สยามรัฐเปลี่ยนแปลงการปกครองแผ่นดินอย่างมีพระราชาธิบดีอยู่ใต้พระธรรมนูญการปกครอง

สยามรัฐ
เปลี่ยนแปลงการปกครองแผ่นดิน
อย่างมีพระราชาธิบดีอยู่ใต้
พระธรรมนูญการปกครอง
ภาค ๑
รวบรวมและเรียบเรียง
โดย
นายดาบ ปั้น บุณยเกียรติ
กับ
ร.อ.ท. เฮง เล้ากระจ่าง เนติบัณฑิต
พิมพ์ครั้งที่หนึ่ง ๑๐๐๐ ฉะบับ
พิมพ์ที่โรงพิมพ์ "เดลิเมล์"
ถนนสี่พระยา พระนคร
กรกฏาคม ๒๔๗๕

ประกาศคณราษฎร

ด้วยบัดนี้คณราษฎรได้จับพระบรมวงษานุวงษ์ไว้เปนประกันแล้ว ถ้าผู้ใดขัดขวางคณราษฎร ผู้นั้นจะต้องถูกลงโทษ และพระบรมวงษานุวงษ์จะต้องถูกทำร้ายด้วย.

คำนำ

หนังสือสยามรัฐนี้ ข้าพเจ้านายดาบ ปั่น บุณยเกียรติ กับรองอำมาตย์โท เฮง เล้ากระจ่าง เนติบัณฑิต ได้ช่วยกันรวบรวมและเรียบเรียงพิมพ์ขึ้นเป็นเล่มเพื่อเป็นที่ระลึก นับเป็นประวัติการณ์แห่งกรุงสยามที่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองครั้งใหญ่โดยมีพระราชาธิบดีอยู่ใต้พระธรรมนูญการปกครอง.

หนังสือนี้ได้จัดพิมพ์เป็นภาค ๆ ในภาคที่ ๑ ว่าด้วยวิธีดำเนิรการปกครองของคณะราษฎร เพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองโดยมีกษัตริย์อยู่ใต้พระธรรมนูญการปกครอง ภาคที่ ๒ ว่าด้วยกิจการที่คณะราษฎรได้ปฏิบัติไปตามโครงการที่จัดวางขึ้น.

ท่านควรฉวยโอกาสรวบรวมไว้ให้ครบชุด เพื่อประดับตู้ห้องสมุดของท่าน ท่านที่ไม่มีไว้จะเสียใจภายหลัง เพราะหนังสือเล่มนี้จะให้ผลเกินค่า.

ภาคที่ ๒ ต่อไปจะมีภาพคณะเสนาบดีชุดที่เปลี่ยนแปลงอย่างหรู.

นายดาบ ปั่น บุณยเกียรติ
ร.อ.ท. เฮง เล้ากระจ่าง เนติบัณฑิต
๒๔๘๔ ถนนจักรพงษ์
วันที่ ๑๕ กรกฏาคม พุทธศักราช ๒๔๗๕

แก้คำผิด
หน้า บรรทัด คำผิด คำถูก
๑๒ เจ้าฟ้ากรมพระกำแพงเพ็ชร์ฯ กรมพระกำแพงเพ็ชร์ฯ
๑๘ ดุศิต ดุสิต
อัคเณย์ (ทุกแห่ง) อคเณย์
๑๑ ๒๐ ๒๔
๒๑ ๑๐ ปรีกษา ปรึกษา
๓๐ ๑๘ เลขานุการเนติ
บัณฑิตสภา
เลขาธิการเนติ
บัณฑิตสภา
๓๓ สุภ ศุภ
๓๖ ๔–๕ ก็ว่าได้ (ฆ่าออก)
๖๖ ๑๐ ชี้แจ้ง ชี้แจง
๗๐ ๑๒ พระยาประสาท พระประศาสน์
๗๒ ๒๒ อำมาตย์ตรี มหาอำมาตย์ตรี
๗๕ ราษฎร คณะราษฎร
๗๙ การ กาล
๘๔ จรรโรง จรรโลง
๙๙ วันี้ วันนี้

สารบัญ
หน้า
"
"
" ๑๓
" ๑๗
" ๑๙
" ๒๖
" ๒๘
" ๒๙
" ๒๙
" ๒๙
" ๓๐
" ๓๑
" ๓๓
" ๓๗
" ๓๗
หน้า ๓๙
" ๔๒
" ๕๕
" ๕๙
" ๖๐
" ๖๒
" ๖๖
" ๖๘
" ๗๑
" ๗๒
" ๘๐
" ๘๔
" ๘๕
" ๙๕
" ๙๗
" ๙๘
" ๑๐๐
" ๑๐๑
" ๑๐๒

สยามรัฐ
เปลี่ยนแปลงการปกครอง
โดยมีพระราชาธิบดีอยู่ใต้กฎหมาย

ลุปีวอก จัตวาศก พุทธศักราช ๒๔๗๕ ในรัชชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปก พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จเสวยศิริราชสมบัติครองสยามรัฐสีมาอาณาจักรเป็นปีที่ ๘ สืบเนื่องอันดับกษัตริย์เป็นองค์ที่ ๗ ในพระราชวงศ์จักรี ต่อจากสมเด็จพระเชษฐาธิราช พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชชกาลที่ ๖ และนับจำเดิมที่กษัตริย์ในราชวงศ์จักรีได้ครองแผ่นดินสยามรัฐโดยสมบูรณาญาสิทธิราชมาได้ ๑๕๐ ปีกับ ๒ เดือนมีเศษวัน ประจวบกับในสมัยที่บ้านเมืองตกอยู่ในข่ายแห่งความอัตคัดฝืดเคืองกระทบกระเทือนด้วยเศรษฐภัย ประชาราษฎรทั่วทั้งประเทศได้รับความเดือดร้อนเป็นเอนกประการ รัฐบาลในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอันอยู่เหนือกฎหมายไม่สามารถจะแก้ไขความเดือดร้อนของราษฎรให้บรรเทาลงได้ จึ่งประชาราษฎรพร้อมกันรวบรวมขึ้นเป็นคณะ เริ่มจัดการเปลี่ยนแปลงการปกครองแผ่นดินใหม่ โดยให้มีพระราชาธิบดีอยู่ใต้พระธรรมนูญการปกครอง (Limited Monarchy) อันเป็นการขัดต่อโบราณราชประเพณีแต่เก่าก่อนซึ่งพระเจ้าแผ่นดินมีพระราชอำนาจเหนือกฎหมาย (Absolute Monarchy) การกระทำเช่นนี้ต้องกอบด้วยความคิดอันสุขุมคัมภีรภาพ และมีวิริยะเป็นที่ตั้ง จึ่งจะปราศภัยทั้งปวง คณะราษฎรดั่งกล่าวนี้มีข้าราชการฝ่ายทหารบก ทหารเรือ ข้าราชการฝ่ายพลเรือน และราษฎร รวบรวมขึ้น ให้นามคณะใหม่นี้ว่า "คณะราษฎร."

