สิริธรชาดก
เริ่มเรื่องด้วยการอาราธนาของอุบาสกอุบาสิกา สองสามีภรรยาที่เคยเป็นจนยากจนมาก่อนแต่มีความศรัทธาได้ทำบุญให้ทานมาตลอดและขยันทำการงานจนทำให้มีฐานะดีขึ้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงนำเรื่องสิริธรเศรษฐีชาวเมืองพาราณสีในอดีตมาเล่าให้ฟังว่า เศรษฐีนั้นเป็นผู้มีศรัทธาตั้งอยู่ในศีล ๕ เป็นนิตย์ ได้ถวายทานแก่พระปัจเจกพุทธเจ้าองค์หนึ่งที่ออกจากสมาบัติใหม่ๆ เมื่อพระปัจเจกพุทธเจ้าหลีกไปแล้วพระโพธิสัตว์จึงเข้าไปเรือน ระลึกถึงทานของตนแล้วจึงอธิษฐานว่า หากอานิสงส์ทานของเรามีจริงแล้วไซร้ ขอให้ลาภเกิดปรากฎแก่เราในชาตินี้เทอญ ทันใดนั้นด้ายอานุภาพแห่งทาน เรือนเก่าก็หายไปปราสาททองก็เกิดขึ้นแก่เขาพร้อมกับทรัพย์สินเงินทองเป็นจำนวนมาก พวกมนุษย์ทั้งหลายพากันมาดูปราสาททองของพระโพธิสัตว์ ๆ เมื่อจะสรรเสริญทานของตนจึงได้กล่าวเป็นคาถาว่า ทานที่ให้แล้วด้วยศรัทธา ย่อมนำมาซึ่งผลเห็นประจักษ์ในปัจจุบัน ผลทานนั้นอาจนำมาซึ่งคุณ คือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ ยสะ กิตติ (เกียรติ) ในภพนี้และภพหน้า เมื่อนำเรื่องในอดีตมาแสดงแล้ว พระบรมศาสดาจึงตรัสพระคาถาว่า ทานเป็นสิ่งประเสริฐสุดในโลกนี้ ทานอันบุคคลให้แล้วย่อมนำมาซึ่งลาภเป็นที่พึ่ง ทานที่บุคคลให้แล้วย่อมมีอานิสงส์ คือ ให้เกียรติคุณเจริญยิ่งขึ้นไป