เรื่องสุรูปชาดก เริ่มเรื่องด้วยการสนทนาของพวกภิกษุว่าพระองค์ไม่อิ่ม ไม่เบื่อในทาน ถึงแม้เสด็จออกบวชเป็นพระพุทธเจ้าแล้วได้บวชวักกลิไม่นานก็ให้ตั้งอยู่ในพระอรหัต พระองค์เสด็จจากที่สีหไสยาสน์แล้วเสด็จไปยังธรรมสภา ตรัสถามภิกษุทั้งหลาย เมื่อภิกษุกราบทูลเรื่องที่สนทนากันแล้ว จึงตรัสว่าไม่ใช่เรื่องอัศจรรย์เพราะพระองค์เป็นพระพุทธเจ้า ส่วนในอดีตที่เป็นปุถุชนได้ให้ทานบุตร ภรรยา และตนเอง แก่ผู้แสดงธรรมเป็นเรื่องอัศจรรย์กว่า แล้วนำเรื่องในอดีตมาตรัสว่า ในอดีตกาลล่วงมามีพระราชาพระนามว่าสุรูปราชครองราชย์สมบัติอยู่ในนครอินทปัตถ์ มีพระมเหสีพระนามว่าสุนทรีราชเทวี พระราชบุตรพระนามว่าสุนทรราชกุมาร วันหนึ่งพระองค์ทรงรำพึงว่ สรีรร่างกายนี้คล้ายคล้ายกันกับแสงสว่างแห่งพยับแดด ไม่มีแก่นสารเปรียบเหมือนต้นกล้วย ทำไฉนจึงจะได้ฟังธรรม จึงได้ปรึกษากับพวกอำมาตย์ พวกอำมาตย์กราบทูลว่า ตั้งแต่เกิดมาก็เคยได้ยินแต่คำว่า พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ แต่ยังไม่เคยเห็นเลยแล้วพระองค์จะได้ฟังธรรมแต่ที่ไหน พระเจ้าสุรูปราชทรงท้อพระทัยจึงหาอุบายเพื่อจะได้ฟังธรรมด่้วยการใช้ราชบุรุษป่าวประกาศว่า ผู้ใดสามารถจะกล่าวธรรมถวายพระเจ้าอยู่หัวได้ เราจะให้ทองคำ ๑,๐๐๐ ตำลึงและผอบแก้วกับช้าง พวกราชบุรุษทั้งหลายก็ทำตาม ป่าวร้องอยู่จนถึง ๗ ปีก็หาคนแสดงธรรมไม่ได้ พระเจ้าสุรูปราชทรงสลดพระทัยเป็นอย่างยิ่ง ทรงหมดหวังที่จะได้ฟังธรรมจึงประกาศว่า เราจักให้ทรัพย์ทุกสิ่งที่ผู้แสดงธรรมต้องการ เป็นต้นว่าภรรยา บุตร เงิน ทอง ทาสทาสี ช้าง ม้า โค กระบือ ขอแต่ได้ฟังธรรม ด้วยแรงอธิษฐานของพระโพธิสัตว์ทำให้เกิดแผ่นดินไหว ภูเขาโอนอ่อนลงมาประดุจหน่อหวายที่ถูกไฟลวก ท้าวสักกเทวราชทรงปรบพระหัตถ์กึกก้อง เสียงโกลาหลดังไปถึงพรหมโลก ท้าวสักกะจึงแปลงเป็นยักษ์ลงมายืนอยู่ตรงหน้าพระโพธิสัตว์ มหาชนเมื่อเห็นยักษ์ก็วิ่งหนีเพราะกลัว แต่พระโพธิสัตว์เข้าไปหาแล้วตรัสถามถึงสาเหตุที่ยักษ์มา ยักษ์ตอบว่า มาเพื่อจะแสดงธรรมให้ฟัง พระเจ้าสุรูปราชทรงปีตีโสมนัสมากจึงได้ตรัสบอกให้ยักษ์แสดงธรรมให้ฟัง