คณะราษฎรได้เริ่มกระทำการรวบอำนาจการปกครองอย่างสมบูรณาญาสิทธิราชอันมีพระราชาธิบดีใช้อำนาจโดยเด็ดขาดเข้าไว้ในกำมือโดยรวดเร็วฉับพลัน มิทันที่ฝ่ายรัฐบาลเก่าและพระราชาธิบดีเหนือกฎหมายจะทำการขัดขืนประการใด ทั้งนี้ก็หวังจะให้เปลี่ยนแปลงการปกครองแผ่นดินใหม่โดยลดพระราชอำนาจของพระเจ้าแผ่นดินลงมาอยู่ใต้อำนาจพระธรรมนูญการปกครอง.

ก่อนอื่น คณะราษฎรได้ดำเนิรนโยบายอย่างแนบเนียน กล่าวคือ ได้จัดส่งคณะราษฎร มีทหารบก ทหารเรือ และราษฎรผู้ร่วมการนี้ ไปยึดสถานที่สำคัญ ๆ ของประเทศไว้ทุกแห่ง มีคลังเงิน คลังกระสุนดินดำ และคลังอาวุธยุทธภัณฑ์ ไว้โดยฉับพลัน และในวาระเดียวกันนี้ คณะราษฎรก็ได้ไปอัญเชิญพระบรมวงศ์กับหัวหน้าบุคคลที่สำคัญ ๆ บางพระองค์และบางคนอันเกี่ยวด้วยอำนาจบัญชาการมาประทับและควบคุมไว้เป็นประกัน เพื่อความปลอดภัยของคณะราษฎร ณพระที่นั่งอนันตสมาคมอันเป็นหน่วยบัญชาการของคณะราษฎร มีสมเด็จพระเจ้าพี่ยาเธอ เจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์วรพินิต เป็นต้น โดยใช้รถปืน, รถเกราะ และรถรบ เป็นพาหะนะ พร้อมด้วยปืนเล็ก ปืนกล เข้าทำการเชื้อเชิญโดยละม่อม เวลานั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับอยู่ณพระราชวังไกลกังวล, หิวหิน มิได้ประทับอยู่ในพระนคร.

เมื่อพระองค์ท่านทราบความประสงค์ของคณะราษฎรตระหนักแน่แล้ว ก็ทรงยอมเสด็จมาโดยดุษณีภาพ ลำดับเดียวกันคณะราษฎรก็แยกย้ายไปอัญเชิญสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพอันเป็นพระเจ้าอาว์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กับไปเชิญกรมพระนริศรานุวัติวงศ์ ทั้งสองพระองค์ได้เสด็จโดยละม่อมเช่นกัน เว้นแต่พระเจ้าพี่ยาเธอ เจ้าฟ้ากรมพระกำแพงเพ็ชร์อัครโยธิน เสนาบดีกระทรวงพาณิชย์และคมนาคม ได้ด่วนเสด็จลอบออกจากวังไปโดยรถไฟพิเศษสู่พระราชวังไกลกังวล หัวหิน ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพักร้อนผ่อนพระราชหฤทัยชั่วคราว เจ้านายพระองค์นี้จึ่งพ้นจากการควบคุมของคณะราษฎรในวันนั้น การที่คณะราษฎรได้อัญเชิญเจ้านายองค์สำคัญ ๆ มาประทับณพระที่นั่งอนันตสมาคมในพระราชวังดุศิตมหาปราสาทนี้ จะมีความมุ่งร้ายต่อราชตระกูลอย่างใดก็หามิได้ หากเอาไว้เป็นประกันในการปลอดภัยแห่งคณะราษฎร ดั่งปรากฏจากข้อความซึ่งคณะราษฎรได้พิมพ์แจกจ่ายแก่ประชาชนในวันนั้น ความว่า:

"ประกาศคณะราษฎร ด้วยบัดนี้คณะราษฎรได้เชิญพระบรมวงศานุวงศ์ไว้เป็นประกันแล้ว ถ้าผู้ใดขัดขวางคณะราษฎร ผู้นั้นจะต้องถูกลงโทษ และพระบรมวงศานุวงศ์จะต้องถูกทำร้ายด้วย"

กับมีคำกราบบังคมทูลของคณะราษฎรที่มีไปถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวซึ่งประทับอยู่ณพระราชวังไกลกังวลดั่งนี้:–

พระที่นั่งอนันตสมาคม
วันที่ ๒๔ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๔๗๕
ขอเดชะฝ่าลอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม

ด้วยคณะราษฎร ข้าราชการทหารพลเรือน ได้ยึดอำนาจการปกครองแผ่นดินไว้ได้แล้ว และได้เชิญเสด็จพระบรมวงศานุวงศ์ มีสมเด็จพระเจ้าพี่ยาเธอ เจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์วรพินิต เป็นต้น ไว้เป็นประกัน ถ้าหากคณะราษฎรนี้ถูกทำร้ายด้วยประการใด ๆ ก็จะต้องทำร้ายเจ้านายที่จับกุมไว้เป็นการตอบแทน.

