกอยี่คุมพวกฮ่อมาตั้งอยู่วังหวายนั้น จึงแต่งให้ท้าวกางกรมการคุมไพร่พล ๗๐ คน ยกออกจากเมืองซำใต้ไปต่อสู้รบกับพวกกวานกอยี่นายฮ่อณที่วังหวายหว่างเขาผาบางเปนที่ช่องแคบขับขัน ต่อสู้รบกันเปนสามารถได้ ๖ เวลา พวกลาวไล่ฆ่าฟันพวกฮ่อตายในขณะนั้น ๓๐ คน พวกฮ่อทานกำลังแลฝีมือลาวมิได้ แตกหนีถอยทัพกลับไปตั้งอยู่ณเมืองโสยดังเก่า
 
ครั้นอยู่มาถึงณปีจออัฐศก ๑๒๔๘ (พ.ศ.๒๔๒๙) นี้ ข้าพเจ้าทราบ ว่ากองทัพกรุงเทพฯ ซึ่งได้ยกขึ้นมาตั้งอยู่ณเมืองซ่อน แลได้แต่งกองทัพยกแยกออกเปน ๒ กอง เดินขึ้นไปปราบปรามโจรผู้ร้ายซึ่งตั้งมั่นอยู่ตามหัวเมืองสบแอด เมืองเชียงค้อ เมืองแวน เมืองโสย เมืองพูนนั้น กองทัพกรุงเทพฯ ได้ต่อสู้รบกับพวกจีนฮ่อเปนสามารถ ไล่ฆ่าฟันพวกจีนฮ่อล้มตายไปเปนอันมาก พวกฮ่อก็มีความเกรงกลัวเข้ามาอ่อนน้อมยอมสวามิภักดิ์เปนข้าอยู่ในพระราชอาณาเขตรขอบขัณฑเสมากรุงสยามต่อไป ตั้งแต่กองทัพกรุงเทพ ฯ นั้นยกขึ้นมาปราบปรามโจรผู้ร้ายแลได้จัดราชการเมืองหัวพันห้าทั้งหกตลอดไปจนถึงเมือง ๑๒ จุไทเรียบร้อยเปนปรกติในครั้งนี้ แล้วพวกฮ่อก็มิได้ยกเข้ามารบกวนเมืองซำใต้อิกต่อไป เจ้าเมืองซำใต้กับท้าวขุนกรมการแลไพร่พลเมืองพากันทำมาหากินทุกถ้วนหน้าโดยปรกติมีความศุขมาจนถึงทุกวันนี้ เปนสิ้นข้อความซึ่งข้าพเจ้าให้ถ้อยคำกล่าวตามข้อราชการที่มีเหตุเกิดขึ้นตามเมืองหัวพันห้าทั้งหกแลเมือง ๑๒ จุไทมาแล้วนั้น ข้าพเจ้าได้ทราบความแต่เท่านี้ ให้ถ้อยคำไว้เปนสำคัญ
 
== ที่ ๕ เรื่องเมืองหัวเมือง ==