แต่ยักษ์บอกว่า เดินทางมาไกลและหิวมากขอให้ได้กินอาหารก่อนจึงจะแสดงธรรมได้ พระเจ้าสุรูปราชจึงสั่งให้จัดอาหารให้ แต่ยักษ์ไม่กินบอกว่า ธรรมดายักษ์ต้องได้กินเนื้อมนุษย์พร้อมทั้งเลือดถึงจะถูกใจ ถ้าพระราชาให้มนุษย์ที่มีชีวิตได้ จึงจะแสดงธรรมให้ฟังได้ พระโพธิสัตวเจ้าจึงตรัสตอบว่าได้ จงแสดงธรรมก่อนเถิด เมื่อแสดงจบแล้วพระองค์จะมอบพระองค์ให้ ฝ่ายพระราชเทวีได้สดับคำนั้นแล้ว ทรงรำพึงว่า จะทำให้ความปรารถนาของสวามีให้สำเร็จ แล้วเสด็จเข้าไปหาพระราชากราบทูลว่า พระนางจะสละชีวิตของตนแก่ยักษ์ พระราชาก็ทรงอนุญาต ฝ่ายยักษ์ก็ตกลง แล้วทำทีเหมือนเคี้ยวกินพระเทวีแต่เอามาซ่อนไว้ด้วยกำลังแห่งฤทธิ์ เมื่อเห็นยักษ์ได้กินเนื้อมนุษย์สมใจแล้ืวพระเจ้าสุรูปราชจึงบอกให้ยักษ์แสดงธรรมให้ฟัง ยักษ์บอกว่ายังไม่อิ่มแล้วขอกินพระราชกุมารอีกองค์หนึ่ง พระราชาก็ทรงให้ ยักษ์ทำทีกินพระกุมารแล้วก็ซ่อนไว้อีก พวกประชาชนพากันวิ่งหนีเพราะกลัว ยกเว้นพระราชาองค์เดียว พระราชาสั่งให้ยักษ์แสดงธรรมแต่ยักษ์บอกว่ายังไม่อิ่มขอกินอีก พระราชาจึงรักปากว่าจะมอบพระองค์เองให้ ยักษ์รับคำแล้วแสดงธรรมให้ฟังตามพระพุทธลีลา ว่า ความเศร้าโศกและความกลัวย่อมบังเกิด เพราะความรัก เมื่อบุคคลพ้นไปเสียจากความรักแล้ว ความเศร้าโสกและความกลัวแต่ที่ไหนๆ ก็ไม่มี ความเศร้าโศกและความกลัวย่อมเกิดแต่ตัณหา เมื่อบุคคลพ้นไปเสียจากตัณหาแล้ว ความเศร้าโศกและความกลัวแต่ที่ไหนๆ ก็ไม่มี ความเศร้าโศกและความกลัวย่อมเกิดแต่ความยินดี เมื่อบุคคลพ้นไปจากความยินดีแล้ว ความเศร้าโศกและความกลัวแต่ที่ไหนๆ ก็ไม่มี ความเศร้าโศกและความกลัวย่อมบังเกิดเพราะความใคร่ปรารถนา เมื่อบุคคลพ้นไปจากความใคร่ปรารถนาแล้ว ความเศร้าโศกและความกลัวแต่ที่ไหนๆ ก็ไม่มี เมื่อได้ฟังธรรมจบพระราชาก็ได้มอบพระองค์เองแก่ยักษ์ ยักษ์แปลงกล่าวชมเชยพระราชาแล้วกล่าวว่า พระองค์อยากได้พระราชเทวีและพระราชกุมารคืนหรือไม่ พระราชาตรัสตอบว่าอยากได้คืน ยักษ์จึงนำเอาพระราชเวที และพระราชกุมารมาถวายให้แก่พระราชา แล้วเหาะขึ้นไปบนอากาศประกาศตนเองว่าเป็นท้าวสักกเทวราช