คณะราษฎรไม่ประสงค์ที่จะแย่งชิงราชสมบัติแต่อย่างใด ความประสงค์อันใหญ่ยิ่งก็เพื่อจะมีธรรมนูญการปกครองแผ่นดิน จึ่งขอเชิญใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทเสด็จกลับคืนสู่พระนครและทรงเป็นกษัตริย์ต่อไปโดยอยู่ใต่ธรรมนูญการปกครองแผ่นดินซึ่งคณะราษฎรได้สร้างขึ้น.

ถ้าใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทตอบปฏิเสธก็ดี หรือไม่ตอบภายใน ๑ ชั่วนาฬิกานับแต่ได้รับหนังสือนี้ก็ดี คณะราษฎรจะได้ประกาศใช้ธรรมนูญการปกครองแผ่นดินโดยเลือกเจ้านายพระองค์อื่นที่เห็นสมควรขึ้นเป็นกษัตริย์.

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม.

พ.อ. พระยาพหลพลพยุหเสนา
พ.อ. พระยาทรงสุรเดช
พ.อ. พระยาฤทธิอัคเณย์

และการที่คณะราษฎรจะได้อัญเชิญพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวคืนสู่พระนครเป็นกษัตริย์สืบไปนั้น ได้มีคำสั่งให้เรือรบหลวงไปรับเสด็จดั่งนี้:–

คำสั่งแผนกทหารเรือ

ในการเชิญเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเข้าสู่พระนคร จึ่งให้กองทัพเรือจัด ร.ล. สุโขทัย เป็นเรือรับเสด็จ และบรรจุตำแหน่งนายทหารเรือประจำใหม่ชั่วคราวดั่งนี้:–

น.ต. หลวงศุภชลาศัย เป็นผู้บังคับการเรือ.

ร.อ. ชลิต กุลกำธร เป็นต้นเรือ.

ร.อ. หลวงจักร์วิธานนิเทศ เป็นต้นกลเรือ.

การออกเรือ ให้ปฏิบัติให้เร็วที่สุดที่จะเร็วได้.

ให้กรมสรรพาวุธจ่ายเครื่องสรรพาวุธ ๑ ใน ๔ อัตราศึก.

ให้กรมพัสดุจัดสะเบียงแห้งและสดสำหรับ ๒ วัน.

ให้จัดข้าราชการทหารและพลเรือนไปเชิญเสด็จด้วยตามสมควร

พ.ร.ต. พระยาปรีชาชลยุทธ
พ.อ. พระยาพหลพลพยุหเสนา
พ.อ. พระยาทรงสุรเดช
คณะราษฎร

น.ต. หลวงศุภชลาศัย ผู้บังคับการเรือชั่วคราว เมื่อได้รับคำสั่งดั่งนั้นแล้ว ก็บัญชาให้พนักงานประจำเรือรบสุโขทัยใช้จักร์บ่ายหน้าออกปากอ่าวสยามสู่พระราชวังไกลกังวลโดยด่วน.

ร.ล. สุโขทัย ซึ่งคณะราษฎรใช้เป็นเรือรับเสด็จ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวคืนพระนคร

นอกจากพระบรมวงศานุวงศ์ที่ได้อัญเชิญมาไว้เป็นประกันแล้ว คณะราษฎรก็จำต้องกำจัดและทำการควบคุมบุคคลผู้ทำการฝ่าฝืนขัดขวางไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของคณะราษฎร เพื่อความปลอดภัยแก่คณะราษฎรอันจักดำเนิรการสืบไป คณะได้ทำการคุมตัวพระยาอธิกรณ์ประกาศ อธิบดีกรมตำรวจภูธร กับพระยาเฉลิมอากาศ เจ้ากรมอากาศยาน เป็นอาทิ และความรอบคอบอันจักมิให้ราชการดำเนิรไปโดยมีอุปสัค คณะราษฎรจึงได้สั่งตั้งผู้มีอำนาจขึ้นบัญชาการชั่วคราวก่อน ดั่งสำเนาคำสั่งต่อไปนี้:–

คำสั่งแผนกตำรวจ

เรียนนายพลตำรวจโท พระยาอธิกรณ์ประกาศ อธิบดีกรมตำรวจภูธร.

ด้วยคณะราษฎรได้ยึดอำนาจการปกครองแผ่นดินไว้ได้แล้ว และได้จัดตั้งรัฐบาลชั่วคราวขึ้น มีผู้รักษาพระนครฝ่ายทหารเป็นผู้ใช้อำนาจ ผู้รักษาพระนครฝ่ายทหารเห็นความจำเป็นที่จะตั้งนายพันตำรวจเอก พระยาบุเรศผดุงกิจ เป็นผู้รักษาตำแหน่งอธิบดีกรมตำรวจภูธร เหตุฉะนั้น ขอท่านให้มอบหมายการงานของท่านให้แก่พระยาบุเรศผดุงกิจทำแทนต่อไป.

ในส่วนตัวท่าน ถ้าท่านยินดีที่จะเห็นแก่ราษฎร คณะราษฎรก็ยินดีที่จะขอให้ท่านช่วยตามที่จะดำริเห็นสมควรในภายหลัง.

พ.อ. พระยาพหลพลพยุหเสนา
พ.อ. พระยาทรงสุรเดช
พ.อ. พระยาฤทธิอัคเณย์
ผู้รักษาพระนครฝ่ายทหาร

และในลำดับเดิยวกัน เมื่อพระยาอธิกรณ์ประกาศได้มอบหมายหน้าที่การงานแล้ว ได้เขียนรายงานมอบหน้าที่ดั่งนี้:–

ด้วยความเห็นชอบของคณะราษฎรซึ่งได้ตั้งนายพันตำรวจเอก พระยาบุเรศผดุงกิจ เป็นผู้รักษาการณ์ตำแหน่งอธิบดีกรมตำรวจภูธร และข้าพเจ้าได้มอบการงานให้แก่นายพันตำรวจเอก พระยาบุเรศผดุงกิจ แล้ว.

ขอตำรวจทั้งหลายจงเห็นแก่ราษฎร ปฏิบัติตามคำสั่งของนายพันตำรวจเอก พระยาบุเรศผดุงกิจ ต่อไป.

(ลงนาม) พระยาอธิกรณ์ประกาศ
๒๔ มิ.ย. ๗๕

ครั้นแล้วพระยาบุเรศผดุงกิจก็ได้รับมอบหน้าที่ตามสำเนาประกาศดั่งนี้:–

(สำเนา)
แผนกบัญชาการ
แจ้งความเรื่องตั้งตำแหน่ง
อธิบดีกรมตำรวจภูธร
 

ด้วยคณะราษฎรได้ตั้งให้ข้าพเจ้าเป็นผู้รักษาการตำแหน่งอธิบดีกรมตำรวจภูธรตั้งแต่วันที่ ๒๔ เดือนนี้เป็นต้นไป ดั่งปรากฏในสำเนาใบมอบหมายหน้าที่ราชการซึ่งส่งมาด้วยแล้ว จึ่งแจ้งมาให้ทราบ.

กรมตำรวจภูธรกรุงเทพฯ
วันที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๕
(ลงนาม) นายพันตำรวจเอก พระยาบุเรศผดุงกิจ
ผู้รักษาการตำแหน่งอธิบดี

ถึงแม้ว่าคณะราษฎรจะได้รอบคอบสั่งการแล้วเกือบทุกทางก็ดี ก็ยังมิวายที่จะเป็นห่วงและกังวลกรณีย์กิจรอบข้าง จึ่งใด้ให้เจ้าพระยาวรพงศ์ เสนาบดีกระทรวงวัง มีคำสั่งเป็นทางการโดยตรงยังกระทรวงวังดั่งนี้:–

คำสั่ง
แผนกทหารรักษาวัง
พระที่นั่งอนันตสมาคม
วันที่ ๒๔ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๔๗๕
แจ้งความมายังผู้บังคับการทหารรักษาวัง

ด้วยบัดนี้คณะราษฎรได้อำนาจในการปกครองและรักษาพระนครแล้ว

ฉะนั้น ขอให้จัดการรักษาความสงบเรียบร้อย อย่าได้ทำการขัดขวางคณะราษฎรเลย.

(ลงนาม) วรพงศ์

ทราบแล้ว.

(ลงนาม) พ.อ. พระยาราชวัลภานุสิษฐ์

กับประการหนึ่ง คณะราษฎรเกรงไปว่า ข้าราชการทะบวงการต่าง ๆ จะตระหนกตกใจเนื่องแต่การกระทำของคณะราษฎรคราวนี้ และบางทีอาจทำให้กำลังใจเกิดท้อถอยขึ้นก็ได้ จึ่งประกาศแก่บรรดาข้าราชการทุกทะบวงการว่า:–

ประกาศแก่บรรดาข้าราชการ

ด้วยตามที่คณะราษฎรได้ยึดอำนาจการปกครองแผ่นดินไว้โดยมีความประสงค์ข้อใหญ่ที่จะให้ประเทศสยามมีธรรมนูญการปกครองแผ่นดิน และบัดนี้สมเด็จพระเจ้าพี่ยาเธอ เจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์วรพินิต ก็ได้ลงพระนามรับรองคณะนี้แล้ว ผู้รักษาพระนครจึ่งสั่งข้าราชการทั้งหลายทุกกระทรวงทะบวงการให้มาปฏิบัติการเช่นเคย ผู้ใดละทิ้งหน้าที่ จะต้องมีความผิด

ประกาศมาณวันที่ ๒๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๕

(ลงนาม) นายพันเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา

สมเด็จพระเจ้าพี่ยาเธอ เจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์วรพินิต ทรงแนะนำคณะราษฎรในฐานะที่พระองค์ทรงเป็นผู้รักษาพระนครชั่วคราวระหว่างที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จผ่อนพระอิริยาบถณพระราชวังไกลกังวล ความว่า:–

"ด้วยตามที่คณะราษฎรได้ยึดอำนาจการปกครองแผ่นดินไว้ โดยมีความประสงค์ข้อใหญ่ที่จะให้ประเทศสยามได้มีธรรมนูญปกครองแผ่นดินนั้น.

ข้าพเจ้าขอให้ทหาร ข้าราชการ และราษฎรทั้งหลายจงช่วยกันรักษาความสงบ อย่าให้เสียเลือดเนื้อของคนไทยกันเองโดยไม่จำเป็นเลย.

(ลงพระนาม) บริพัตร์"

อนึ่ง ในตอนบ่ายแห่งวันที่ ๒๔ มิถุนายน ศกนี้ บนพระที่นั่งอนันตสมาคมซึ่งเคยเป็นที่สถิตย์แห่งธงมหาราชใหญ่อันเป็นธงประจำพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณบัดนี้จะแลเห็นธงไตรรงค์อันเป็นธงประจำชาติของสยามรัฐสีมาอาณาจักรขึ้นไปฉวัดเฉวียนอยู่แทนที่ เป็นการแสดงให้ประจักษ์แจ้งแล้วว่า คณะราษฎรได้เข้ายึดอำนาจการปกครองไว้ได้แล้วครบครัน.

ประกาศอีกฉะบับหนึ่งของคณราษฎรซึ่งข้าพเจ้า (ผู้รวบรวม) จะเว้นสรรเสริญเสียมิได้ในความรอบคอบของคณะราษฎรซึ่งเกรงว่าหนังสือพิมพ์บางฉะบับจะกล่าวความเป็นเสี้ยนหนามแก่คณะราษฎรขึ้น จึ่งมีประกาศไปยังคณหนังสือพิมพ์ดั่งนี้:–

ประกาศแก่หนังสือพิมพ์
พระที่นั่งอนันตสมาคม

ประกาศแก่เจ้าของและบรรดาผู้จัดการหนังสือพิมพ์ทุกฉะบับว่า หนังสือที่ออกตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จะต้องนำต้นเรื่องมาให้ผู้รักษาพระนครฝ่ายทหารตรวจณพระที่นั่งอนันตสมาคมก่อนที่จะพิมพ์ เจ้าของและผู้จัดการหนังสือพิมพ์ผู้ใดขัดขืน ผู้รักษาพระนครจะใช้อำนาจที่มีอยู่ปิดและยึดโรงพิมพ์ทันที.

ประกาศมาณวันที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๕

พ.อ. พระยาพหลพลพยุหเสนา

ถึงแม้กระนั้นก็ดี หนังสือพิมพ์บางฉะบับก็ยังอุตส่าห์ฝ่าฝืนคำสั่งนี้ แต่ก็หาผ่านพ้นจากสายตาของคณะราษฎรไปได้ไม่ เพราะปรากฏแน่ชัดว่า ประกาศของคณะราษฎรนั้นไม่ไร้ผล คือ คณะราษฎรได้สั่งเก็บหนังสือพิมพ์ฉะบับนั้น และเรียกตัวบรรณาธิการไต่สวนฐานขัดคำสั่ง แต่ก็อยู่ในข่ายแห่งความกรุณาของคณะราษฎร จึ่งว่ากล่าวตักเตือนแล้วปล่อยตัวไป มิให้กระทำการฝ่าฝืนอีกเป็นคำรบสอง.

ณวันที่ ๒๔ นี้ เหตุการณ์ในพระนครได้ระบือไปทั่วทุกทิศนานุทิศ บ้างก็จับกลุ่มสนทนากันต่าง ๆ ซึ่งบางคนหาทราบความแท้จริงแห่งความมุ่งหวังของคณะราษฎรนี้ไม่ จึ่งคณะราษฎรได้ออกประกาศแก่ประชาราษฎรทั้งหลาย มีใจความตามสำเนาดังนี้:–

ประกาศคณะราษฎร
ราษฎรทั้งหลาย.

เมื่อกษัตริย์องค์นี้ได้ครองราชสมบัดิสืบจากพระเชษฐานั้น ในชั้นต้นราษฎรบางคนได้หวังกันว่า กษัตริย์องค์ใหม่นี้คงจะปกครองราษฎรให้ร่มเย็น แต่การก็หาได้เป็นไปตามที่คิดหวังไม่ กษัตริย์คงทรงอำนาจเหนือกฎหมายอยู่ตามเดิม ทรงแต่งตั้งญาติวงศ์และคนสอพลอไร้คุณความรู้ให้ดำรงตำแหน่งที่สำคัญ ๆ ไม่ทรงฟังเสียงราษฎร ปล่อยให้ข้าราชการใช้อำนาจหน้าที่ในทางทุจริต มีการรับสินบลในการก่อสร้างซื้อของใช้ในราชการ หากำไรในการเปลี่ยนราคาเงิน ผลาญเงินของประเทศ ยกพวกเจ้าขึ้นให้สิทธิพิเศษมากกว่าราษฎร กดขี่ข่มเหงราษฎร ปกครองโดยขาดหลักวิชชา ปล่อยให้บ้านเมืองเป็นไปตามยถากรรม ดั่งที่จะเห็นได้จากความตกต่ำในทางเศรษฐกิจและความฝืดเคืองในการทำมาหากิน ซึ่งพวกราษฎรได้รู้กันอยู่ทั่วไปแล้ว รัฐบาลของกษัตริย์เหนือกฎหมายมิสามารถแก้ไขให้ฟื้นขึ้นได้.

การที่แก้ไขไม่ได้ ก็เพราะรัฐบาลของกษัตริย์นี้มิได้ปกครองประเทศเพื่อราษฎรตามที่รัฐบาลอื่น ๆ ได้กระทำกัน รัฐบาลของกษัตริย์ได้ถือเอาราษฎรเป็นทาส (ซึ่งเรียกว่าไพร่บ้าง ข้าบ้าง) เป็นสัตว์เดียรฉาน ไม่นึกว่าเป็นมนุษย์ เหตุฉะนั้น แทนที่จะช่วยราษฎร กลับพากันทำนาบนหลังราษฎร จะเห็นได้ว่า ภาษีอากรที่บีบคั้นเอามาจากราษฎรนั้น กษัตริย์ได้เอาไว้ใช้ส่วนตัวปีหนึ่งเป็นจำนวนหลายล้าน ส่วนราษฎรสิ กว่าจะหาได้แม้แต่เล็กน้อยแทบเลือดตากระเด็น ถึงคราวเสียเงินราชการหรือภาษีใด ถ้าไม่มีเงิน รัฐบาลก็ยึดทรัพย์หรือใช้งานโยธา แต่พวกเจ้ากลับนั่งกินนอนกินกันเป็นสุข ไม่มีประเทศใดในโลกจะให้เงินเจ้ามากเช่นนี้ นอกจากพระเจ้าซาร์และพระเจ้าไกเซอร์เยอรมัน ซึ่งชนชาตินั้นก็ได้โค่นราชบัลลังก์เสียแล้ว.

รัฐบาลของกษัตริย์ได้ปกครองอย่างหลอกลวง ไม่ซื่อตรงต่อราษฎร มีเป็นต้นว่า หลอกว่าจะบำรุงการทำมาหากินอย่างโน้นอย่างนี้ แต่ครั้นคอย ๆ ก็เหลวไป หาได้ทำจริงจังไม่ มิหนำซ้ำ กล่าวคำหมิ่นประมาทราษฎรผู้มีบุญคุณเสียภาษีอากรให้พวกเจ้าได้กินว่า ราษฎรยังมีเสียงทางการเมืองไม่ได้ เพราะราษฎรยังโง่ คำพูดของพวกรัฐบาลเช่นนี้ใช้ไม่ได้ ถ้าราษฎรโง่ เจ้าก็โง่ เพราะเป็นคนชาติเดียวกัน ที่ราษฎรรู้เท่าไม่ถึงเจ้านั้น ไม่ใช่เพราะโง่ เป็นเพราะขาดการศึกษาที่พวกเจ้าปกปิดไว้ไม่ให้เรียนเต็มที่ เพราะเกรงว่า เมื่อราษฎรได้มีการศึกษา ก็จะรู้ความชั่วร้ายที่พวกเจ้าทำไว้ และคงจะไม่ยอมให้เจ้าทำนาบนหลังคน.

ราษฎรทั้งหลายพึงรู้เถิดว่า ประเทศเรานี้เป็นของราษฎร ไม่ใช่ของกษัตริย์ตามที่เขาหลอกลวง.

บรรพบุรุษของราษฎรเป็นผู้ช่วยกันกู้ให้ประเทศมีอิสสรภาพพ้นมือจากข้าศึก พวกเจ้ามีแต่จะชุบมือเปิบและกวาดรวบทรัพย์สมบัติเข้าไว้ตั้งหลายร้อยล้าน เงินเหล่านี้เอามาจากไหน? ก็เอามาจากราษฎรเพราะวิธีทำนาบนหลังคนนั่นเอง บ้านเมืองกำลังอัตคัดฝืดเคือง ชาวนาและพ่อแม่ทหารต้องทิ้งนาเพราะทำไม่ได้ผล รัฐบาลไม่บำรุง รัฐบาลไล่คนงานออกอย่างเกลื่อนกลาด นักเรียนเรียนเสร็จแล้วและทหารปลดกองหนุนแล้วไม่มีงานทำ จะต้องอดอยากไปตามยถากรรม เหล่านี้เป็นผลของรัฐบาลของกษัตริย์เหนือกฎหมาย บีบคั้นข้าราชการผู้น้อย นายสิบและเสมียนเมื่อให้ออกจากงานแล้วก็ไม่ให้เบี้ยบำนาญ ความจริงควรเอาเงินที่กวาดรวบรวมไว้มาจัดบำรุงบ้านเมืองให้คนมีงานทำ จึ่งจะสมควรที่สนองคุณราษฎรซึ่งได้เสียภาษีอากรให้พวกเจ้าได้ร่ำรวยมานาน แต่พวกเจ้าก็หาได้ทำอย่างใดไม่ คงสูบเลือดกันเรื่อย ๆ ไป เงินมีเหลือเท่าใดก็เอาฝากต่างประเทศ คอยเตรียมหนีเมื่อบ้านเมืองทรุดโทรม ปล่อยให้ราษฎรอดอยาก การเหล่านี้ย่อมชั่วร้าย.

เหตุฉะนั้น ราษฎร ข้าราชการทหารและพลเรือน ที่รู้เท่าถึงการกระทำอันชั่วร้ายของรัฐบาลดั่งกล่าวแล้ว จึ่งรวมกำลังตั้งเป็นคณะราษฎรขึ้น และได้ยึดอำนาจของรัฐบาลของกษัตริย์ไว้ได้แล้ว คณะราษฎรเห็นว่า การที่จะแก้ความชั่วร้ายนี้ได้ ก็โดยที่จะต้องจัดการปกครองโดยมีสภา จะได้ช่วยกันปรึกษาหารือหลาย ๆ ความคิด ดีกว่าความคิดเดียว ส่วนผู้เป็นประมุขของประเทศนั้น คณะราษฎรไม่ประสงค์ทำการแย่งชิงราชสมบัติ ฉะนั้น จึ่งได้ขอเชิญให้กษัตริย์องค์นี้ดำรงค์ตำแหน่งกษัตริย์ต่อไป แต่จะต้องอยู่ใต้กฎหมายธรรมนูญการปกครองแผ่นดิน จะทำอะไรโดยลำพังไม่ได้ นอกจากด้วยความเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎร คณะราษฎรได้แจ้งความประสงค์นี้ให้กษัตริย์ทราบแล้ว เวลานี้ยังอยู่ในความรับตอบ ถ้ากษัตริย์ตอบปฏิเสธหรือไม่ตอบภายในกำหนดโดยเห็นแก่ส่วนตนว่าจะถูกลดอำนาจลงมา ก็จะได้ชื่อว่าทรยศต่อชาติ และก็เป็นการจำเป็นที่ประเทศจะต้องมีการปกครองแบบอย่างประชาธิปตัย (Republic) กล่าวคือ ประมุขของประเทศจะเป็นบุคคลสามัญซึ่งสภาผู้แทนราษฎรได้เลือกตั้งขึ้นอยู่ในตำแหน่งตามกำหนดเวลา ตามวิธีนี้ ราษฎรพึงหวังเถิดว่า ราษฎรจะได้รับความบำรุงอย่างดีที่สุด ทุกคนจะมีงานทำ เพราะประเทศของเราเป็นประเทศที่อุดมอยู่แล้วตามสภาพ เมื่อเราได้ยึดเงินที่พวกเจ้ารวบรวมไว้จากการทำนาบนหลังคนตั้งหลายร้อยล้านมาบำรุงประเทศขึ้นแล้ว ประเทศจะต้องเฟื่องฟูขึ้นเป็นแม่นมั่น การปกครองซึ่งคณะราษฎรจะพึงกระทำก็คือ จำต้องวางโครงการ อาสัยหลักวิชชา ไม่ทำไปเสมือนคนตาบอดเช่นรัฐบาลที่มีกษัตริย์เหนือกฎหมายทำมาแล้ว เป็นหลักใหญ่ ๆ ที่คณะราษฎรวางไว้มีอยู่ว่า:–

๑.จะต้องรักษาความเป็นเอกราชทั้งหลาย เช่น เอกราชในทางการเมือง ในทางศาล ในทางเศรษฐกิจ ฯลฯ ของประเทศไว้ให้มั่นคง.

๒.จะต้องรักษาความปลอดภัยภายในประเทศ ให้การประทุษฐร้ายต่อกันลดน้อยลงให้มาก.

๓.จะต้องบำรุงความสุขสมบูรณ์ของราษฎรในทางเศรษฐกิจ โดยรัฐบาลใหม่จะหางานให้ราษฎรทุกคนทำ จะวางโครงการเศรษฐกิจแห่งชาติ ไม่ปล่อยให้ราษฎรอดอยาก.

๔.จะต้องให้ราษฎรมีสิทธิเสมอภาคกัน (ไม่ใช่ให้พวกเจ้ามีสิทธิยิ่งกว่าราษฎรเช่นที่เป็นอยู่).

๕.จะต้องให้ราษฎรได้มีเสรีภาพ มีความเป็นอิสสระ เมื่อเสรีภาพนี้ไม่ขัดต่อหลัก ๔ ประการดั่งกล่าวข้างต้น.

๖.จะต้องให้การศึกษาอย่างเต็มที่แก่ราษฎร.

ราษฎรทั้งหลายจงพร้อมใจกันช่วยคณะราษฎรให้ทำกิจอันจะคงอยู่ชั่วดินฟ้านี้ให้สำเร็จ คณะราษฎรขอให้ทุกคนที่มิได้ร่วมมือเข้ายึดอำนาจจากรัฐบาลกษัตริย์เหนือกฎหมายพึงตั้งตนอยู่ในความสงบ และตั้งหน้าทำมาหากิน อย่าทำการใด ๆ อันเป็นการขัดขวางต่อคณะราษฎร การที่ราษฎรช่วยคณะราษฎรนี้เท่ากับราษฎรช่วยประเทศ และช่วยตัวราษฎร บุตร หลาน เหลน ของตนเอง ประเทศจะมีความเป็นเอกราชอย่างพร้อมบูรณ์ ราษฎรจะได้รับความปลอดภัย ทุกคนจะมีงานทำ ไม่ต้องอดตาย ทุกคนจะมีสิทธิเสมอกัน และมีเสรีภาพ พ้นจากการเป็นไพร่ เป็นข้าเป็นทาสของพวกเจ้า หมดสมัยที่เจ้าจะทำนาบนหลังราษฎร สิ่งที่ทุกคนพึงปรารถนา คือความสุขความเจริญอย่างประเสริฐ ซึ่งเรียกกันเป็นศัพท์ว่า "ศรีอาริย" นั้น ก็จะพึงบังเกิดขึ้นแก่ราษฎรถ้วนหน้า.

คำประกาศของคณะราษฎรดั่งได้หยิบยกมาไว้ในที่นี้ ชาวเราผู้เป็นคนไทยต่อไปนี้จะเป็นไทยทั้งกาย, ใจ และเลือดเนื้อพร้อมบูรณ์อย่างแน่แท้ ประกาศนี้ได้ปลิวว่อนไปทั่วทั้งพระนคร ชาวประชาราษฎรต่างซร้องสาธุการอำนวยพรอยู่เซ็งแซ่ให้คณะราษฎรบรรลุผลสำเร็จโดยอานุภาพ รถเกราะและรถรบพร้อมทั้งรถบรรทุกทหารของคณะราษฎรจะผ่านไปสารทิศใด จะได้ยินสำเนียงเสียงไชโย! ไชโย! ไชโย! อยู่สนั่นหวั่นไหว น่าปราบปลื้ม.

เหตุการณ์ทั้งหลายได้ดำเนิรโดยเรียบร้อยเป็นลำดับมา และก็ด้วยความใคร่จะได้จัดการปกครองอย่างใหม่นี้โดยรวดเร็วและฉับพลันมิให้เฉื่อยชา คณะราษฎรจึ่งได้เริ่มจัดการประชุมเสนาบดีและปลัดทูลฉลองกระทรวงทะบวงการต่าง ๆ คณะเก่าพร้อมทั้งคณะราษฎรปัจจุบันวันที่ ๒๔ มิถุนายน ศกนี้ เวลา ๑๖.๐๐ น. ดังรายงานการประชุมต่อไปนี้:–

พระที่นั่งอนันตสมาคม
วันที่ ๒๔ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๔๗๕

ผู้ที่มาประชุมคือ:–

คณราษฎร
ทหารบก
  1. นายพันเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา
  2. นายพันเอก พระยาทรงสุรเดช
  3. นายพันเอก พระยาฤทธิ์อัคเณย์
  4. นายพันโท พระประศาสน์พิทยายุทธ
  1. นายพันโท พระเหี้ยมใจหาญ
  2. นายพันตรี หลวงพิบูลย์สงคราม
ทหารเรือ
  1. นายพลเรือตรี พระยาปรีชาชลยุทธ
  2. นายพลเรือตรี พระยาศรยุทธเสนี
  3. นายนาวาตรี หลวงสินธุ์สงคราม (ติดรักษาการ)
ราษฎร
  1. หลวงประดิษฐ์มนูธรรม
  2. นายซิม วิรไวทยะ ผู้จดรายงาน
เสนาบดี
  1. กรมหมื่นเทววงศ์วโรทัย เสนาบดีกระทรวงการต่างประเทศ
  2. พระองค์เจ้าศุภโยคเกษม เสนาบดีกระทรวงพระคลังมหาสมบัติ
  3. พระองค์เจ้าธานีนิวัต เสนาบดีกระทรวงเกษตราธิการ
  4. เจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศร์ เสนาบดีกระทรวงยุตติธรรม
  5. พระยาราชนิกูล ปลัดทูลฉลองกระทรวงมหาดไทย
หน้า:Sayamrat 2475.djvu/28หน้า:Sayamrat 2475.djvu/29หน้า:Sayamrat 2475.djvu/30หน้า:Sayamrat 2475.djvu/31หน้า:Sayamrat 2475.djvu/32หน้า:Sayamrat 2475.djvu/33หน้า:Sayamrat 2475.djvu/34หน้า:Sayamrat 2475.djvu/35หน้า:Sayamrat 2475.djvu/36หน้า:Sayamrat 2475.djvu/37หน้า:Sayamrat 2475.djvu/38หน้า:Sayamrat 2475.djvu/39หน้า:Sayamrat 2475.djvu/40หน้า:Sayamrat 2475.djvu/41หน้า:Sayamrat 2475.djvu/42หน้า:Sayamrat 2475.djvu/43หน้า:Sayamrat 2475.djvu/44หน้า:Sayamrat 2475.djvu/45หน้า:Sayamrat 2475.djvu/46หน้า:Sayamrat 2475.djvu/47หน้า:Sayamrat 2475.djvu/48หน้า:Sayamrat 2475.djvu/49หน้า:Sayamrat 2475.djvu/50หน้า:Sayamrat 2475.djvu/51หน้า:Sayamrat 2475.djvu/52หน้า:Sayamrat 2475.djvu/53หน้า:Sayamrat 2475.djvu/54หน้า:Sayamrat 2475.djvu/55หน้า:Sayamrat 2475.djvu/56หน้า:Sayamrat 2475.djvu/57หน้า:Sayamrat 2475.djvu/58หน้า:Sayamrat 2475.djvu/59หน้า:Sayamrat 2475.djvu/60หน้า:Sayamrat 2475.djvu/61หน้า:Sayamrat 2475.djvu/62หน้า:Sayamrat 2475.djvu/63หน้า:Sayamrat 2475.djvu/64หน้า:Sayamrat 2475.djvu/65หน้า:Sayamrat 2475.djvu/66หน้า:Sayamrat 2475.djvu/67หน้า:Sayamrat 2475.djvu/68หน้า:Sayamrat 2475.djvu/69หน้า:Sayamrat 2475.djvu/70หน้า:Sayamrat 2475.djvu/71หน้า:Sayamrat 2475.djvu/72หน้า:Sayamrat 2475.djvu/73หน้า:Sayamrat 2475.djvu/74หน้า:Sayamrat 2475.djvu/75หน้า:Sayamrat 2475.djvu/76หน้า:Sayamrat 2475.djvu/77หน้า:Sayamrat 2475.djvu/78หน้า:Sayamrat 2475.djvu/79หน้า:Sayamrat 2475.djvu/80หน้า:Sayamrat 2475.djvu/81หน้า:Sayamrat 2475.djvu/82หน้า:Sayamrat 2475.djvu/83หน้า:Sayamrat 2475.djvu/84หน้า:Sayamrat 2475.djvu/85หน้า:Sayamrat 2475.djvu/86หน้า:Sayamrat 2475.djvu/87หน้า:Sayamrat 2475.djvu/88หน้า:Sayamrat 2475.djvu/89หน้า:Sayamrat 2475.djvu/90หน้า:Sayamrat 2475.djvu/91หน้า:Sayamrat 2475.djvu/92หน้า:Sayamrat 2475.djvu/93หน้า:Sayamrat 2475.djvu/94หน้า:Sayamrat 2475.djvu/95หน้า:Sayamrat 2475.djvu/96หน้า:Sayamrat 2475.djvu/97หน้า:Sayamrat 2475.djvu/98หน้า:Sayamrat 2475.djvu/99หน้า:Sayamrat 2475.djvu/100หน้า:Sayamrat 2475.djvu/101หน้า:Sayamrat 2475.djvu/102หน้า:Sayamrat 2475.djvu/103หน้า:Sayamrat 2475.djvu/104หน้า:Sayamrat 2475.djvu/105หน้า:Sayamrat 2475.djvu/106หน้า:Sayamrat 2475.djvu/107หน้า:Sayamrat 2475.djvu/108

เพลงชาติ
(ร้องทำนองมหาชัย)

สยามอยู่ คู่ฟ้า อย่าสงสัย
เพราะชาติไทย เป็นไทย ไปทุกเมื่อ
ชาวสยาม นำสยาม เหมือนนำเรือ
ผ่านแก่งเกาะ เพราะเพื่อ ชาติพ้นภัย
เราร่วมใจ ร่วมรัก สมัครหนุน
วางธรรมนูญ สฐาปานา ภาราใหม่
ยกสยาม ยิ่งยง ธำรงชัย
ให้คงไทย ตราบสิ้น ดินฟ้า ๚
– จบภาค ๑ –

งานนี้ ปัจจุบันเป็นสาธารณสมบัติแล้ว เพราะลิขสิทธิ์ได้หมดอายุตามมาตรา 19 และมาตรา 20 ของพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ซึ่งระบุว่า

ถ้ารู้ตัวผู้สร้างสรรค์ ในกรณีที่ผู้สร้างสรรค์เป็นบุคคลธรรมดา
  1. ลิขสิทธิ์หมดอายุเมื่อพ้น 50 ปีนับแต่ผู้สร้างสรรค์ถึงแก่ความตาย
  2. ถ้ามีผู้สร้างสรรค์ร่วม ลิขสิทธิ์หมดอายุ
    1. เมื่อพ้น 50 ปีนับแต่ผู้สร้างสรรค์ร่วมคนสุดท้ายถึงแก่ความตาย หรือ
    2. เมื่อพ้น 50 ปีนับแต่ได้โฆษณางานนั้นเป็นครั้งแรก ในกรณีที่ไม่เคยโฆษณางานนั้นเลยก่อนที่ผู้สร้างสรรค์ร่วมคนสุดท้ายจะถึงแก่ความตาย
ถ้ารู้ตัวผู้สร้างสรรค์ ในกรณีที่ผู้สร้างสรรค์เป็นนิติบุคคล หรือถ้าไม่รู้ตัวผู้สร้างสรรค์
  1. ลิขสิทธิ์หมดอายุเมื่อพ้น 50 ปีนับแต่ได้สร้างสรรค์งานนั้นขึ้น
  2. แต่ถ้าได้โฆษณางานนั้นในระหว่าง 50 ปีข้างต้น ลิขสิทธิ์หมดอายุเมื่อพ้น 50 ปีนับแต่ได้โฆษณางานนั้นเป็นครั้งแรก